Straddle Option

Straddle Option

Straddle Option เป็นกลยุทธ์การซื้อขาย ออปชั่น ที่ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่ไม่แน่ใจว่าจะขึ้นหรือลง กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการซื้อทั้ง Call Option และ Put Option ที่มีราคาใช้สิทธิ (Strike Price) และวันหมดอายุ (Expiration Date) เดียวกัน บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับ Straddle Option สำหรับผู้เริ่มต้น รวมถึงข้อดี ข้อเสีย จุดที่ควรพิจารณา และตัวอย่างการใช้งาน

หลักการทำงานของ Straddle Option

Straddle Option เป็นกลยุทธ์ที่เป็นกลาง (Neutral Strategy) ซึ่งหมายความว่าผลกำไรไม่ได้ขึ้นอยู่กับทิศทางของราคา แต่ขึ้นอยู่กับขนาดของการเปลี่ยนแปลงราคา หากราคาของสินทรัพย์อ้างอิงเคลื่อนไหวอย่างมาก ไม่ว่าจะขึ้นหรือลง ผู้ซื้อ Straddle จะได้รับผลกำไร แต่หากราคาไม่เคลื่อนไหวมากพอ ผู้ซื้อจะขาดทุน

กลยุทธ์นี้ประกอบด้วยสองส่วน:

Long Call Option: การซื้อ Call Option หมายถึงสิทธิในการซื้อสินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนด (ราคาใช้สิทธิ) ภายในวันที่กำหนด (วันหมดอายุ)
Long Put Option: การซื้อ Put Option หมายถึงสิทธิในการขายสินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนด (ราคาใช้สิทธิ) ภายในวันที่กำหนด (วันหมดอายุ)

ทั้งสองออปชั่นนี้มีราคาใช้สิทธิและวันหมดอายุเดียวกัน ทำให้กลยุทธ์นี้มีประสิทธิภาพในการทำกำไรจากความผันผวน (Volatility) ของราคา

กลไกการทำกำไรและขาดทุน

กำไรสูงสุด: กำไรสูงสุดจะเกิดขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิงเคลื่อนที่ขึ้นหรือลงอย่างมากเกินราคาใช้สิทธิบวกค่าพรีเมียมที่จ่ายไปสำหรับทั้งสองออปชั่น
ขาดทุนสูงสุด: ขาดทุนสูงสุดจะเกิดขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิงไม่เปลี่ยนแปลง หรือเปลี่ยนแปลงน้อยมาก ณ วันหมดอายุ ในกรณีนี้ ผู้ซื้อจะเสียค่าพรีเมียมที่จ่ายไปสำหรับทั้งสองออปชั่น
จุดคุ้มทุน (Break-even Points): มีสองจุดคุ้มทุนสำหรับ Straddle Option:

   *   จุดคุ้มทุนด้านบน: ราคาใช้สิทธิ + ค่าพรีเมียมรวมของ Call และ Put Option
   *   จุดคุ้มทุนด้านล่าง: ราคาใช้สิทธิ - ค่าพรีเมียมรวมของ Call และ Put Option

ตัวอย่างการใช้งาน Straddle Option

สมมติว่าหุ้น XYZ ซื้อขายอยู่ที่ราคา 50 บาท และคุณคาดการณ์ว่าจะมีข่าวสำคัญเกี่ยวกับบริษัทในเร็วๆ นี้ ซึ่งอาจทำให้ราคาหุ้นผันผวนอย่างมาก แต่คุณไม่แน่ใจว่าราคาจะขึ้นหรือลง คุณจึงตัดสินใจใช้กลยุทธ์ Straddle Option โดย:

ซื้อ Call Option ที่ราคาใช้สิทธิ 50 บาท ด้วยค่าพรีเมียม 2 บาทต่อหุ้น
ซื้อ Put Option ที่ราคาใช้สิทธิ 50 บาท ด้วยค่าพรีเมียม 2 บาทต่อหุ้น

ค่าพรีเมียมรวมที่จ่ายไปคือ 4 บาทต่อหุ้น

สถานการณ์ที่ 1: ราคาหุ้นขึ้นเป็น 60 บาท ณ วันหมดอายุ

   *   Call Option จะมีมูลค่า 10 บาท (60 - 50)
   *   Put Option จะหมดอายุเป็นศูนย์
   *   กำไรสุทธิ = 10 - 4 = 6 บาทต่อหุ้น

สถานการณ์ที่ 2: ราคาหุ้นลงเป็น 40 บาท ณ วันหมดอายุ

   *   Call Option จะหมดอายุเป็นศูนย์
   *   Put Option จะมีมูลค่า 10 บาท (50 - 40)
   *   กำไรสุทธิ = 10 - 4 = 6 บาทต่อหุ้น

สถานการณ์ที่ 3: ราคาหุ้นอยู่ที่ 50 บาท ณ วันหมดอายุ

   *   ทั้ง Call และ Put Option จะหมดอายุเป็นศูนย์
   *   ขาดทุนสุทธิ = 4 บาทต่อหุ้น

ข้อดีและข้อเสียของ Straddle Option

ข้อดีและข้อเสียของ Straddle Option
ข้อดี
ทำกำไรได้ไม่ว่าจะเกิดการขึ้นหรือลงของราคา
จำกัดความเสี่ยงไว้ที่ค่าพรีเมียมที่จ่ายไป
เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่คาดการณ์ความผันผวนสูง
สามารถใช้ประโยชน์จากข่าวสำคัญ หรือเหตุการณ์ที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อราคาได้

จุดที่ควรพิจารณาก่อนใช้ Straddle Option

ค่าพรีเมียม: ค่าพรีเมียมของออปชั่นมีผลกระทบอย่างมากต่อผลกำไรและขาดทุน ควรเปรียบเทียบค่าพรีเมียมของออปชั่นต่างๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ
ความผันผวนโดยนัย (Implied Volatility): ความผันผวนโดยนัย เป็นตัวบ่งชี้ความคาดหวังของตลาดเกี่ยวกับความผันผวนในอนาคต หากความผันผวนโดยนัยสูง แสดงว่าตลาดคาดว่าจะมีการเคลื่อนไหวของราคาอย่างมาก ซึ่งอาจเป็นโอกาสที่ดีในการใช้กลยุทธ์ Straddle Option แต่ก็ต้องระวังว่าค่าพรีเมียมอาจสูงตามไปด้วย
ระยะเวลาจนถึงวันหมดอายุ: ระยะเวลาจนถึงวันหมดอายุมีผลต่อราคาของออปชั่น หากระยะเวลาเหลือน้อย ราคาของออปชั่นจะลดลงตามเวลา (Time Decay)
ราคาใช้สิทธิ: การเลือกราคาใช้สิทธิที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ หากเลือกราคาใช้สิทธิที่ห่างจากราคาปัจจุบันมากเกินไป อาจทำให้ยากต่อการทำกำไร

การจัดการความเสี่ยง (Risk Management)

กำหนด Stop-Loss: กำหนดระดับราคาที่ยอมรับได้หากการซื้อขายไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ เพื่อจำกัดความเสี่ยง
ปรับขนาด Position: ปรับขนาดของ Position ให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
ติดตามข่าวสาร: ติดตามข่าวสารและเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิง
ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค: ใช้เครื่องมือ การวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่น Moving Average หรือ Bollinger Bands เพื่อช่วยในการตัดสินใจ

กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง

Strangle Option: คล้ายกับ Straddle Option แต่ใช้ราคาใช้สิทธิที่แตกต่างกัน (Call Option มีราคาใช้สิทธิสูงกว่าราคาปัจจุบัน และ Put Option มีราคาใช้สิทธิต่ำกว่าราคาปัจจุบัน) Strangle Option
Butterfly Spread: เป็นกลยุทธ์ที่ซับซ้อนกว่า Straddle Option แต่สามารถใช้ประโยชน์จากความผันผวนของราคาได้เช่นกัน Butterfly Spread
Condor Spread: เป็นกลยุทธ์ที่คล้ายกับ Butterfly Spread แต่มีความซับซ้อนมากขึ้น Condor Spread
Iron Condor: กลยุทธ์ที่ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาจะอยู่ในช่วงแคบๆ Iron Condor
Calendar Spread: ใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของวันหมดอายุของออปชั่น Calendar Spread

การวิเคราะห์ทางเทคนิคและปริมาณการซื้อขาย

การใช้ การวิเคราะห์ทางเทคนิค ร่วมกับ Straddle Option สามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ ตัวอย่างเช่น:

Bollinger Bands: หากราคาของสินทรัพย์อ้างอิงทะลุ Bollinger Bands ขึ้นหรือลง อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความผันผวนที่กำลังจะเกิดขึ้น
Average True Range (ATR): ATR เป็นตัวบ่งชี้ความผันผวนของราคา หาก ATR สูงขึ้น แสดงว่าความผันผวนกำลังเพิ่มขึ้น
Volume: การเพิ่มขึ้นของ ปริมาณการซื้อขาย อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความสนใจของนักลงทุนและอาจนำไปสู่การเคลื่อนไหวของราคาอย่างมาก
Fibonacci Retracement: ใช้เพื่อระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่อาจเป็นจุดกลับตัวของราคา
MACD: ใช้เพื่อระบุแนวโน้มและโมเมนตัมของราคา

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน

แม้ว่า Straddle Option จะเน้นที่ความผันผวน แต่การวิเคราะห์ ปัจจัยพื้นฐาน ก็สามารถช่วยในการตัดสินใจได้ เช่น การติดตามข่าวสารเกี่ยวกับบริษัท การประกาศผลประกอบการ หรือการเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาล

ข้อควรระวังในการซื้อขาย Straddle Option

Straddle Option เป็นกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงสูง ควรทำความเข้าใจความเสี่ยงก่อนทำการซื้อขาย
ค่าพรีเมียมของออปชั่นอาจสูง ทำให้ยากต่อการทำกำไร
ต้องมีการเคลื่อนไหวของราคาอย่างมีนัยสำคัญจึงจะทำกำไรได้
ควรมีการวางแผนการจัดการความเสี่ยงที่ดี

สรุป

Straddle Option เป็นกลยุทธ์ที่มีประโยชน์สำหรับนักลงทุนที่คาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่ไม่แน่ใจว่าจะขึ้นหรือลง การทำความเข้าใจหลักการทำงาน ข้อดี ข้อเสีย และจุดที่ควรพิจารณาเป็นสิ่งสำคัญก่อนทำการซื้อขาย นอกจากนี้ การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคและการจัดการความเสี่ยงที่ดีจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

ออปชั่น Call Option Put Option ความผันผวนโดยนัย Time Decay การวิเคราะห์ทางเทคนิค Moving Average Bollinger Bands ปริมาณการซื้อขาย Fibonacci Retracement MACD ปัจจัยพื้นฐาน Strangle Option Butterfly Spread Condor Spread Iron Condor Calendar Spread Risk Management Stop-Loss

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น