Option trading

1. Option Trading สำหรับผู้เริ่มต้น

Option Trading หรือ การซื้อขายออปชั่น เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดทุนทั่วโลก เป็นตราสารอนุพันธ์ (Derivative Instruments) ที่อนุญาตให้ผู้ลงทุนมีสิทธิ แต่ไม่มีภาระผูกพันในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิง (Underlying Asset) ในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า (Strike Price) ภายในระยะเวลาที่กำหนด (Expiration Date) บทความนี้จะอธิบายหลักการพื้นฐานของการซื้อขายออปชั่นสำหรับผู้เริ่มต้น โดยครอบคลุมประเภทของออปชั่น, กลไกการทำงาน, ปัจจัยที่มีผลต่อราคา, กลยุทธ์การลงทุน, และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง

ออปชั่นคืออะไร?

ออปชั่น คือ สัญญาที่ให้สิทธิแก่ผู้ซื้อในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ภายในระยะเวลาที่กำหนด ผู้ขายออปชั่นมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามสัญญา หากผู้ซื้อออปชั่นใช้สิทธิของตน

ออปชั่นแตกต่างจากหุ้นตรงที่หุ้นเป็นการเป็นเจ้าของสินทรัพย์ แต่ ออปชั่น เป็นเพียงสิทธิในการซื้อขายสินทรัพย์นั้นเท่านั้น

ประเภทของออปชั่น

ออปชั่นแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ

**Call Option:** สิทธิในการซื้อสินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ผู้ซื้อ Call Option คาดการณ์ว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะสูงขึ้นในอนาคต
**Put Option:** สิทธิในการขายสินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ผู้ซื้อ Put Option คาดการณ์ว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะลดลงในอนาคต

นอกจากนี้ ยังสามารถแบ่งออปชั่นตามลักษณะอื่นๆ ได้อีก เช่น

**European Option:** สามารถใช้สิทธิได้เฉพาะในวันหมดอายุ
**American Option:** สามารถใช้สิทธิได้ตลอดระยะเวลาของสัญญา
**Exotic Option:** ออปชั่นที่มีเงื่อนไขพิเศษอื่นๆ เช่น Barrier Option, Asian Option เป็นต้น

กลไกการทำงานของ Option Trading

การซื้อขายออปชั่นเกี่ยวข้องกับผู้ซื้อและผู้ขายออปชั่น โดยมีขั้นตอนดังนี้

1. **การทำสัญญา:** ผู้ซื้อและผู้ขายออปชั่นทำสัญญา โดยระบุประเภทของออปชั่น, สินทรัพย์อ้างอิง, ราคาใช้สิทธิ, วันหมดอายุ, และค่าพรีเมียม (Premium) 2. **การชำระค่าพรีเมียม:** ผู้ซื้อออปชั่นชำระค่าพรีเมียมให้กับผู้ขายออปชั่น ซึ่งเป็นค่าตอบแทนสำหรับการได้รับสิทธิในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิง 3. **การใช้สิทธิ:** หากราคาสินทรัพย์อ้างอิงเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ผู้ซื้อออปชั่นคาดการณ์ไว้ ผู้ซื้อออปชั่นสามารถใช้สิทธิของตนในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิงได้ 4. **การชำระส่วนต่าง:** หากผู้ซื้อออปชั่นใช้สิทธิ ผู้ขายออปชั่นจะต้องชำระส่วนต่างระหว่างราคาใช้สิทธิและราคาตลาดของสินทรัพย์อ้างอิง

ปัจจัยที่มีผลต่อราคาออปชั่น

ราคาออปชั่นได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่

**ราคาสินทรัพย์อ้างอิง:** เป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อราคาออปชั่น หากราคาสินทรัพย์อ้างอิงสูงขึ้น ราคา Call Option ก็จะสูงขึ้น และราคา Put Option ก็จะลดลง
**ราคาใช้สิทธิ:** ราคาใช้สิทธิที่ต่ำกว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิง จะทำให้ราคา Call Option สูงขึ้น และราคา Put Option ลดลง
**ระยะเวลาที่เหลือจนถึงวันหมดอายุ:** ระยะเวลาที่เหลือจนถึงวันหมดอายุที่ยาวนานขึ้น จะทำให้ราคาออปชั่นสูงขึ้น เนื่องจากมีโอกาสที่ราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ผู้ซื้อออปชั่นคาดการณ์ไว้มากขึ้น
**ความผันผวนของราคาสินทรัพย์อ้างอิง (Volatility):** ความผันผวนที่สูงขึ้น จะทำให้ราคาออปชั่นสูงขึ้น เนื่องจากมีความเสี่ยงที่ราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและรุนแรง
**อัตราดอกเบี้ย:** อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น จะทำให้ราคา Call Option สูงขึ้น และราคา Put Option ลดลง
**เงินปันผล:** หากสินทรัพย์อ้างอิงมีการจ่ายเงินปันผล ราคา Call Option จะลดลง และราคา Put Option จะสูงขึ้น

กลยุทธ์การลงทุนใน Option Trading

มีกลยุทธ์การลงทุนใน Option Trading มากมาย ขึ้นอยู่กับความคาดหวังของผู้ลงทุนเกี่ยวกับทิศทางของราคาสินทรัพย์อ้างอิงและความเสี่ยงที่รับได้ ตัวอย่างกลยุทธ์ที่นิยมใช้ ได้แก่

**Covered Call:** กลยุทธ์ที่ใช้เมื่อคาดว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะทรงตัวหรือปรับตัวขึ้นเล็กน้อย โดยการขาย Call Option บนหุ้นที่ถืออยู่
**Protective Put:** กลยุทธ์ที่ใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลดลงของราคาสินทรัพย์อ้างอิง โดยการซื้อ Put Option บนหุ้นที่ถืออยู่
**Straddle:** กลยุทธ์ที่ใช้เมื่อคาดว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะมีความผันผวนสูง โดยการซื้อทั้ง Call Option และ Put Option ที่มีราคาใช้สิทธิและวันหมดอายุเดียวกัน
**Strangle:** กลยุทธ์ที่คล้ายกับ Straddle แต่ใช้ Call Option และ Put Option ที่มีราคาใช้สิทธิที่แตกต่างกัน
**Butterfly Spread:** กลยุทธ์ที่ใช้เมื่อคาดว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแคบๆ
**Iron Condor:** กลยุทธ์ที่ใช้เมื่อคาดว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแคบๆ และต้องการได้รับค่าพรีเมียม

การเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับสถานการณ์และเป้าหมายการลงทุนของแต่ละบุคคล การศึกษาและทำความเข้าใจกลยุทธ์ต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญก่อนที่จะเริ่มลงทุน

การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์พื้นฐานในการเทรดออปชั่น

การตัดสินใจในการซื้อขายออปชั่นไม่ได้ขึ้นอยู่กับโชคเท่านั้น การวิเคราะห์ตลาดอย่างรอบคอบเป็นสิ่งสำคัญ

**การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis):** ศึกษาจากกราฟราคาและใช้ ตัวชี้วัดทางเทคนิค (Technical Indicators) เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages), ดัชนีความสัมพันธ์สัมพัทธ์ (Relative Strength Index - RSI), เส้น MACD (Moving Average Convergence Divergence) เพื่อคาดการณ์ทิศทางของราคา
**การวิเคราะห์พื้นฐาน (Fundamental Analysis):** ศึกษาปัจจัยพื้นฐานของสินทรัพย์อ้างอิง เช่น งบการเงิน (Financial Statements), ข่าวเศรษฐกิจ (Economic News), รายงานอุตสาหกรรม (Industry Reports) เพื่อประเมินมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์อ้างอิง

ความเสี่ยงในการซื้อขายออปชั่น

การซื้อขายออปชั่นมีความเสี่ยงหลายประการที่ผู้ลงทุนควรตระหนัก ได้แก่

**ความเสี่ยงจากราคา:** ราคาออปชั่นสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วและรุนแรง ทำให้ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้
**ความเสี่ยงจากเวลา:** ราคาออปชั่นจะลดลงเมื่อเข้าใกล้วันหมดอายุ (Time Decay) ทำให้ผู้ลงทุนต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
**ความเสี่ยงจากความผันผวน:** ความผันผวนของราคาสินทรัพย์อ้างอิงอาจทำให้ราคาออปชั่นเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ไม่คาดคิด
**ความเสี่ยงจากสภาพคล่อง:** ออปชั่นบางประเภทอาจมีสภาพคล่องต่ำ ทำให้ยากต่อการซื้อขายในราคาที่ต้องการ

การบริหารความเสี่ยงในการซื้อขายออปชั่น

เพื่อลดความเสี่ยงในการซื้อขายออปชั่น ผู้ลงทุนควรปฏิบัติตามหลักการดังนี้

**กำหนดเป้าหมายการลงทุน:** กำหนดเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจน และเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสม
**จำกัดจำนวนเงินลงทุน:** ไม่ลงทุนเกินกว่าจำนวนเงินที่สามารถรับความเสี่ยงได้
**ใช้ Stop-Loss Order:** กำหนดจุดตัดขาดทุนเพื่อจำกัดความเสียหาย
**กระจายความเสี่ยง:** ลงทุนในออปชั่นหลายประเภทและสินทรัพย์อ้างอิงที่หลากหลาย
**ติดตามข่าวสารและสถานการณ์ตลาด:** ติดตามข่าวสารและสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสม

ข้อควรจำสำหรับนักลงทุนมือใหม่

**ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด:** ก่อนเริ่มต้นซื้อขายออปชั่น ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับออปชั่น, กลยุทธ์การลงทุน, และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด
**เริ่มต้นด้วยเงินจำนวนน้อย:** เริ่มต้นด้วยเงินจำนวนน้อย เพื่อเรียนรู้และทำความเข้าใจกลไกการทำงานของออปชั่น
**ฝึกฝนด้วยบัญชีทดลอง:** ใช้บัญชีทดลอง (Demo Account) เพื่อฝึกฝนกลยุทธ์การลงทุนโดยไม่ต้องเสี่ยงเงินจริง
**ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ:** ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน เพื่อขอคำแนะนำและความช่วยเหลือ

สรุป

Option Trading เป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีประโยชน์ สามารถใช้เพื่อสร้างผลตอบแทนและบริหารความเสี่ยงได้ อย่างไรก็ตาม การซื้อขายออปชั่นมีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ทำความเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง และบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสมก่อนที่จะเริ่มลงทุน การเรียนรู้ การจัดการเงินทุน (Money Management) และ จิตวิทยาการเทรด (Trading Psychology) ก็สำคัญเช่นกัน การทำความเข้าใจ การประเมินมูลค่าออปชั่น (Option Pricing) เช่น แบบจำลอง Black-Scholes (Black-Scholes Model) จะช่วยให้ตัดสินใจได้ดีขึ้น การวิเคราะห์ รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns) และ แนวโน้มของตลาด (Market Trends) จะช่วยในการคาดการณ์ทิศทางราคา การใช้ การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis) จะช่วยยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้ม การศึกษา กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยง (Hedging Strategies) จะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุน การทำความเข้าใจ ผลกระทบของข่าวสาร (News Impact) ต่อราคาออปชั่นเป็นสิ่งสำคัญ การใช้ เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคขั้นสูง (Advanced Technical Analysis Tools) จะช่วยในการตัดสินใจ การเรียนรู้ การซื้อขายตามแนวโน้ม (Trend Following) และ การซื้อขายแบบตัดแนวโน้ม (Counter-Trend Trading) จะช่วยในการปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับสถานการณ์ตลาด การศึกษา กลยุทธ์ออปชั่นขั้นสูง (Advanced Option Strategies) จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

ตัวอย่างกลยุทธ์ออปชั่น
กลยุทธ์	คำอธิบาย	เหมาะสำหรับ
Covered Call	ขาย Call Option บนหุ้นที่ถืออยู่	คาดว่าราคาหุ้นจะทรงตัวหรือปรับตัวขึ้นเล็กน้อย
Protective Put	ซื้อ Put Option บนหุ้นที่ถืออยู่	ต้องการป้องกันความเสี่ยงจากการลดลงของราคาหุ้น
Straddle	ซื้อทั้ง Call Option และ Put Option	คาดว่าราคาหุ้นจะมีความผันผวนสูง
Strangle	ซื้อ Call Option และ Put Option ที่มีราคาใช้สิทธิแตกต่างกัน	คาดว่าราคาหุ้นจะมีความผันผวนสูง แต่ต้องการลดต้นทุน

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น