VisiCalc

VisiCalc และความสำคัญต่อการเริ่มต้นของการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น

VisiCalc ถือเป็นโปรแกรมสเปรดชีตตัวแรกที่ประสบความสำเร็จเชิงพาณิชย์ ซึ่งเปิดตัวในปี 1979 สำหรับ Apple II ได้ปฏิวัติวิธีการที่ผู้คนทำงานกับข้อมูล และแม้ว่าโดยตรงจะไม่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น ในยุคแรกเริ่ม แต่ VisiCalc ได้วางรากฐานสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณที่ซับซ้อน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการซื้อขายที่ประสบความสำเร็จในปัจจุบัน บทความนี้จะสำรวจประวัติของ VisiCalc, ฟังก์ชันการทำงานพื้นฐาน, ผลกระทบต่อการเงินและการวิเคราะห์เชิงปริมาณ, และความเชื่อมโยงโดยนัยกับการซื้อขายไบนารี่ออปชั่นสมัยใหม่

ประวัติความเป็นมาของ VisiCalc

ก่อน VisiCalc การคำนวณทางการเงินและการบัญชีส่วนใหญ่ทำด้วยมือหรือใช้เครื่องคิดเลข ซึ่งใช้เวลานานและมีแนวโน้มที่จะเกิดข้อผิดพลาด Dan Bricklin และ Bob Frankston สองนักพัฒนาโปรแกรมได้เห็นปัญหาเหล่านี้ และเริ่มพัฒนาโปรแกรมที่จะช่วยให้ผู้คนสามารถจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แนวคิดเริ่มต้นคือการสร้างโปรแกรมที่สามารถคำนวณผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในตารางตัวเลขได้โดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้ใช้สามารถทำการวิเคราะห์ "What-if" ได้อย่างง่ายดาย

VisiCalc ถูกปล่อยออกมาในปี 1979 และเป็นหนึ่งในโปรแกรม "Killer App" แรกๆ สำหรับ Apple II ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ได้รับความนิยมอย่างมากในเวลานั้น ชื่อ "VisiCalc" มาจาก "Visible Calculator" ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถหลักของโปรแกรมในการแสดงผลการคำนวณในรูปแบบที่มองเห็นได้และเข้าใจง่าย

ฟังก์ชันการทำงานพื้นฐานของ VisiCalc

VisiCalc ทำงานบนหลักการของ สเปรดชีต ซึ่งประกอบด้วยตารางของเซลล์ แต่ละเซลล์สามารถมีข้อมูล (ตัวเลข, ข้อความ) หรือสูตร สูตรใน VisiCalc เริ่มต้นด้วยเครื่องหมายเท่ากับ (=) และสามารถใช้ฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์พื้นฐาน เช่น บวก, ลบ, คูณ, และหาร ตัวอย่างเช่น หากเซลล์ A1 มีค่า 10 และเซลล์ B1 มีค่า 5 สูตรในเซลล์ C1 ที่เป็น "=A1+B1" จะแสดงผลลัพธ์เป็น 15

คุณสมบัติที่สำคัญอีกประการหนึ่งของ VisiCalc คือความสามารถในการอ้างอิงเซลล์อื่นในสูตร ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างแบบจำลองที่ซับซ้อนได้โดยการเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ เข้าด้วยกัน ตัวอย่างเช่น หากเซลล์ A2 มีราคาหุ้นและเซลล์ B2 มีจำนวนหุ้นที่ถืออยู่ สูตรในเซลล์ C2 ที่เป็น "=A2*B2" จะคำนวณมูลค่ารวมของหุ้น

VisiCalc ยังมีฟังก์ชันพื้นฐานอื่นๆ เช่น การจัดรูปแบบตัวเลข, การจัดเรียงข้อมูล, และการสร้างกราฟพื้นฐาน แม้ว่าฟังก์ชันเหล่านี้จะดูเรียบง่ายเมื่อเทียบกับสเปรดชีตสมัยใหม่ แต่ก็เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพอย่างมากในเวลานั้น

ผลกระทบต่อการเงินและการวิเคราะห์เชิงปริมาณ

VisiCalc ได้เปลี่ยนแปลงวิธีการที่นักการเงินและนักวิเคราะห์ทำการวิเคราะห์ทางการเงิน การใช้ VisiCalc ช่วยลดเวลาและความพยายามที่ใช้ในการคำนวณทางการเงินอย่างมาก ทำให้ผู้ใช้สามารถมุ่งเน้นไปที่การตีความข้อมูลและการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้มากขึ้น

VisiCalc ยังช่วยให้เกิดการพัฒนาของ การวิเคราะห์เชิงปริมาณ (Quantitative Analysis) ซึ่งเป็นสาขาที่ใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์และสถิติในการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินและการตัดสินใจลงทุน VisiCalc เป็นเครื่องมือแรกที่ช่วยให้นักวิเคราะห์สามารถสร้างและทดสอบแบบจำลองทางการเงินได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

การวิเคราะห์ทางการเงินที่ซับซ้อน เช่น การวิเคราะห์กระแสเงินสดส่วนลด (Discounted Cash Flow analysis), การวิเคราะห์ความอ่อนไหว (Sensitivity analysis), และการวิเคราะห์สถานการณ์ (Scenario analysis) กลายเป็นเรื่องที่สามารถทำได้จริงด้วย VisiCalc ทำให้การตัดสินใจลงทุนมีความแม่นยำและมีข้อมูลมากขึ้น

ความเชื่อมโยงกับไบนารี่ออปชั่น

แม้ว่า VisiCalc จะไม่ได้ถูกออกแบบมาสำหรับการซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น โดยเฉพาะ แต่หลักการพื้นฐานของการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณที่ VisiCalc วางรากฐานไว้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการซื้อขายไบนารี่ออปชั่นที่ประสบความสำเร็จในปัจจุบัน

การซื้อขายไบนารี่ออปชั่นเกี่ยวข้องกับการคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์จะสูงขึ้นหรือต่ำลงภายในระยะเวลาที่กำหนด การคาดการณ์เหล่านี้มักจะขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์พื้นฐาน ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ต้องใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณที่ซับซ้อน

การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) เช่น การใช้ ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค (Technical Indicators) เช่น Moving Averages, RSI (Relative Strength Index), และ MACD (Moving Average Convergence Divergence) จำเป็นต้องมีการคำนวณและวิเคราะห์ข้อมูลราคาในอดีต ซึ่งสามารถทำได้โดยใช้สเปรดชีต เช่น Microsoft Excel หรือ Google Sheets ซึ่งเป็นทายาทโดยตรงของ VisiCalc
การวิเคราะห์พื้นฐาน (Fundamental Analysis) เช่น การวิเคราะห์งบการเงินของบริษัท หรือการวิเคราะห์ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ ก็ต้องใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณเช่นกัน
การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) ในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่นก็จำเป็นต้องใช้การคำนวณความน่าจะเป็นและผลตอบแทนที่คาดหวัง ซึ่งสามารถทำได้โดยใช้สเปรดชีต

นอกจากนี้ การใช้ กลยุทธ์การซื้อขาย (Trading Strategies) ที่ซับซ้อน เช่น Martingale, Anti-Martingale, และ Fibonacci Retracements ก็ต้องใช้การคำนวณและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียด

สเปรดชีตสมัยใหม่และการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น

สเปรดชีตสมัยใหม่ เช่น Microsoft Excel และ Google Sheets ได้พัฒนามาจาก VisiCalc อย่างมาก มีฟังก์ชันและคุณสมบัติที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น ฟังก์ชันทางสถิติ, ฟังก์ชันการเงิน, และเครื่องมือการสร้างกราฟที่หลากหลาย

นักเทรดไบนารี่ออปชั่นใช้สเปรดชีตสมัยใหม่เพื่อ:

สร้างและทดสอบ กลยุทธ์การซื้อขาย (Trading Strategies)
วิเคราะห์ข้อมูลราคาในอดีตและระบุ แนวโน้ม (Trends) และรูปแบบต่างๆ
คำนวณขนาดตำแหน่ง (Position Sizing) และบริหารความเสี่ยง
ติดตามผลการซื้อขายและวิเคราะห์ประสิทธิภาพ
สร้างระบบการซื้อขายอัตโนมัติ (Automated Trading Systems) โดยใช้ VBA (Visual Basic for Applications) ใน Excel หรือ Google Apps Script ใน Google Sheets

ตัวอย่างการใช้สเปรดชีตในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น
ฟังก์ชัน	คำอธิบาย	ตัวอย่าง
การคำนวณผลตอบแทนที่คาดหวัง	คำนวณผลตอบแทนที่คาดหวังจากแต่ละการซื้อขาย	= (Probability of Win * Profit) - (Probability of Loss * Loss)
การวิเคราะห์ความเสี่ยง	คำนวณความเสี่ยงสูงสุดที่สามารถยอมรับได้	= (Capital * Risk Tolerance)
การคำนวณขนาดตำแหน่ง	คำนวณจำนวนเงินที่ควรลงทุนในการซื้อขายแต่ละครั้ง	= (Capital * Risk per Trade) / Price of Option
การสร้างแผนภูมิ	สร้างแผนภูมิเพื่อแสดงแนวโน้มราคาและรูปแบบต่างๆ	ใช้ฟังก์ชันสร้างแผนภูมิใน Excel หรือ Google Sheets
การทดสอบกลยุทธ์ย้อนหลัง (Backtesting)	ทดสอบประสิทธิภาพของกลยุทธ์การซื้อขายโดยใช้ข้อมูลในอดีต	จำลองการซื้อขายตามกลยุทธ์และวิเคราะห์ผลลัพธ์

เครื่องมือและเทคนิคเพิ่มเติมสำหรับการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น

นอกเหนือจากการใช้สเปรดชีตแล้ว นักเทรดไบนารี่ออปชั่นยังใช้เครื่องมือและเทคนิคอื่นๆ อีกมากมาย เช่น:

แพลตฟอร์มการซื้อขาย (Trading Platforms) ที่ให้บริการเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคและข้อมูลราคาแบบเรียลไทม์
สัญญาณการซื้อขาย (Trading Signals) ที่สร้างโดยผู้เชี่ยวชาญหรือระบบอัตโนมัติ
การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis) เพื่อประเมินความแข็งแกร่งของแนวโน้ม
การจัดการเงินทุน (Money Management) เพื่อควบคุมความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
การใช้เครื่องมือ Fibonacci เช่น Fibonacci Retracements และ Fibonacci Extensions เพื่อระบุระดับแนวรับและแนวต้าน
การใช้รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns) เพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคา
การใช้ Elliott Wave Theory เพื่อวิเคราะห์รูปแบบราคาและคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต
การใช้ Ichimoku Cloud เพื่อระบุแนวโน้มและระดับแนวรับแนวต้าน
การใช้ Bollinger Bands เพื่อวัดความผันผวนของราคา
การใช้ Parabolic SAR เพื่อระบุจุดกลับตัวของแนวโน้ม
การใช้ Stochastics เพื่อวัดโมเมนตัมของราคา
การใช้ Average Directional Index (ADX) เพื่อวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม
การใช้ Heiken Ashi เพื่อกรองสัญญาณรบกวนและระบุแนวโน้ม
การใช้ Pivot Points เพื่อระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ
การใช้ Gann Angles เพื่อระบุแนวโน้มและระดับแนวรับแนวต้าน

สรุป

VisiCalc เป็นโปรแกรมสเปรดชีตตัวแรกที่ประสบความสำเร็จเชิงพาณิชย์ และได้ปฏิวัติวิธีการที่ผู้คนทำงานกับข้อมูล แม้ว่า VisiCalc จะไม่ได้ถูกออกแบบมาสำหรับการซื้อขายไบนารี่ออปชั่นโดยตรง แต่หลักการพื้นฐานของการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณที่ VisiCalc วางรากฐานไว้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการซื้อขายไบนารี่ออปชั่นที่ประสบความสำเร็จในปัจจุบัน สเปรดชีตสมัยใหม่ เช่น Microsoft Excel และ Google Sheets ได้พัฒนามาจาก VisiCalc อย่างมาก และเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้สำหรับนักเทรดไบนารี่ออปชั่นในการวิเคราะห์ข้อมูล, สร้างกลยุทธ์, และบริหารความเสี่ยง

การซื้อขายไบนารี่ออปชั่น เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง นักเทรดควรศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจความเสี่ยงก่อนทำการลงทุน

การวิเคราะห์ทางเทคนิค การวิเคราะห์พื้นฐาน การบริหารความเสี่ยง กลยุทธ์การซื้อขาย สเปรดชีต Microsoft Excel Google Sheets VBA (Visual Basic for Applications) ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค แนวโน้ม การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย Fibonacci Retracements Candlestick Patterns Elliott Wave Theory Ichimoku Cloud Bollinger Bands Parabolic SAR Stochastics Average Directional Index (ADX) Heiken Ashi Pivot Points Gann Angles

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น