Turtle Trading Strategy
- Turtle Trading Strategy
กลยุทธ์ Turtle Trading เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การซื้อขายที่โด่งดังและได้รับการศึกษาอย่างกว้างขวางในตลาดการเงิน กลยุทธ์นี้เกิดขึ้นจากการทดลองที่น่าสนใจในช่วงทศวรรษ 1980 โดย Richard Dennis นักเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ชื่อดัง ซึ่งได้ทำการคัดเลือกและฝึกฝนกลุ่มนักเทรดมือใหม่ให้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญภายในระยะเวลาอันสั้น โดยใช้เพียงกฎการซื้อขายที่ชัดเจนและเป็นระบบ กลยุทธ์ Turtle Trading ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ แต่สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับตลาดอื่นๆ ได้ รวมถึงตลาด ไบนารี่ออปชั่น ด้วย บทความนี้จะอธิบายหลักการพื้นฐานของกลยุทธ์ Turtle Trading รวมถึงวิธีการนำไปใช้ในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่นสำหรับผู้เริ่มต้น
- ประวัติความเป็นมาของ Turtle Trading Strategy
Richard Dennis เชื่อว่าใครก็ตามสามารถเรียนรู้การเทรดให้ประสบความสำเร็จได้ หากมีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและวินัยในการปฏิบัติตาม เขาจึงได้เปิดโครงการ "Turtle Trading" ในปี 1983 โดยคัดเลือกนักเทรดมือใหม่จำนวน 14 คน (รู้จักกันในชื่อ "Turtles") และให้พวกเขาฝึกฝนตามระบบการซื้อขายที่เขาพัฒนาขึ้น ระบบนี้เน้นการใช้สัญญาณทางเทคนิค การวิเคราะห์ทางเทคนิค และการบริหารความเสี่ยงอย่างเข้มงวด Turtles ได้รับเงินทุนในการซื้อขายจริง และผลการดำเนินงานของพวกเขาก็เป็นที่น่าประทับใจ โดยหลายคนสามารถสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดได้อย่างมาก
- หลักการพื้นฐานของ Turtle Trading Strategy
กลยุทธ์ Turtle Trading มีหลักการสำคัญดังนี้:
- **การระบุแนวโน้ม:** กลยุทธ์นี้มุ่งเน้นการซื้อขายตามแนวโน้มของตลาด แนวโน้ม ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มขาขึ้น (uptrend) หรือแนวโน้มขาลง (downtrend) การระบุแนวโน้มที่แข็งแกร่งเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุด
- **การใช้ระบบการซื้อขายที่ชัดเจน:** กลยุทธ์ Turtle Trading มีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและเป็นระบบสำหรับการเข้าซื้อ (long) และขาย (short) รวมถึงการตั้งจุดตัดขาดทุน (stop-loss) และจุดทำกำไร (take-profit)
- **การบริหารความเสี่ยง:** การบริหารความเสี่ยงเป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์นี้ Turtles ถูกสอนให้จำกัดขนาดของการซื้อขายแต่ละครั้ง และใช้จุดตัดขาดทุนเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
- **วินัยในการปฏิบัติตาม:** การปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของระบบอย่างเคร่งครัดเป็นสิ่งจำเป็นในการประสบความสำเร็จกับกลยุทธ์นี้ Turtles ถูกสอนให้กำจัดอารมณ์และความรู้สึกส่วนตัวในการตัดสินใจซื้อขาย
- องค์ประกอบหลักของ Turtle Trading System
ระบบ Turtle Trading ประกอบด้วยองค์ประกอบหลักดังนี้:
1. **การระบุแนวโน้ม:** Turtles ใช้เทคนิคต่างๆ เช่น การวิเคราะห์กราฟแท่งเทียน กราฟแท่งเทียน และการใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ เพื่อระบุแนวโน้มของตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกเขาให้ความสำคัญกับการทะลุแนวต้าน (breakout) และแนวรับ (breakdown) 2. **กฎการเข้าซื้อ (Long Entry):** เมื่อแนวโน้มขาขึ้นได้รับการยืนยัน Turtles จะเข้าซื้อเมื่อราคาทะลุแนวต้านสูงสุดก่อนหน้า (new high) ในช่วงระยะเวลาที่กำหนด (เช่น 20 วัน) 3. **กฎการขาย (Short Entry):** เมื่อแนวโน้มขาลงได้รับการยืนยัน Turtles จะขายเมื่อราคาทะลุแนวรับต่ำสุดก่อนหน้า (new low) ในช่วงระยะเวลาที่กำหนด 4. **การตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop-Loss):** จุดตัดขาดทุนจะถูกตั้งไว้ใต้แนวรับล่าสุดสำหรับการซื้อ (long) และเหนือแนวต้านล่าสุดสำหรับการขาย (short) เพื่อจำกัดความเสี่ยง 5. **การตั้งจุดทำกำไร (Take-Profit):** จุดทำกำไรจะถูกตั้งไว้สูงกว่าแนวต้านล่าสุดสำหรับการซื้อ และต่ำกว่าแนวรับล่าสุดสำหรับการขาย
- การประยุกต์ใช้ Turtle Trading Strategy ใน Binary Options
การนำกลยุทธ์ Turtle Trading มาใช้ในการซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น อาจต้องมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย เนื่องจากลักษณะของไบนารี่ออปชั่นที่แตกต่างจากตลาดอื่น ๆ โดยหลักการสำคัญยังคงเหมือนเดิม คือ การซื้อขายตามแนวโน้ม และการบริหารความเสี่ยง
- **การระบุแนวโน้ม:** ใช้เครื่องมือทางเทคนิค เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages), RSI (Relative Strength Index) RSI และ MACD (Moving Average Convergence Divergence) MACD เพื่อระบุแนวโน้มในกรอบเวลาที่เหมาะสม (เช่น 5 นาที, 15 นาที, 1 ชั่วโมง)
- **การเลือกสัญญา:** เลือกสัญญาไบนารี่ออปชั่นที่มีระยะเวลาหมดอายุที่เหมาะสมกับแนวโน้มที่ระบุ (เช่น หากแนวโน้มแข็งแกร่ง อาจเลือกสัญญาที่มีระยะเวลาหมดอายุที่ยาวขึ้น)
- **การตัดสินใจซื้อ/ขาย:**
* **Call Option (ซื้อ):** หากระบุแนวโน้มขาขึ้น ให้เลือก Call Option * **Put Option (ขาย):** หากระบุแนวโน้มขาลง ให้เลือก Put Option
- **การบริหารความเสี่ยง:** กำหนดจำนวนเงินลงทุนต่อสัญญาอย่างเหมาะสม (เช่น ไม่เกิน 2-5% ของเงินทุนทั้งหมด) และใช้การวิเคราะห์ความเสี่ยง การวิเคราะห์ความเสี่ยง เพื่อประเมินโอกาสในการทำกำไรและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
- **การใช้ Stop-Loss (ในรูปแบบการลดจำนวนสัญญา):** เนื่องจากไบนารี่ออปชั่นไม่มีจุดตัดขาดทุนแบบเดียวกับตลาดหุ้นหรือ Forex คุณสามารถใช้กลยุทธ์การลดจำนวนสัญญาเมื่อราคาเคลื่อนที่สวนทางกับทิศทางที่คุณคาดการณ์ไว้
- ตัวอย่างการซื้อขายไบนารี่ออปชั่นโดยใช้ Turtle Trading Strategy
สมมติว่าคุณกำลังวิเคราะห์กราฟราคาของคู่เงิน EUR/USD ในกรอบเวลา 15 นาที และคุณสังเกตเห็นว่าราคาได้ทะลุแนวต้านสูงสุดก่อนหน้าที่ 1.1000 ขึ้นไป และค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วันกำลังเคลื่อนที่เหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง
ตามกลยุทธ์ Turtle Trading คุณสามารถ:
1. **เลือก Call Option:** เลือกสัญญาไบนารี่ออปชั่น Call Option (ซื้อ) สำหรับคู่เงิน EUR/USD 2. **ระยะเวลาหมดอายุ:** เลือกสัญญาที่มีระยะเวลาหมดอายุ 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง 3. **จำนวนเงินลงทุน:** ลงทุน 2% ของเงินทุนทั้งหมดในสัญญานี้ 4. **การบริหารความเสี่ยง:** หากราคาเริ่มลดลงและเคลื่อนที่ต่ำกว่าแนวรับที่ 1.0980 คุณอาจลดจำนวนสัญญาที่ถืออยู่เพื่อจำกัดความเสี่ยง
- ข้อดีและข้อเสียของ Turtle Trading Strategy
- ข้อดี:**
- **ระบบที่ชัดเจน:** มีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและเป็นระบบ ทำให้ง่ายต่อการปฏิบัติตามและลดอารมณ์ในการตัดสินใจ
- **การบริหารความเสี่ยง:** เน้นการบริหารความเสี่ยงอย่างเข้มงวด ช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
- **สามารถปรับใช้ได้:** สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับตลาดต่างๆ ได้ รวมถึงตลาดไบนารี่ออปชั่น
- **ผลลัพธ์ที่พิสูจน์แล้ว:** ประสิทธิภาพของกลยุทธ์นี้ได้รับการพิสูจน์แล้วจากการทดลองของ Richard Dennis และ Turtles
- ข้อเสีย:**
- **ต้องใช้ความอดทน:** กลยุทธ์นี้อาจต้องใช้ความอดทนในการรอสัญญาณที่ถูกต้อง
- **อาจพลาดโอกาส:** การยึดมั่นในกฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัดอาจทำให้พลาดโอกาสในการซื้อขายบางครั้ง
- **ต้องมีการปรับปรุง:** อาจต้องมีการปรับปรุงกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลง
- กลยุทธ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
นอกเหนือจาก Turtle Trading Strategy แล้ว ยังมีกลยุทธ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องและอาจเป็นประโยชน์สำหรับนักเทรดไบนารี่ออปชั่น:
- **Bollinger Bands Strategy:** Bollinger Bands ใช้เพื่อระบุช่วงราคาที่เหมาะสมในการซื้อขาย
- **Fibonacci Retracement Strategy:** Fibonacci Retracement ใช้เพื่อระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ
- **Trend Following Strategy:** Trend Following เน้นการซื้อขายตามแนวโน้มของตลาด
- **Mean Reversion Strategy:** Mean Reversion เน้นการซื้อขายเมื่อราคามีการเบี่ยงเบนจากค่าเฉลี่ย
- **Breakout Strategy:** Breakout เน้นการซื้อขายเมื่อราคาทะลุแนวต้านหรือแนวรับที่สำคัญ
- **Scalping Strategy:** Scalping เน้นการทำกำไรจากความผันผวนของราคาในระยะสั้น
- **Momentum Trading Strategy:** Momentum Trading เน้นการซื้อขายสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มแข็งแกร่ง
- **Ichimoku Cloud Strategy:** Ichimoku Cloud ใช้เพื่อระบุแนวโน้มและระดับแนวรับ/แนวต้าน
- **Elliott Wave Theory:** Elliott Wave Theory ใช้เพื่อวิเคราะห์รูปแบบของราคาและคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต
- **Harmonic Patterns:** Harmonic Patterns ใช้เพื่อระบุรูปแบบราคาที่สามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาได้
- **Price Action Trading:** Price Action Trading เน้นการวิเคราะห์รูปแบบราคาโดยตรงจากกราฟ
- **Candlestick Pattern Recognition:** การจดจำรูปแบบแท่งเทียน รูปแบบแท่งเทียน เพื่อคาดการณ์การเคลื่อนที่ของราคา
- **Volume Spread Analysis (VSA):** Volume Spread Analysis เป็นการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างราคาและปริมาณการซื้อขาย
- **Gartley Pattern:** Gartley Pattern เป็นรูปแบบ Harmonic ที่ใช้ในการคาดการณ์การกลับตัวของแนวโน้ม
- **Three Inside Bar Pattern:** Three Inside Bar Pattern เป็นรูปแบบ Price Action ที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัม
- **Williams %R:** Williams %R เป็นตัวบ่งชี้โมเมนตัมที่ใช้ในการระบุสภาวะซื้อมากเกินไป (overbought) และขายมากเกินไป (oversold)
- สรุป
Turtle Trading Strategy เป็นกลยุทธ์การซื้อขายที่มีหลักการชัดเจนและได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพ การนำกลยุทธ์นี้ไปประยุกต์ใช้ในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่นต้องอาศัยความเข้าใจในหลักการพื้นฐาน การบริหารความเสี่ยง และวินัยในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัด แม้ว่ากลยุทธ์นี้อาจไม่ใช่กลยุทธ์ที่เหมาะกับทุกคน แต่ก็เป็นเครื่องมือที่มีค่าสำหรับนักเทรดที่ต้องการระบบการซื้อขายที่ชัดเจนและเป็นระบบ
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น
