Trading Future

Trading Future

การซื้อขายฟิวเจอร์ส คือการคาดการณ์ทิศทางราคาของสินทรัพย์อ้างอิงในอนาคต โดยมีการซื้อขายสัญญาที่ตกลงกันในวันนี้เพื่อส่งมอบหรือรับมอบสินทรัพย์นั้นในวันที่กำหนดในอนาคต ซึ่งแตกต่างจากการซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น ที่เป็นการเดิมพันว่าราคาจะสูงหรือต่ำกว่าระดับที่กำหนดภายในระยะเวลาที่กำหนด การซื้อขายฟิวเจอร์สมีความซับซ้อนกว่า และเปิดโอกาสให้เทรดเดอร์ทำกำไรได้จากทั้งขาขึ้นและขาลงของตลาด บทความนี้จะนำเสนอภาพรวมของการซื้อขายฟิวเจอร์สสำหรับผู้เริ่มต้น ครอบคลุมตั้งแต่พื้นฐาน, กลไกการทำงาน, ความเสี่ยง, กลยุทธ์, และการวิเคราะห์ที่จำเป็น

ฟิวเจอร์สคืออะไร?

สัญญาฟิวเจอร์ส (Futures Contract) คือข้อตกลงมาตรฐานระหว่างสองฝ่ายในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิงในวันที่และราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า สินทรัพย์อ้างอิงอาจเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) เช่น น้ำมันดิบ, ทองคำ, ข้าวโพด หรืออาจเป็นตราสารทางการเงิน เช่น ดัชนีหุ้น, อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ, หรือพันธบัตรรัฐบาล

**ผู้ซื้อ (Long Position):** คาดการณ์ว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะสูงขึ้นในอนาคต
**ผู้ขาย (Short Position):** คาดการณ์ว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะลดลงในอนาคต

เมื่อถึงวันหมดอายุของสัญญา (Expiration Date) ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องปฏิบัติตามข้อตกลงในสัญญา ซึ่งอาจเป็นการส่งมอบสินทรัพย์จริง หรือทำการชำระส่วนต่างของราคา (Cash Settlement) ขึ้นอยู่กับประเภทของสัญญา

ตลาดฟิวเจอร์ส

ตลาดฟิวเจอร์ส ดำเนินการผ่านตลาดซื้อขายหลักทรัพย์ฟิวเจอร์ส (Futures Exchange) ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์ส ตัวอย่างตลาดฟิวเจอร์สที่สำคัญ ได้แก่:

CME Group (Chicago Mercantile Exchange)
ICE (Intercontinental Exchange)
Eurex
SGX (Singapore Exchange)

ตลาดเหล่านี้มีระบบการซื้อขายที่โปร่งใสและมีการกำกับดูแลเพื่อให้มั่นใจถึงความเป็นธรรมและความน่าเชื่อถือ

กลไกการทำงานของฟิวเจอร์ส

การซื้อขายฟิวเจอร์สเกี่ยวข้องกับขั้นตอนหลักดังนี้:

1. **การเปิดบัญชี:** ผู้สนใจซื้อขายฟิวเจอร์สจะต้องเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ฟิวเจอร์สที่ได้รับการรับรอง 2. **เงินหลักประกัน (Margin):** การซื้อขายฟิวเจอร์สไม่ได้ต้องการเงินทุนเต็มจำนวนของสัญญา แต่ผู้เทรดจะต้องวางเงินหลักประกัน (Margin) เพื่อเป็นหลักประกันความเสี่ยง 3. **การซื้อขาย:** ผู้เทรดสามารถส่งคำสั่งซื้อหรือขายสัญญาฟิวเจอร์สผ่านแพลตฟอร์มการซื้อขายของโบรกเกอร์ 4. **Mark-to-Market:** ทุกวัน ราคาของสัญญาฟิวเจอร์สจะถูกปรับตามราคาตลาด และบัญชีของผู้เทรดจะถูกปรับตามส่วนต่างของราคา (Daily Settlement) 5. **การปิดสถานะ (Closing Position):** ก่อนวันหมดอายุ ผู้เทรดสามารถปิดสถานะของตนได้โดยการทำธุรกรรมที่ตรงข้ามกับสถานะเดิม (เช่น ซื้อเพื่อปิดสถานะ Short หรือ ขายเพื่อปิดสถานะ Long) 6. **การส่งมอบหรือชำระเงิน:** เมื่อถึงวันหมดอายุ ผู้เทรดจะต้องปฏิบัติตามข้อตกลงในสัญญา ซึ่งอาจเป็นการส่งมอบสินทรัพย์จริง หรือทำการชำระส่วนต่างของราคา

ความเสี่ยงในการซื้อขายฟิวเจอร์ส

การซื้อขายฟิวเจอร์สมีความเสี่ยงสูงกว่าการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ เนื่องจาก:

**Leverage:** ฟิวเจอร์สใช้ Leverage ซึ่งหมายความว่าผู้เทรดสามารถควบคุมสัญญาที่มีมูลค่าสูงกว่าเงินทุนของตนได้ Leverage สามารถขยายผลกำไรได้ แต่ก็สามารถขยายผลขาดทุนได้เช่นกัน
**ความผันผวนของราคา:** ราคาของสัญญาฟิวเจอร์สสามารถผันผวนอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความเสี่ยงในการขาดทุนอย่างรวดเร็ว
**Margin Call:** หากราคาเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ไม่เป็นใจ ผู้เทรดอาจได้รับ Margin Call ซึ่งหมายความว่าพวกเขาจะต้องเติมเงินหลักประกันเพิ่มเติมเพื่อรักษาตำแหน่งของตน
**ความซับซ้อน:** สัญญาฟิวเจอร์สมีความซับซ้อน และผู้เทรดจำเป็นต้องมีความเข้าใจอย่างละเอียดเกี่ยวกับกลไกการทำงานและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง

กลยุทธ์การซื้อขายฟิวเจอร์ส

มีกลยุทธ์การซื้อขายฟิวเจอร์สมากมายที่ผู้เทรดสามารถใช้ได้ ขึ้นอยู่กับสไตล์การซื้อขายและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ตัวอย่างกลยุทธ์ที่นิยม ได้แก่:

**Trend Following:** การซื้อขายตามแนวโน้มของราคา โดยซื้อเมื่อราคาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น และขายเมื่อราคาอยู่ในแนวโน้มขาลง (Trend Following)
**Range Trading:** การซื้อขายในช่วงราคาที่ผันผวนในกรอบแคบๆ โดยซื้อเมื่อราคาเข้าใกล้ขอบล่างของกรอบราคา และขายเมื่อราคาเข้าใกล้ขอบบน (Range Trading)
**Breakout Trading:** การซื้อขายเมื่อราคาทะลุระดับแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญ (Breakout Trading)
**Scalping:** การทำกำไรจากความผันผวนของราคาในระยะสั้นๆ (Scalping)
**Carry Trade:** การซื้อขายโดยอาศัยส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย (Carry Trade)
**Spread Trading:** การซื้อขายโดยใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของราคาของสัญญาฟิวเจอร์สที่เกี่ยวข้อง (Spread Trading)
**Arbitrage:** การทำกำไรจากความแตกต่างของราคาของสินทรัพย์เดียวกันในตลาดที่แตกต่างกัน (Arbitrage)
**Hedging:** การใช้สัญญาฟิวเจอร์สเพื่อลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคา (Hedging)

การวิเคราะห์ตลาดฟิวเจอร์ส

การวิเคราะห์ตลาดฟิวเจอร์สมีความสำคัญอย่างยิ่งในการตัดสินใจซื้อขาย ผู้เทรดสามารถใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเพื่อประเมินแนวโน้มของราคา

**การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis):** การศึกษาแผนภูมิราคาและใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิค (Technical Indicators) เพื่อระบุรูปแบบและแนวโน้มของราคา (การวิเคราะห์ทางเทคนิค) ตัวอย่างตัวชี้วัดทางเทคนิคที่นิยม ได้แก่:

   *   Moving Averages (Moving Averages)
   *   Relative Strength Index (RSI) (RSI)
   *   MACD (MACD)
   *   Bollinger Bands (Bollinger Bands)
   *   Fibonacci Retracements (Fibonacci Retracements)

**การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis):** การวิเคราะห์ปัจจัยทางเศรษฐกิจ, การเมือง, และอุปสงค์อุปทานของสินทรัพย์อ้างอิงเพื่อประเมินมูลค่าที่แท้จริงของสัญญาฟิวเจอร์ส (การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน) ตัวอย่างปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญ ได้แก่:

   *   รายงานเศรษฐกิจ (เช่น GDP, อัตราการว่างงาน, อัตราเงินเฟ้อ)
   *   นโยบายการเงินของธนาคารกลาง
   *   เหตุการณ์ทางการเมือง
   *   สภาพอากาศ (สำหรับสินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตร)
   *   ระดับสต็อกสินค้า

นอกจากนี้ การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis) ก็มีความสำคัญในการยืนยันแนวโน้มและระบุสัญญาณการกลับตัว (การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย)

การบริหารความเสี่ยงในการซื้อขายฟิวเจอร์ส

การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการซื้อขายฟิวเจอร์ส ผู้เทรดควรใช้เทคนิคการบริหารความเสี่ยงต่อไปนี้:

**Stop-Loss Orders:** การตั้งคำสั่ง Stop-Loss เพื่อจำกัดผลขาดทุนสูงสุดที่ยอมรับได้ (Stop-Loss Orders)
**Position Sizing:** การกำหนดขนาดของตำแหน่งซื้อขาย (Position Size) ให้เหมาะสมกับเงินทุนและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Position Sizing)
**Diversification:** การกระจายการลงทุนในสัญญาฟิวเจอร์สที่หลากหลายเพื่อลดความเสี่ยง (Diversification)
**Risk-Reward Ratio:** การประเมินอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk-Reward Ratio) ก่อนทำการซื้อขาย (Risk-Reward Ratio)
**Trailing Stop:** การปรับระดับ Stop-Loss ตามการเคลื่อนไหวของราคาเพื่อรักษาผลกำไร (Trailing Stop)

ความแตกต่างระหว่างฟิวเจอร์สและไบนารี่ออปชั่น

| คุณสมบัติ | ฟิวเจอร์ส | ไบนารี่ออปชั่น | |---|---|---| | **การจ่ายผลตอบแทน** | ขึ้นอยู่กับความแตกต่างของราคา | กำหนดตายตัว (Fixed) | | **ระยะเวลา** | สัญญาหมดอายุในวันที่กำหนด | หมดอายุในระยะเวลาที่กำหนด (เช่น 60 วินาที, 5 นาที) | | **Leverage** | มี Leverage | มี Leverage | | **ความซับซ้อน** | ซับซ้อนกว่า | ง่ายกว่า | | **การส่งมอบ** | อาจมีการส่งมอบสินทรัพย์จริง | ไม่มีการส่งมอบสินทรัพย์จริง | | **การบริหารความเสี่ยง** | มีเครื่องมือหลากหลาย | จำกัด |

บทสรุป

การซื้อขายฟิวเจอร์สเป็นกิจกรรมที่มีศักยภาพในการทำกำไรสูง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน ผู้เทรดที่สนใจควรศึกษาและทำความเข้าใจอย่างละเอียดเกี่ยวกับกลไกการทำงาน, กลยุทธ์, และการบริหารความเสี่ยงก่อนที่จะเริ่มต้นซื้อขาย การฝึกฝนและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ประสบความสำเร็จในการซื้อขายฟิวเจอร์ส การใช้ การวิเคราะห์เชิงปริมาณ (Quantitative Analysis) ร่วมด้วยจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้อีกด้วย อย่าลืมว่าการซื้อขายฟิวเจอร์สไม่ใช่การพนัน แต่เป็นการลงทุนที่ต้องใช้ความรู้, ทักษะ, และวินัย

การลงทุน ตลาดทุน การบริหารเงิน การวิเคราะห์กราฟ การเทรดแบบอัลกอริทึม

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น