Straddle Trading

From binary option
Jump to navigation Jump to search
Баннер1
    1. Straddle Trading

Straddle Trading เป็นกลยุทธ์การซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น ที่ใช้เมื่อนักลงทุนคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะมีการเคลื่อนไหวอย่างมาก แต่ไม่แน่ใจว่าจะขึ้นหรือลง การทำ Straddle คือการเปิดสถานะซื้อ (Call Option) และสถานะขาย (Put Option) พร้อมกัน โดยมีวันหมดอายุและราคาใช้สิทธิ (Strike Price) เดียวกัน กลยุทธ์นี้มีเป้าหมายที่จะทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคาที่รุนแรง ไม่ว่าจะเป็นทิศทางใดก็ตาม บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับ Straddle Trading สำหรับผู้เริ่มต้น รวมถึงข้อดี ข้อเสีย วิธีการใช้งาน และการจัดการความเสี่ยง

      1. หลักการทำงานของ Straddle Trading

Straddle Trading อาศัยแนวคิดที่ว่าความผันผวน (Volatility) ของสินทรัพย์อ้างอิงจะเพิ่มขึ้น หากนักลงทุนคาดการณ์ว่าราคาจะเคลื่อนไหวอย่างมาก แต่ไม่รู้ว่าจะไปในทิศทางใด กลยุทธ์นี้จะช่วยให้ได้รับประโยชน์จากการเคลื่อนไหวในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง

  • **Call Option:** สิทธิในการซื้อสินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนดไว้ (ราคาใช้สิทธิ) ภายในวันหมดอายุ
  • **Put Option:** สิทธิในการขายสินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนดไว้ (ราคาใช้สิทธิ) ภายในวันหมดอายุ

เมื่อซื้อทั้ง Call และ Put Option พร้อมกัน นักลงทุนจะจ่ายค่าพรีเมียม (Premium) สำหรับทั้งสอง Option แต่ถ้าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงเคลื่อนไหวอย่างมากเกินกว่าค่าพรีเมียมที่จ่ายไป นักลงทุนก็จะสามารถทำกำไรได้

      1. สถานการณ์ที่เหมาะสมกับการใช้ Straddle Trading

Straddle Trading เหมาะสมกับสถานการณ์ต่อไปนี้:

1. **ข่าวสำคัญ:** ก่อนการประกาศข่าวสำคัญ เช่น รายงานผลประกอบการของบริษัท ตัวเลขเศรษฐกิจ หรือการตัดสินใจของธนาคารกลาง ข่าวเหล่านี้มักจะทำให้ราคาของสินทรัพย์อ้างอิงมีการเคลื่อนไหวอย่างมาก 2. **ช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนสูง:** ในช่วงเวลาที่ตลาดมีความไม่แน่นอนสูง เช่น ช่วงก่อนการเลือกตั้ง หรือช่วงที่มีเหตุการณ์ทางการเมืองที่ไม่คาดฝัน 3. **ความผันผวนที่เพิ่มขึ้น:** เมื่อตัวชี้วัดความผันผวน (Volatility Indicators) เช่น Bollinger Bands หรือ Average True Range (ATR) แสดงให้เห็นว่าความผันผวนกำลังเพิ่มขึ้น

      1. ตัวอย่างการซื้อขาย Straddle

สมมติว่าหุ้น XYZ ปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ 50 บาท นักลงทุนคาดการณ์ว่าหุ้น XYZ จะมีการเคลื่อนไหวอย่างมาก แต่ไม่แน่ใจว่าจะขึ้นหรือลง นักลงทุนจึงตัดสินใจทำ Straddle โดย:

  • ซื้อ Call Option ที่ราคาใช้สิทธิ 50 บาท ด้วยค่าพรีเมียม 2 บาท
  • ซื้อ Put Option ที่ราคาใช้สิทธิ 50 บาท ด้วยค่าพรีเมียม 2 บาท

รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 4 บาท (Break-even Point คือ 54 บาท)

  • **กรณีที่ 1: ราคาหุ้น XYZ เพิ่มขึ้นเป็น 58 บาท**
   *   Call Option จะทำกำไร: 58 - 50 - 2 = 6 บาท
   *   Put Option จะขาดทุน: 2 บาท
   *   กำไรสุทธิ: 6 - 2 = 4 บาท
  • **กรณีที่ 2: ราคาหุ้น XYZ ลดลงเป็น 42 บาท**
   *   Call Option จะขาดทุน: 2 บาท
   *   Put Option จะทำกำไร: 50 - 42 - 2 = 6 บาท
   *   กำไรสุทธิ: 6 - 2 = 4 บาท
  • **กรณีที่ 3: ราคาหุ้น XYZ ไม่เปลี่ยนแปลง (อยู่ที่ 50 บาท)**
   *   ทั้ง Call และ Put Option จะขาดทุนค่าพรีเมียมทั้งหมด: 4 บาท

จากตัวอย่างข้างต้น จะเห็นได้ว่านักลงทุนจะทำกำไรได้เมื่อราคาหุ้น XYZ เคลื่อนไหวไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างรุนแรง แต่จะขาดทุนหากราคาไม่เปลี่ยนแปลง หรือเคลื่อนไหวไม่มากพอ

      1. ข้อดีและข้อเสียของ Straddle Trading

| ข้อดี | ข้อเสีย | | ---------------------------------- | ---------------------------------- | | ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง | เสี่ยงขาดทุนค่าพรีเมียมทั้งหมด | | เหมาะกับช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนสูง | ต้องมีการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรง | | สามารถจำกัดความเสี่ยงได้ | ต้องใช้เงินทุนในการซื้อ Options สองตัว |

      1. การจัดการความเสี่ยงใน Straddle Trading

1. **กำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop-Loss):** กำหนดจุดตัดขาดทุนล่วงหน้า เพื่อจำกัดความเสี่ยงในกรณีที่ราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ 2. **เลือกราคาใช้สิทธิ (Strike Price) ที่เหมาะสม:** เลือกราคาใช้สิทธิที่เหมาะสมกับระดับความผันผวนที่คาดการณ์ไว้ 3. **เลือกวันหมดอายุ (Expiration Date) ที่เหมาะสม:** เลือกวันหมดอายุที่เหมาะสมกับระยะเวลาที่คาดการณ์ว่าราคาจะเคลื่อนไหว 4. **บริหารเงินทุน (Money Management):** จัดสรรเงินทุนในการซื้อขายอย่างเหมาะสม ไม่ลงทุนเกินตัว 5. **ติดตามข่าวสาร:** ติดตามข่าวสารและเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิง

      1. กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับ Straddle Trading
  • **Strangle:** คล้ายกับ Straddle แต่ใช้ราคาใช้สิทธิที่ต่างกัน โดย Call Option มีราคาใช้สิทธิสูงกว่าราคาปัจจุบัน และ Put Option มีราคาใช้สิทธิต่ำกว่าราคาปัจจุบัน กลยุทธ์นี้มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า Straddle แต่ต้องมีการเคลื่อนไหวของราคาที่มากกว่า
  • **Butterfly Spread:** กลยุทธ์ที่ใช้ Option สามตัว โดยมีราคาใช้สิทธิที่แตกต่างกัน กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่คาดการณ์ว่าราคาจะอยู่ในช่วงแคบๆ
  • **Iron Condor:** กลยุทธ์ที่ใช้ Option สี่ตัว โดยมีราคาใช้สิทธิที่แตกต่างกัน กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่คาดการณ์ว่าราคาจะอยู่ในช่วงแคบๆ และต้องการสร้างรายได้จากค่าพรีเมียม
      1. การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย

การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายสามารถช่วยในการตัดสินใจว่าจะใช้กลยุทธ์ Straddle หรือไม่

  • **การวิเคราะห์ทางเทคนิค:** ใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น Moving Averages, Relative Strength Index (RSI), และ MACD เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มและรูปแบบของราคา
  • **การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย:** วิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายเพื่อดูความแข็งแกร่งของแนวโน้ม และระบุสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้ม
  • **การวิเคราะห์ความผันผวน:** ใช้ตัวชี้วัดความผันผวน เช่น Bollinger Bands และ ATR เพื่อวัดระดับความผันผวนของราคา
      1. การใช้ Straddle Trading กับ Binary Options

ในบริบทของ Binary Options การทำ Straddle จะแตกต่างกันเล็กน้อย เนื่องจาก Binary Options มีการจ่ายผลตอบแทนแบบคงที่ (Fixed Payout) ดังนั้น การทำ Straddle จะเป็นการซื้อ Binary Call Option และ Binary Put Option พร้อมกัน โดยทั้งสอง Option จะมีราคาใช้สิทธิและวันหมดอายุเดียวกัน

  • **ข้อดี:** สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง
  • **ข้อเสีย:** ต้องจ่ายค่าพรีเมียมสำหรับทั้งสอง Option และต้องมีการเคลื่อนไหวของราคาที่มากพอเพื่อให้ได้กำไร
      1. เครื่องมือและแหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
  • **เว็บไซต์ทางการเงิน:** Investing.com, Bloomberg, Reuters
  • **แพลตฟอร์มการซื้อขาย:** MetaTrader, TradingView
  • **หนังสือและบทความ:** ค้นหาหนังสือและบทความเกี่ยวกับ Options Trading และ Binary Options
      1. สรุป

Straddle Trading เป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่คาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะมีการเคลื่อนไหวอย่างมาก แต่ไม่แน่ใจว่าจะขึ้นหรือลง การทำความเข้าใจหลักการทำงาน ข้อดี ข้อเสีย และวิธีการจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการใช้กลยุทธ์นี้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายสามารถช่วยในการตัดสินใจว่าจะใช้กลยุทธ์นี้หรือไม่

การซื้อขายไบนารี่ออปชั่น กลยุทธ์การซื้อขายไบนารี่ออปชั่น Options Trading Volatility Trading Risk Management Technical Analysis Fundamental Analysis Bollinger Bands Average True Range (ATR) Moving Averages Relative Strength Index (RSI) MACD Strangle Butterfly Spread Iron Condor Binary Options Trading Money Management Expiration Date Strike Price Premium

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น

Баннер