Stop Loss Orders
- Stop Loss Orders ในไบนารี่ออปชั่น: คู่มือสำหรับผู้เริ่มต้น
บทความนี้จะอธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับ Stop Loss Orders ในบริบทของการซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น โดยมีเป้าหมายสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการทำความเข้าใจเครื่องมือสำคัญนี้ในการบริหารความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
- บทนำ
การซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น เป็นการคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะสูงขึ้นหรือต่ำลงภายในระยะเวลาที่กำหนด แม้ว่าจะเป็นตลาดที่ดูเรียบง่าย แต่ก็มีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างมาก การบริหารความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนทุกคน และ Stop Loss Orders คือหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญที่สุดในการบรรลุเป้าหมายนี้
Stop Loss Order คือคำสั่งซื้อขายที่ส่งไปยังโบรกเกอร์เพื่อปิดสถานะการซื้อขายโดยอัตโนมัติเมื่อราคาถึงระดับที่กำหนดไว้ล่วงหน้า จุดประสงค์หลักคือการจำกัดการขาดทุนสูงสุดที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อขายที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
- ทำไมต้องใช้ Stop Loss Orders?
การใช้ Stop Loss Orders มีประโยชน์หลายประการ:
- **จำกัดการขาดทุน:** นี่คือประโยชน์ที่ชัดเจนที่สุด หากการซื้อขายของคุณไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง Stop Loss Order จะช่วยป้องกันไม่ให้คุณสูญเสียเงินทุนทั้งหมด
- **ป้องกันผลกระทบทางอารมณ์:** เมื่อการซื้อขายกำลังขาดทุน อารมณ์สามารถเข้ามามีอิทธิพลในการตัดสินใจได้ การใช้ Stop Loss Order ช่วยลดความเสี่ยงในการตัดสินใจที่ผิดพลาดเนื่องจากความกลัวหรือความโลภ
- **อิสระในการทำกิจกรรมอื่น:** เมื่อคุณตั้งค่า Stop Loss Order แล้ว คุณสามารถวางใจได้ว่าสถานะการซื้อขายของคุณจะได้รับการปกป้อง แม้ว่าคุณจะไม่สามารถเฝ้าดูตลาดได้ตลอดเวลา
- **ปรับปรุงอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน:** การใช้ Stop Loss Order ช่วยให้คุณกำหนดอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk/Reward Ratio) ที่เหมาะสม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการซื้อขายที่ประสบความสำเร็จ
- ประเภทของ Stop Loss Orders
มีหลายประเภทของ Stop Loss Orders ที่นักลงทุนสามารถใช้ได้:
- **Fixed Stop Loss:** นี่คือประเภทที่ง่ายที่สุด โดยคุณกำหนดระดับราคาที่แน่นอนซึ่งจะกระตุ้นให้คำสั่งซื้อขายถูกดำเนินการ
- **Trailing Stop Loss:** Trailing Stop Loss จะปรับระดับราคาตามการเคลื่อนไหวของราคาในทิศทางที่เอื้อประโยชน์ต่อคุณ หากราคาเคลื่อนไหวในทิศทางที่คุณคาดหวัง Trailing Stop Loss จะเลื่อนขึ้น (สำหรับสถานะซื้อ) หรือลง (สำหรับสถานะขาย) เพื่อล็อคผลกำไรที่เพิ่มขึ้น แต่ถ้าหากราคาเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้าม Trailing Stop Loss จะยังคงอยู่ที่ระดับเดิมและดำเนินการเมื่อราคาถึงระดับนั้น
- **Guaranteed Stop Loss:** บางโบรกเกอร์เสนอ Guaranteed Stop Loss ซึ่งรับประกันว่าจะดำเนินการคำสั่งซื้อขายของคุณในระดับราคาที่กำหนดไว้ แม้ว่าตลาดจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (Slippage) อย่างไรก็ตาม Guaranteed Stop Loss มักจะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
- วิธีการตั้งค่า Stop Loss Orders ในไบนารี่ออปชั่น
ขั้นตอนการตั้งค่า Stop Loss Order จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มการซื้อขายที่คุณใช้ โดยทั่วไป คุณจะต้อง:
1. **เปิดแพลตฟอร์มการซื้อขาย:** เข้าสู่ระบบบัญชีการซื้อขายของคุณ 2. **เลือกสินทรัพย์อ้างอิง:** เลือกสินทรัพย์ที่คุณต้องการซื้อขาย เช่น สกุลเงิน หุ้น หรือ สินค้าโภคภัณฑ์ 3. **เลือกทิศทางการซื้อขาย:** ตัดสินใจว่าคุณจะซื้อ (Call) หรือขาย (Put) 4. **กำหนดจำนวนเงินลงทุน:** ระบุจำนวนเงินที่คุณต้องการลงทุนในการซื้อขาย 5. **ตั้งค่าระดับ Stop Loss:** กำหนดระดับราคาที่คุณต้องการให้คำสั่งซื้อขายถูกดำเนินการเพื่อจำกัดการขาดทุน 6. **ยืนยันคำสั่งซื้อขาย:** ตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดและยืนยันคำสั่งซื้อขายของคุณ
- การกำหนดระดับ Stop Loss ที่เหมาะสม
การกำหนดระดับ Stop Loss ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง หากตั้งค่าสูงเกินไป คุณอาจสูญเสียเงินทุนมากเกินไป หากตั้งค่าต่ำเกินไป คำสั่งซื้อขายของคุณอาจถูกกระตุ้นก่อนเวลาอันควร
มีหลายวิธีในการกำหนดระดับ Stop Loss ที่เหมาะสม:
- **Percentage-Based Stop Loss:** กำหนดระดับ Stop Loss โดยอิงจากเปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงินลงทุนของคุณ ตัวอย่างเช่น คุณอาจกำหนด Stop Loss ที่ 5% ของจำนวนเงินลงทุนของคุณ
- **Technical Analysis-Based Stop Loss:** ใช้เครื่องมือการวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่น เส้นแนวรับแนวต้าน ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ หรือ Fibonacci Retracement เพื่อระบุระดับราคาที่เหมาะสมในการตั้งค่า Stop Loss
- **Volatility-Based Stop Loss:** ใช้ตัวชี้วัดความผันผวน เช่น Average True Range (ATR) เพื่อกำหนดระดับ Stop Loss ที่คำนึงถึงความผันผวนของตลาด
- **Support and Resistance Levels:** ระบุระดับ แนวรับ และ แนวต้าน ที่สำคัญในกราฟราคา และตั้งค่า Stop Loss ไว้ต่ำกว่าระดับแนวรับ (สำหรับสถานะซื้อ) หรือสูงกว่าระดับแนวต้าน (สำหรับสถานะขาย)
- **Chart Patterns:** ใช้รูปแบบกราฟ (Chart Patterns) เช่น Head and Shoulders, Double Top, หรือ Double Bottom เพื่อช่วยในการกำหนดระดับ Stop Loss
- ตัวอย่างการใช้ Stop Loss Orders
- ตัวอย่างที่ 1: การใช้ Fixed Stop Loss**
สมมติว่าคุณคาดการณ์ว่าราคาของ ทองคำ จะสูงขึ้น และคุณตัดสินใจที่จะซื้อ ไบนารี่ออปชั่น ด้วยจำนวนเงินลงทุน 100 ดอลลาร์ คุณตั้งค่า Fixed Stop Loss ไว้ที่ 95 ดอลลาร์ หากราคาของทองคำลดลงถึง 95 ดอลลาร์ คำสั่งซื้อขายของคุณจะถูกปิดโดยอัตโนมัติ และคุณจะสูญเสียเงินลงทุน 100 ดอลลาร์
- ตัวอย่างที่ 2: การใช้ Trailing Stop Loss**
สมมติว่าคุณซื้อ ไบนารี่ออปชั่น ของ ดัชนี S&P 500 ด้วยจำนวนเงินลงทุน 100 ดอลลาร์ และคุณตั้งค่า Trailing Stop Loss ไว้ที่ 5 ดอลลาร์ หากราคาของดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น Trailing Stop Loss จะเลื่อนขึ้นตามไปด้วย เพื่อล็อคผลกำไรที่เพิ่มขึ้น แต่ถ้าหากราคาของดัชนี S&P 500 ลดลง Trailing Stop Loss จะยังคงอยู่ที่ระดับเดิม และดำเนินการเมื่อราคาลดลงถึง 5 ดอลลาร์
- ข้อควรระวังในการใช้ Stop Loss Orders
- **Slippage:** ในช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวนสูง ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และคำสั่งซื้อขายของคุณอาจถูกดำเนินการในราคาที่แตกต่างจากระดับ Stop Loss ที่คุณตั้งไว้ ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า Slippage
- **Liquidity:** หากตลาดไม่มีสภาพคล่องเพียงพอ คำสั่งซื้อขายของคุณอาจไม่สามารถดำเนินการได้ในราคาที่กำหนด
- **False Breakouts:** บางครั้งราคาอาจมีการทะลุระดับ แนวรับแนวต้าน อย่างรวดเร็ว แต่จากนั้นก็กลับตัว การตั้งค่า Stop Loss ที่ใกล้กับระดับแนวรับแนวต้านมากเกินไป อาจทำให้คำสั่งซื้อขายของคุณถูกกระตุ้นโดย False Breakouts
- กลยุทธ์การซื้อขายที่ใช้ร่วมกับ Stop Loss Orders
- **Martingale Strategy:** กลยุทธ์ที่เพิ่มขนาดการลงทุนหลังจากการขาดทุนแต่ละครั้ง แต่ควรใช้ร่วมกับ Stop Loss Order เพื่อจำกัดการขาดทุน
- **Anti-Martingale Strategy:** กลยุทธ์ที่เพิ่มขนาดการลงทุนหลังจากการทำกำไรแต่ละครั้ง และลดขนาดการลงทุนหลังจากการขาดทุน
- **Breakout Strategy:** กลยุทธ์ที่ซื้อเมื่อราคาทะลุระดับ แนวรับแนวต้าน และตั้งค่า Stop Loss ไว้ต่ำกว่าระดับแนวรับ (สำหรับสถานะซื้อ) หรือสูงกว่าระดับแนวต้าน (สำหรับสถานะขาย)
- **Trend Following Strategy:** กลยุทธ์ที่ซื้อตามแนวโน้มราคา และตั้งค่า Trailing Stop Loss เพื่อล็อคผลกำไร
- การวิเคราะห์ทางเทคนิคที่เกี่ยวข้อง
- **Moving Averages:** ใช้เพื่อระบุแนวโน้มและระดับแนวรับแนวต้าน
- **Relative Strength Index (RSI):** ใช้เพื่อวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม
- **MACD:** ใช้เพื่อระบุสัญญาณการซื้อขาย
- **Bollinger Bands:** ใช้เพื่อวัดความผันผวนของราคา
- **Fibonacci Retracement:** ใช้เพื่อระบุระดับแนวรับแนวต้าน
- การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายที่เกี่ยวข้อง
- **Volume:** ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นสามารถบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของแนวโน้ม
- **On Balance Volume (OBV):** ใช้เพื่อวัดแรงกดดันในการซื้อขาย
- **Accumulation/Distribution Line:** ใช้เพื่อระบุการสะสมหรือการกระจายของสินทรัพย์
- สรุป
Stop Loss Orders เป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับการบริหารความเสี่ยงในการซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น การทำความเข้าใจประเภทต่างๆ ของ Stop Loss Orders วิธีการตั้งค่า และข้อควรระวัง จะช่วยให้คุณสามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงในการขาดทุนได้
| สถานการณ์ | สินทรัพย์ | ทิศทางการซื้อขาย | จำนวนเงินลงทุน | ระดับ Stop Loss | |
|---|---|---|---|---|---|
| คาดการณ์ราคาขึ้น | ทองคำ | ซื้อ (Call) | 100 ดอลลาร์ | 95 ดอลลาร์ | |
| คาดการณ์ราคาลง | ดัชนี S&P 500 | ขาย (Put) | 50 ดอลลาร์ | 1050 ดอลลาร์ | |
| ตามแนวโน้มราคาขึ้น | น้ำมันดิบ | ซื้อ (Call) | 200 ดอลลาร์ | Trailing Stop Loss (5 ดอลลาร์) |
การบริหารความเสี่ยง การซื้อขายไบนารี่ออปชั่น กลยุทธ์การซื้อขาย การวิเคราะห์ทางเทคนิค การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย แนวรับแนวต้าน ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ Fibonacci Retracement Average True Range (ATR) สกุลเงิน หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ Martingale Strategy Anti-Martingale Strategy Breakout Strategy Trend Following Strategy
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น
