Stochastic Oscillator Divergence
Stochastic Oscillator Divergence
บทนำ
Stochastic Oscillator เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค (การวิเคราะห์ทางเทคนิค) ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ใช้ในการประเมินโมเมนตัมของราคาหุ้นหรือสินทรัพย์อื่นๆ โดยการเปรียบเทียบราคาปิดปัจจุบันกับช่วงราคาในช่วงเวลาที่กำหนด โดยทั่วไปจะใช้ช่วงเวลา 14 วัน แต่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของผู้เทรด แนวคิดเบื้องหลัง Stochastic Oscillator คือ ในตลาดที่เป็นแนวโน้มขึ้น ราคาจะปิดใกล้กับจุดสูงสุดของช่วงราคา และในตลาดที่เป็นแนวโน้มลง ราคาจะปิดใกล้กับจุดต่ำสุดของช่วงราคา
บทความนี้จะเจาะลึกถึงแนวคิดของ *Stochastic Oscillator Divergence* หรือความแตกต่าง (Divergence) ของ Stochastic Oscillator ซึ่งเป็นสัญญาณสำคัญที่สามารถช่วยให้เทรดเดอร์ ไบนารี่ออปชั่น ระบุโอกาสในการเทรดที่มีศักยภาพได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำความเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างราคาและ Stochastic Oscillator จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจเทรด และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้
ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับ Stochastic Oscillator
ก่อนที่จะเจาะลึกเรื่อง Divergence เราจำเป็นต้องเข้าใจหลักการทำงานของ Stochastic Oscillator ก่อน Stochastic Oscillator ประกอบด้วยสองเส้นหลัก: %K และ %D
- **%K (Fast Stochastic):** คำนวณจากสูตร: %K = 100 * ((ราคาปิดปัจจุบัน – ราคาต่ำสุดในช่วงเวลาที่กำหนด) / (ราคาสูงสุดในช่วงเวลาที่กำหนด – ราคาต่ำสุดในช่วงเวลาที่กำหนด))
- **%D (Slow Stochastic):** เป็นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบ 3 ช่วงเวลาของ %K ซึ่งช่วยลดสัญญาณรบกวนและทำให้สัญญาณมีเสถียรภาพมากขึ้น
โดยทั่วไปแล้ว Stochastic Oscillator จะมีการตั้งค่า Overbought (ซื้อมากเกินไป) ที่ระดับ 80 และ Oversold (ขายมากเกินไป) ที่ระดับ 20 เมื่อค่า %K และ %D สูงกว่า 80 แสดงว่าสินทรัพย์อยู่ในสภาวะ Overbought และอาจมีการปรับตัวลดลง ในทางกลับกัน เมื่อค่า %K และ %D ต่ำกว่า 20 แสดงว่าสินทรัพย์อยู่ในสภาวะ Oversold และอาจมีการปรับตัวสูงขึ้น
Stochastic Oscillator Divergence คืออะไร?
Stochastic Oscillator Divergence เกิดขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์เคลื่อนไหวในทิศทางหนึ่ง แต่ Stochastic Oscillator เคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้าม ซึ่งบ่งบอกถึงการสูญเสียโมเมนตัมของแนวโน้มปัจจุบัน และอาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้ม (การกลับตัวของแนวโน้ม)
มีสองประเภทหลักของ Stochastic Oscillator Divergence:
- **Bullish Divergence (ความแตกต่างขาขึ้น):** เกิดขึ้นเมื่อราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ แต่ Stochastic Oscillator ไม่ทำจุดต่ำสุดใหม่ แสดงว่าแรงขายกำลังอ่อนตัวลง และมีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวสูงขึ้น
- **Bearish Divergence (ความแตกต่างขาลง):** เกิดขึ้นเมื่อราคาทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ Stochastic Oscillator ไม่ทำจุดสูงสุดใหม่ แสดงว่าแรงซื้อกำลังอ่อนตัวลง และมีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวลดลง
การระบุ Bullish Divergence
เพื่อให้เข้าใจวิธีการระบุ Bullish Divergence ได้อย่างชัดเจน ลองพิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้:
1. **ราคาทำจุดต่ำสุดใหม่:** ราคาสินทรัพย์ตกลงไปทำจุดต่ำสุดใหม่ 2. **Stochastic Oscillator ไม่ทำจุดต่ำสุดใหม่:** ในขณะที่ราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ Stochastic Oscillator กลับไม่สามารถทำจุดต่ำสุดใหม่ได้ แต่สร้างจุดต่ำสุดที่สูงกว่าจุดต่ำสุดก่อนหน้า 3. **สัญญาณซื้อ:** นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าแรงขายกำลังอ่อนตัวลง และมีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวสูงขึ้น เทรดเดอร์ ไบนารี่ออปชั่น สามารถพิจารณาเปิดสถานะซื้อ (Call Option) เมื่อ Stochastic Oscillator ข้ามเส้น 50 ขึ้นไป
การระบุ Bearish Divergence
ในทำนองเดียวกัน การระบุ Bearish Divergence สามารถทำได้ดังนี้:
1. **ราคาทำจุดสูงสุดใหม่:** ราคาสินทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ 2. **Stochastic Oscillator ไม่ทำจุดสูงสุดใหม่:** ในขณะที่ราคาทำจุดสูงสุดใหม่ Stochastic Oscillator กลับไม่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้ แต่สร้างจุดสูงสุดที่ต่ำกว่าจุดสูงสุดก่อนหน้า 3. **สัญญาณขาย:** นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าแรงซื้อกำลังอ่อนตัวลง และมีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวลดลง เทรดเดอร์ ไบนารี่ออปชั่น สามารถพิจารณาเปิดสถานะขาย (Put Option) เมื่อ Stochastic Oscillator ข้ามเส้น 50 ลงมา
ความสำคัญของ Volume Confirmation
แม้ว่า Stochastic Oscillator Divergence จะเป็นสัญญาณที่มีประโยชน์ แต่การยืนยันด้วยปริมาณการซื้อขาย (การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย) จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณได้
- **Bullish Divergence:** หากปริมาณการซื้อขายลดลงในขณะที่เกิด Bullish Divergence แสดงว่าแรงขายกำลังอ่อนตัวลงอย่างแท้จริง
- **Bearish Divergence:** หากปริมาณการซื้อขายลดลงในขณะที่เกิด Bearish Divergence แสดงว่าแรงซื้อกำลังอ่อนตัวลงอย่างแท้จริง
การขาดการยืนยันจากปริมาณการซื้อขายอาจบ่งบอกถึงสัญญาณหลอก (False Signal)
ข้อจำกัดของ Stochastic Oscillator Divergence
แม้ว่า Stochastic Oscillator Divergence จะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการที่เทรดเดอร์ควรทราบ:
- **สัญญาณหลอก:** Stochastic Oscillator Divergence อาจสร้างสัญญาณหลอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาด Sideway (ตลาด Sideway)
- **ความล่าช้า:** สัญญาณ Divergence อาจปรากฏขึ้นหลังจากที่แนวโน้มได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว
- **การตีความที่ผิดพลาด:** การตีความสัญญาณ Divergence ที่ผิดพลาดอาจนำไปสู่การตัดสินใจเทรดที่ไม่ถูกต้อง
การใช้ Stochastic Oscillator Divergence ร่วมกับเครื่องมืออื่น
เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการเทรด เทรดเดอร์ควรใช้ Stochastic Oscillator Divergence ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ เช่น:
- **แนวรับและแนวต้าน (Support and Resistance):** แนวรับและแนวต้าน สามารถช่วยระบุระดับราคาที่สำคัญที่อาจเกิดการกลับตัวของแนวโน้ม
- **เส้นแนวโน้ม (Trend Lines):** เส้นแนวโน้ม สามารถช่วยระบุทิศทางของแนวโน้ม และจุดที่แนวโน้มอาจสิ้นสุดลง
- **Moving Averages:** ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ สามารถช่วยกรองสัญญาณรบกวน และระบุแนวโน้มหลัก
- **Fibonacci Retracement:** Fibonacci Retracement สามารถช่วยระบุระดับราคาที่อาจเกิดการกลับตัวของแนวโน้ม
- **RSI (Relative Strength Index):** RSI เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือวัดโมเมนตัมที่สามารถใช้ร่วมกับ Stochastic Oscillator เพื่อยืนยันสัญญาณ
กลยุทธ์การเทรดไบนารี่ออปชั่นโดยใช้ Stochastic Oscillator Divergence
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างกลยุทธ์การเทรดไบนารี่ออปชั่นโดยใช้ Stochastic Oscillator Divergence:
- **กลยุทธ์ Breakout:** รอให้เกิด Bullish Divergence ใกล้กับแนวรับที่แข็งแกร่ง และเปิดสถานะซื้อ (Call Option) เมื่อราคา Breakout เหนือแนวรับ
- **กลยุทธ์ Reversal:** รอให้เกิด Bearish Divergence ใกล้กับแนวต้านที่แข็งแกร่ง และเปิดสถานะขาย (Put Option) เมื่อราคา Breakdown ใต้แนวต้าน
- **กลยุทธ์ Trend Following:** ใช้ Stochastic Oscillator Divergence เพื่อยืนยันการกลับตัวของแนวโน้ม และเทรดตามแนวโน้มใหม่
ตัวอย่างการใช้งานจริง
| Scenario | Signal | Action | |||||||||
| ราคาทำจุดต่ำสุดใหม่, Stochastic Oscillator ไม่ทำจุดต่ำสุดใหม่ | Bullish Divergence | เปิดสถานะซื้อ (Call Option) | ราคาทำจุดสูงสุดใหม่, Stochastic Oscillator ไม่ทำจุดสูงสุดใหม่ | Bearish Divergence | เปิดสถานะขาย (Put Option) | Bullish Divergence ใกล้แนวรับ, ปริมาณการซื้อขายลดลง | ยืนยันสัญญาณ | เปิดสถานะซื้อ (Call Option) | Bearish Divergence ใกล้แนวต้าน, ปริมาณการซื้อขายลดลง | ยืนยันสัญญาณ | เปิดสถานะขาย (Put Option) |
การจัดการความเสี่ยง
การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญในการเทรดไบนารี่ออปชั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ Stochastic Oscillator Divergence:
- **Stop-Loss:** ตั้งค่า Stop-Loss เพื่อจำกัดความเสี่ยงหากราคาเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามกับที่คุณคาดการณ์
- **Position Sizing:** กำหนดขนาด Position ที่เหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงในการสูญเสียเงินทุนทั้งหมด
- **Risk/Reward Ratio:** พยายามเลือกการเทรดที่มี Risk/Reward Ratio ที่เป็นบวก (เช่น 1:2 หรือ 1:3)
สรุป
Stochastic Oscillator Divergence เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่สามารถช่วยให้เทรดเดอร์ ไบนารี่ออปชั่น ระบุโอกาสในการเทรดที่มีศักยภาพได้ อย่างไรก็ตาม การทำความเข้าใจหลักการทำงาน ข้อจำกัด และการใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเสมอในการเทรด
การวิเคราะห์ทางเทคนิคขั้นสูง การเทรดตามโมเมนตัม การเทรดระยะสั้น การเทรดระยะยาว การวิเคราะห์ตลาด การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน การบริหารจัดการเงินทุน จิตวิทยาการเทรด เทคนิคการอ่านกราฟ รูปแบบแท่งเทียน Moving Average Crossover MACD Divergence Bollinger Bands Ichimoku Cloud Elliott Wave Theory
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น
