Shark Pattern

1. 1. Shark Pattern

Shark Pattern เป็นรูปแบบกราฟราคา (Price Pattern) ที่อยู่ในกลุ่มของรูปแบบ Harmonic ที่ซับซ้อนกว่ารูปแบบอื่นๆ เช่น Gartley Pattern หรือ Butterfly Pattern ได้รับการพัฒนาขึ้นโดย Scott Carney และเป็นที่นิยมในหมู่นักเทรด Forex และ Binary Options เนื่องจากมีความแม่นยำสูงในการทำนายการกลับตัวของราคา

คำเตือน: การเทรดไบนารี่ออปชั่นมีความเสี่ยงสูง โปรดศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจความเสี่ยงก่อนทำการลงทุน

ภาพรวมของ Shark Pattern

Shark Pattern เป็นรูปแบบที่ระบุจุดกลับตัวของแนวโน้มราคา โดยอาศัยอัตราส่วน Fibonacci ที่เฉพาะเจาะจง รูปแบบนี้มีความคล้ายคลึงกับรูปแบบ Harmonic อื่นๆ แต่มีความพิเศษตรงที่จุด D (จุดสิ้นสุดของรูปแบบ) จะเคลื่อนที่เข้าใกล้จุด X (จุดเริ่มต้นของรูปแบบ) มากกว่า ทำให้เกิดสัญญาณที่แข็งแกร่งขึ้น

องค์ประกอบของ Shark Pattern

Shark Pattern ประกอบด้วย 5 จุดสำคัญ ได้แก่:

• X: จุดเริ่มต้นของรูปแบบ เป็นจุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุดก่อนที่รูปแบบจะเริ่มก่อตัว
• A: จุดที่ราคาปรับตัวสวนทางกับแนวโน้มหลักครั้งแรก
• B: จุดที่ราคาปรับตัวในทิศทางเดียวกับแนวโน้มหลักหลังจากจุด A
• C: จุดที่ราคาปรับตัวสวนทางกับแนวโน้มหลักอีกครั้งหลังจากจุด B
• D: จุดสิ้นสุดของรูปแบบ เป็นจุดที่คาดว่าจะเกิดการกลับตัวของราคา

องค์ประกอบของ Shark Pattern

จุด	! คำอธิบาย
X	จุดเริ่มต้นของรูปแบบ
A	การปรับตัวสวนทางครั้งแรก
B	การปรับตัวในทิศทางแนวโน้มหลัก
C	การปรับตัวสวนทางครั้งที่สอง
D	จุดสิ้นสุดของรูปแบบ – จุดกลับตัวที่คาดหวัง

อัตราส่วน Fibonacci ที่สำคัญ

เพื่อให้ระบุ Shark Pattern ได้อย่างถูกต้อง จำเป็นต้องตรวจสอบอัตราส่วน Fibonacci ที่สำคัญดังนี้:

• XA: โดยทั่วไปอยู่ที่ 0.618 (Golden Ratio)
• AB: โดยทั่วไปอยู่ที่ 0.382 – 0.618
• BC: โดยทั่วไปอยู่ที่ 0.382 – 0.886
• CD: โดยทั่วไปอยู่ที่ 0.618 – 1.618
• XD: โดยทั่วไปอยู่ที่ 0.886 – 1.128 (สำคัญที่สุด)

การตรวจสอบอัตราส่วนเหล่านี้จะช่วยยืนยันว่ารูปแบบที่ปรากฏบนกราฟเป็น Shark Pattern จริงหรือไม่ การเบี่ยงเบนจากอัตราส่วนที่กำหนดอาจทำให้สัญญาณไม่แม่นยำ

การระบุ Shark Pattern ในกราฟราคา

การระบุ Shark Pattern ต้องอาศัยความละเอียดและความเข้าใจในรูปแบบ Harmonic อย่างลึกซึ้ง ขั้นตอนในการระบุมีดังนี้:

1. ค้นหาจุด X: มองหาจุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุดที่ชัดเจนบนกราฟราคา 2. ค้นหาจุด A, B, C และ D: ระบุจุดที่ราคาปรับตัวตามเงื่อนไขของ Shark Pattern โดยพิจารณาจากทิศทางและขนาดของการเคลื่อนไหว 3. ตรวจสอบอัตราส่วน Fibonacci: คำนวณอัตราส่วน Fibonacci ระหว่างจุดต่างๆ เพื่อตรวจสอบว่าสอดคล้องกับอัตราส่วนที่กำหนดหรือไม่ 4. ยืนยันรูปแบบ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่ารูปแบบทั้งหมดมีความสมบูรณ์และเป็นไปตามเงื่อนไขของ Shark Pattern

ประเภทของ Shark Pattern

Shark Pattern สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ:

• Bullish Shark Pattern: ปรากฏในแนวโน้มขาลง (Bearish Trend) และบ่งบอกถึงการกลับตัวเป็นขาขึ้น (Bullish Reversal)
• Bearish Shark Pattern: ปรากฏในแนวโน้มขาขึ้น (Bullish Trend) และบ่งบอกถึงการกลับตัวเป็นขาลง (Bearish Reversal)

การเข้าใจประเภทของ Shark Pattern จะช่วยให้นักเทรดสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องในการเปิดสถานะ

การเทรด Shark Pattern ใน Binary Options

เมื่อระบุ Shark Pattern ได้อย่างถูกต้องแล้ว นักเทรดสามารถใช้ประโยชน์จากรูปแบบนี้ในการเทรด Binary Options ได้ โดยมีแนวทางการเทรดดังนี้:

• Bullish Shark Pattern:

   *   Call Option: เปิดสถานะ Call Option เมื่อราคาทะลุระดับ Fibonacci retracement ที่จุด D
   *   จุดทำกำไร: กำหนดไว้ที่ระดับ Fibonacci extension ที่สูงกว่าจุด D
   *   จุดตัดขาดทุน: กำหนดไว้ที่ระดับต่ำกว่าจุด D เล็กน้อย

• Bearish Shark Pattern:

   *   Put Option: เปิดสถานะ Put Option เมื่อราคาทะลุระดับ Fibonacci retracement ที่จุด D
   *   จุดทำกำไร: กำหนดไว้ที่ระดับ Fibonacci extension ที่ต่ำกว่าจุด D
   *   จุดตัดขาดทุน: กำหนดไว้ที่ระดับสูงกว่าจุด D เล็กน้อย

การบริหารความเสี่ยงในการเทรด Shark Pattern

การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเทรด Shark Pattern เนื่องจากรูปแบบ Harmonic ไม่สามารถรับประกันผลกำไรได้เสมอไป แนวทางการบริหารความเสี่ยงที่ควรปฏิบัติตามมีดังนี้:

• กำหนดขนาด Position: กำหนดขนาด Position ที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยทั่วไปไม่ควรเสี่ยงเกิน 1-2% ของเงินทุนทั้งหมดในแต่ละครั้ง
• ใช้ Stop Loss: กำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) เพื่อจำกัดความเสี่ยงในกรณีที่ราคาเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามกับที่คาดการณ์ไว้
• ยืนยันสัญญาณ: ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ เช่น Moving Averages, RSI, หรือ MACD เพื่อยืนยันสัญญาณก่อนทำการเปิดสถานะ
• ระมัดระวังข่าวสาร: ติดตามข่าวสารเศรษฐกิจและการเงินอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเหตุการณ์สำคัญต่างๆ อาจส่งผลกระทบต่อราคาและทำให้รูปแบบ Shark Pattern ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้

ข้อดีและข้อเสียของ Shark Pattern

ข้อดี:

• ความแม่นยำสูง: Shark Pattern มีความแม่นยำสูงในการทำนายการกลับตัวของราคา เมื่อเทียบกับรูปแบบ Harmonic อื่นๆ
• สัญญาณที่ชัดเจน: รูปแบบนี้มีสัญญาณที่ชัดเจน ทำให้ง่ายต่อการระบุและเทรด
• สามารถใช้ได้กับหลายตลาด: สามารถใช้ได้กับตลาดต่างๆ เช่น Forex, หุ้น, และ Binary Options

ข้อเสีย:

• ความซับซ้อน: การระบุ Shark Pattern ต้องอาศัยความรู้และความเข้าใจในรูปแบบ Harmonic อย่างลึกซึ้ง
• ใช้เวลานาน: การก่อตัวของ Shark Pattern อาจใช้เวลานาน ทำให้เสียโอกาสในการเทรด
• สัญญาณที่ผิดพลาด: แม้ว่า Shark Pattern จะมีความแม่นยำสูง แต่ก็อาจเกิดสัญญาณที่ผิดพลาดได้บ้าง

เครื่องมือและแหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

• Fibonacci Retracement Tool: ใช้เพื่อวัดอัตราส่วน Fibonacci ในกราฟราคา
• Harmonic Pattern Scanner: โปรแกรมที่ช่วยในการค้นหา Harmonic Pattern บนกราฟราคาโดยอัตโนมัติ
• เว็บไซต์และฟอรัมการเทรด: แหล่งข้อมูลสำหรับการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับ Shark Pattern และรูปแบบ Harmonic อื่นๆ เช่น BabyPips หรือ Forex Factory
• หนังสือเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค: หนังสือที่ครอบคลุมเนื้อหาเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและรูปแบบ Harmonic เช่น หนังสือของ Scott Carney

กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง

• Gartley Pattern: รูปแบบ Harmonic พื้นฐานที่คล้ายคลึงกับ Shark Pattern
• Butterfly Pattern: รูปแบบ Harmonic ที่มีความซับซ้อนและแม่นยำสูง
• Crab Pattern: รูปแบบ Harmonic ที่มีอัตราส่วน Fibonacci ที่เฉพาะเจาะจง
• Cypher Pattern: รูปแบบ Harmonic ที่มีลักษณะเฉพาะตัว
• 5-0 Pattern: รูปแบบ Harmonic ที่เน้นการระบุจุดกลับตัวของราคา
• Three Drives Pattern: รูปแบบที่ใช้ในการระบุแนวโน้มและจุดกลับตัว
• AB=CD Pattern: รูปแบบที่เน้นการเปรียบเทียบช่วงราคา
• Elliott Wave Theory: ทฤษฎีที่อธิบายการเคลื่อนไหวของราคาในรูปแบบของคลื่น
• Ichimoku Cloud: เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้ในการระบุแนวโน้มและระดับแนวรับแนวต้าน
• Support and Resistance: การระบุระดับแนวรับและแนวต้านเพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคา
• Trend Lines: การวาดเส้นแนวโน้มเพื่อระบุทิศทางของราคา
• Chart Patterns: การศึกษาและวิเคราะห์รูปแบบกราฟราคาต่างๆ
• Price Action: การวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาโดยไม่ใช้ Indicators
• Volume Analysis: การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายเพื่อยืนยันสัญญาณ
• Risk Management: การบริหารความเสี่ยงในการเทรด

สรุป

Shark Pattern เป็นรูปแบบกราฟราคาที่มีความแม่นยำสูงในการทำนายการกลับตัวของราคา การระบุและเทรด Shark Pattern อย่างถูกต้องต้องอาศัยความรู้และความเข้าใจในรูปแบบ Harmonic อย่างลึกซึ้ง รวมถึงการบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ ร่วมกับ Shark Pattern จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงในการลงทุน การเทรด Binary Options

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น