Order Types

1. 1. ประเภทคำสั่งซื้อขาย (Order Types) ในไบนารี่ออปชั่นสำหรับผู้เริ่มต้น

ไบนารี่ออปชั่นเป็นเครื่องมือทางการเงินที่เข้าใจง่าย แต่การทำความเข้าใจประเภทของคำสั่งซื้อขาย (Order Types) ที่มีอยู่จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถปรับปรุงกลยุทธ์การซื้อขายและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้อย่างมาก บทความนี้จะอธิบายประเภทคำสั่งซื้อขายที่สำคัญทั้งหมดในไบนารี่ออปชั่น โดยเน้นที่การใช้งานและการประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริง

1. 1. 1. บทนำสู่คำสั่งซื้อขายในไบนารี่ออปชั่น

คำสั่งซื้อขายในไบนารี่ออปชั่น คือคำแนะนำที่เทรดเดอร์ส่งไปยังโบรกเกอร์เพื่อเปิดหรือปิดสถานะการซื้อขาย โดยพื้นฐานแล้ว ไบนารี่ออปชั่นมีคำสั่งซื้อขายที่เรียบง่ายกว่าตลาดการเงินอื่นๆ เนื่องจากมีผลลัพธ์เพียงสองแบบคือ กำไรหรือขาดทุน แต่การใช้คำสั่งซื้อขายที่เหมาะสมยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการจัดการความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพในการซื้อขาย

1. 1. 1. ประเภทของคำสั่งซื้อขายหลัก

1. **คำสั่งซื้อขายแบบปกติ (Standard Order)**:

  คำสั่งซื้อขายแบบปกติเป็นคำสั่งพื้นฐานที่สุด โดยเทรดเดอร์จะเลือกสินทรัพย์ (Asset), ระยะเวลาหมดอายุ (Expiry Time) และจำนวนเงินลงทุน (Investment Amount) หากราคาของสินทรัพย์ ณ เวลาหมดอายุเป็นไปตามเงื่อนไขที่คาดการณ์ไว้ (เช่น สูงกว่าหรือต่ำกว่า) เทรดเดอร์จะได้รับผลตอบแทนตามที่กำหนด หากไม่เป็นไปตามเงื่อนไข เทรดเดอร์จะเสียเงินลงทุนทั้งหมด

  * **การใช้งาน:** เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นและสถานการณ์ที่คาดการณ์ทิศทางราคาได้อย่างมั่นใจ
  * **ตัวอย่าง:** คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะสูงขึ้นภายใน 1 ชั่วโมง ลงทุน 100 ดอลลาร์ หากราคาทองคำสูงกว่าราคาเริ่มต้นเมื่อครบ 1 ชั่วโมง จะได้รับผลตอบแทน 80% (อัตราผลตอบแทนอาจแตกต่างกันไปตามโบรกเกอร์)

2. **คำสั่งซื้อขายแบบ One-Touch (One-Touch Order)**:

  คำสั่งซื้อขายแบบ One-Touch เป็นคำสั่งที่เทรดเดอร์คาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์จะ "แตะ" (Touch) ระดับราคาที่กำหนดไว้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ไม่ว่าราคาจะขึ้นหรือลงก็ได้

  * **การใช้งาน:** เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่มีความผันผวนสูง (High Volatility) และคาดการณ์ว่าราคาจะมีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
  * **ตัวอย่าง:** คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันจะแตะระดับ 85 ดอลลาร์ภายใน 24 ชั่วโมง ลงทุน 50 ดอลลาร์ หากราคาน้ำมันแตะ 85 ดอลลาร์เมื่อใดก็ได้ภายใน 24 ชั่วโมง จะได้รับผลตอบแทนสูง (อัตราผลตอบแทนมักจะสูงกว่าคำสั่งแบบปกติ)
  * **กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง:** Bollinger Bands, Volatility Breakout

3. **คำสั่งซื้อขายแบบ No-Touch (No-Touch Order)**:

  คำสั่งซื้อขายแบบ No-Touch เป็นคำสั่งที่เทรดเดอร์คาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์จะไม่ "แตะ" ระดับราคาที่กำหนดไว้ภายในระยะเวลาที่กำหนด

  * **การใช้งาน:** เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่คาดการณ์ว่าราคาจะอยู่ในช่วงแคบๆ และไม่น่าจะมีการเคลื่อนไหวรุนแรง
  * **ตัวอย่าง:** คาดการณ์ว่าราคาเงินจะไม่แตะระดับ 23 ดอลลาร์ภายใน 12 ชั่วโมง ลงทุน 75 ดอลลาร์ หากราคางินไม่แตะ 23 ดอลลาร์เมื่อครบ 12 ชั่วโมง จะได้รับผลตอบแทนตามที่กำหนด
  * **กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง:** Range Trading, Support and Resistance

4. **คำสั่งซื้อขายแบบ Ladder (Ladder Order)**:

  คำสั่งซื้อขายแบบ Ladder เป็นคำสั่งที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถกำหนดเป้าหมายราคาหลายระดับ (Price Targets) และรับผลตอบแทนที่แตกต่างกันตามระดับราคาที่ทำได้

  * **การใช้งาน:** เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่คาดการณ์ทิศทางราคาได้อย่างมั่นใจ และต้องการเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
  * **ตัวอย่าง:** คาดการณ์ว่าราคาหุ้น Apple จะสูงขึ้น กำหนดเป้าหมายราคาที่ 170 ดอลลาร์ (ผลตอบแทน 70%), 175 ดอลลาร์ (ผลตอบแทน 90%) และ 180 ดอลลาร์ (ผลตอบแทน 120%) หากราคาหุ้น Apple ถึง 170 ดอลลาร์ จะได้รับผลตอบแทน 70% หากถึง 175 ดอลลาร์ จะได้รับผลตอบแทน 90% และหากถึง 180 ดอลลาร์ จะได้รับผลตอบแทน 120%
  * **กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง:** Trend Following, Breakout Trading

1. 1. 1. คำสั่งซื้อขายขั้นสูง (Advanced Order Types)

1. **คำสั่งซื้อขายแบบ Follow the Trend (Trend Following Order)**:

  คำสั่งซื้อขายแบบนี้จะถูกเปิดโดยอัตโนมัติเมื่อเกิดแนวโน้มที่ชัดเจน (Trend) ในราคาของสินทรัพย์ โดยเทรดเดอร์สามารถกำหนดพารามิเตอร์ต่างๆ เช่น ความแข็งแกร่งของแนวโน้ม และระยะเวลาในการถือครองคำสั่ง

  * **การใช้งาน:** เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการใช้ประโยชน์จากแนวโน้มในระยะยาว และต้องการลดการแทรกแซงด้วยตนเอง
  * **กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง:** Moving Average Crossover, MACD

2. **คำสั่งซื้อขายแบบ Turbo (Turbo Order)**:

  คำสั่งซื้อขายแบบ Turbo เป็นคำสั่งที่เปิดโอกาสให้เทรดเดอร์ได้รับผลตอบแทนอย่างรวดเร็ว แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน โดยคำสั่งนี้จะหมดอายุเมื่อราคาของสินทรัพย์ถึงระดับราคาที่กำหนดไว้ หรือเมื่อเวลาหมดอายุ

  * **การใช้งาน:** เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการผลตอบแทนที่รวดเร็ว และยอมรับความเสี่ยงที่สูงขึ้น
  * **กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง:** Scalping, Day Trading

3. **คำสั่งซื้อขายแบบ Binary Options Pro (Binary Options Pro Order)**:

  คำสั่งซื้อขายแบบนี้เป็นคำสั่งที่ให้เทรดเดอร์สามารถปรับแต่งพารามิเตอร์ต่างๆ ได้อย่างละเอียด เช่น อัตราผลตอบแทน (Payout Ratio) และระยะเวลาหมดอายุ (Expiry Time)

  * **การใช้งาน:** เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ และต้องการควบคุมการซื้อขายอย่างเต็มที่

1. 1. 1. การจัดการความเสี่ยงและการเลือกคำสั่งซื้อขาย

การเลือกประเภทคำสั่งซื้อขายที่เหมาะสมเป็นส่วนสำคัญของการจัดการความเสี่ยงในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น เทรดเดอร์ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ความผันผวนของตลาด (Market Volatility), ระยะเวลาในการซื้อขาย (Trading Horizon) และความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Risk Tolerance)

• **ความผันผวนของตลาด:** หากตลาดมีความผันผวนสูง คำสั่งซื้อขายแบบ One-Touch หรือ Ladder อาจเหมาะสมกว่าคำสั่งแบบปกติ
• **ระยะเวลาในการซื้อขาย:** หากต้องการผลตอบแทนที่รวดเร็ว คำสั่งซื้อขายแบบ Turbo อาจเป็นตัวเลือกที่ดี
• **ความเสี่ยงที่ยอมรับได้:** หากไม่ต้องการรับความเสี่ยงมากนัก คำสั่งซื้อขายแบบ No-Touch หรือคำสั่งแบบปกติอาจเหมาะสมกว่า

1. 1. 1. ตารางสรุปประเภทคำสั่งซื้อขาย

ประเภทคำสั่งซื้อขายในไบนารี่ออปชั่น

คำสั่งซื้อขาย	คำอธิบาย	เหมาะสำหรับ	ความเสี่ยง
Standard Order	คำสั่งซื้อขายพื้นฐาน คาดการณ์ทิศทางราคา	ผู้เริ่มต้น, สถานการณ์ที่มั่นใจ	ต่ำ
One-Touch Order	คาดการณ์ว่าราคาจะแตะระดับราคาที่กำหนด	ตลาดผันผวนสูง	สูง
No-Touch Order	คาดการณ์ว่าราคาจะไม่แตะระดับราคาที่กำหนด	ตลาดอยู่ในช่วงแคบ	ปานกลาง
Ladder Order	กำหนดเป้าหมายราคาหลายระดับ	คาดการณ์ทิศทางราคาที่ชัดเจน	ปานกลาง - สูง
Follow the Trend Order	เปิดคำสั่งเมื่อเกิดแนวโน้ม	เทรดเดอร์ที่ต้องการใช้ประโยชน์จากแนวโน้ม	ปานกลาง
Turbo Order	ผลตอบแทนรวดเร็ว แต่ความเสี่ยงสูง	เทรดเดอร์ที่ต้องการผลตอบแทนเร็ว	สูง
Binary Options Pro Order	ปรับแต่งพารามิเตอร์ได้ละเอียด	เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์	ปานกลาง - สูง

1. 1. 1. การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการเลือกคำสั่งซื้อขาย

การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) สามารถช่วยเทรดเดอร์ในการตัดสินใจเลือกประเภทคำสั่งซื้อขายที่เหมาะสมได้ ตัวอย่างเช่น การใช้ Moving Averages เพื่อระบุแนวโน้มของราคา หรือการใช้ Relative Strength Index (RSI) เพื่อวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม การวิเคราะห์ Fibonacci Retracements สามารถช่วยในการกำหนดระดับราคาเป้าหมายสำหรับคำสั่งซื้อขายแบบ Ladder

1. 1. 1. การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis) และคำสั่งซื้อขาย

การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis) สามารถช่วยยืนยันแนวโน้มและสัญญาณการซื้อขายที่ได้จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค ตัวอย่างเช่น หากเกิดการ Breakout ของราคาพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น อาจเป็นสัญญาณที่แข็งแกร่งสำหรับการเปิดคำสั่งซื้อขายแบบ One-Touch หรือ Ladder

1. 1. 1. สรุป

การทำความเข้าใจประเภทของคำสั่งซื้อขายต่างๆ ในไบนารี่ออปชั่นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ทุกคน การเลือกคำสั่งซื้อขายที่เหมาะสมจะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถปรับปรุงกลยุทธ์การซื้อขาย, จัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มโอกาสในการทำกำไร การฝึกฝนและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องจะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถใช้ประโยชน์จากคำสั่งซื้อขายต่างๆ ได้อย่างเต็มที่

Binary Options Strategy, Risk Management, Technical Indicators, Market Analysis, Trading Psychology, Candlestick Patterns, Japanese Candlesticks, Chart Patterns, Support and Resistance Levels, Trend Lines, Forex Trading, Commodity Trading, Index Trading, Options Trading, Financial Markets

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น