Low Volume Breakout Strategy
- Low Volume Breakout Strategy
กลยุทธ์ Low Volume Breakout เป็นกลยุทธ์การซื้อขายไบนารี่ออปชั่น (Binary Options) ที่อาศัยการระบุช่วงเวลาที่ตลาดมีปริมาณการซื้อขายต่ำ และรอให้ราคา ‘ทะลุ’ ระดับแนวรับ (Support) หรือแนวต้าน (Resistance) ที่สำคัญ โดยเชื่อว่าการทะลุในสภาวะปริมาณการซื้อขายต่ำมักจะเป็นสัญญาณหลอก (False Breakout) ที่สามารถใช้ทำกำไรได้หากเข้าเทรดในทิศทางตรงกันข้าม
- หลักการพื้นฐานของ Low Volume Breakout
กลยุทธ์นี้ตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่า การทะลุแนวรับหรือแนวต้านที่แข็งแกร่งโดยมีปริมาณการซื้อขายที่ต่ำนั้น มักจะไม่มีความแข็งแรงเพียงพอที่จะรักษาระดับราคาใหม่ได้ การทะลุที่เกิดขึ้นจริงโดยทั่วไปมักจะมาพร้อมกับการเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขายที่ชัดเจน ซึ่งเป็นการยืนยันถึงแรงซื้อหรือแรงขายที่แท้จริง
การซื้อขายโดยใช้กลยุทธ์นี้จึงเน้นไปที่การจับจังหวะการ ‘False Breakout’ เหล่านี้ และเข้าเทรดในทิศทางตรงกันข้าม เพื่อหวังผลกำไรจากการกลับตัวของราคา
- ทำไมปริมาณการซื้อขายจึงสำคัญ?
ปริมาณการซื้อขาย (Trading Volume) เป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญอย่างยิ่งในการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) เนื่องจากแสดงถึงจำนวนหุ้นหรือสัญญาที่ซื้อขายในช่วงเวลาหนึ่ง ปริมาณการซื้อขายที่สูงบ่งบอกถึงความสนใจและความมีส่วนร่วมของตลาดในระดับสูง ในขณะที่ปริมาณการซื้อขายที่ต่ำบ่งบอกถึงความไม่แน่นอนและความสนใจที่น้อย
เมื่อราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้านในขณะที่ปริมาณการซื้อขายต่ำ นั่นหมายความว่าการเคลื่อนไหวของราคานั้นอาจไม่ได้เกิดจากแรงซื้อขายที่แท้จริง แต่เป็นเพียงการเคลื่อนไหวที่เกิดจากผู้เล่นรายเล็กๆ หรือการปั่นราคา ซึ่งมักจะตามมาด้วยการกลับตัวของราคา
- ขั้นตอนการใช้งานกลยุทธ์ Low Volume Breakout
1. **ระบุแนวรับและแนวต้าน:** ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่น เส้นแนวโน้ม (Trendlines), ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages), ระดับ Fibonacci (Fibonacci Levels) หรือ จุดสูงสุดและต่ำสุดก่อนหน้า (Previous Highs and Lows) เพื่อระบุแนวรับและแนวต้านที่สำคัญบนกราฟราคา 2. **ตรวจสอบปริมาณการซื้อขาย:** สังเกตปริมาณการซื้อขายในบริเวณใกล้เคียงกับแนวรับและแนวต้าน หากปริมาณการซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปกติ แสดงว่าสภาวะตลาดอยู่ในช่วง Low Volume 3. **รอการทะลุ:** รอให้ราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้านที่ระบุไว้ 4. **ยืนยัน False Breakout:** หลังจากราคาทะลุ ให้ตรวจสอบว่าปริมาณการซื้อขายยังคงต่ำอยู่หรือไม่ หากปริมาณการซื้อขายยังต่ำ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าการทะลุนั้นเป็น False Breakout 5. **เข้าเทรด:** หากยืนยันว่าเป็น False Breakout ให้เข้าเทรดในทิศทางตรงกันข้ามกับการทะลุ หากราคาทะลุแนวรับ ให้เข้าเทรด Call Option (ซื้อ) และหากราคาทะลุแนวต้าน ให้เข้าเทรด Put Option (ขาย) 6. **ตั้งจุด Stop Loss:** ตั้งจุด Stop Loss เพื่อจำกัดความเสี่ยง หากราคาเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ 7. **กำหนดเป้าหมายกำไร:** กำหนดเป้าหมายกำไรที่เหมาะสมตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
- ตัวอย่างการใช้งานกลยุทธ์ Low Volume Breakout
สมมติว่าคุณกำลังวิเคราะห์กราฟราคาของสินทรัพย์ XYZ และพบว่าราคากำลังเคลื่อนที่อยู่ในช่วง Sideways (แกว่งตัว) โดยมีแนวรับอยู่ที่ 1.2000 และแนวต้านอยู่ที่ 1.2200 คุณสังเกตเห็นว่าปริมาณการซื้อขายในช่วงหลายชั่วโมงที่ผ่านมาต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปกติ
จากนั้น ราคาได้ทะลุแนวต้านที่ 1.2200 แต่คุณสังเกตว่าปริมาณการซื้อขายยังคงต่ำอยู่ นั่นหมายความว่าการทะลุนั้นอาจเป็น False Breakout คุณจึงตัดสินใจเข้าเทรด Put Option (ขาย) โดยคาดหวังว่าราคาจะกลับตัวลงมา
คุณตั้งจุด Stop Loss ไว้ที่ 1.2250 เพื่อจำกัดความเสี่ยง และกำหนดเป้าหมายกำไรไว้ที่ 1.2100 หากราคาลดลงถึง 1.2100 คุณจะทำกำไรได้
- เครื่องมือและตัวบ่งชี้ที่ใช้ร่วมกับกลยุทธ์นี้
- **Volume Indicators:** ตัวบ่งชี้ปริมาณการซื้อขาย เช่น On Balance Volume (OBV), Accumulation/Distribution Line และ Volume Price Trend (VPT) สามารถช่วยยืนยันความแข็งแกร่งของการทะลุได้
- **Moving Averages:** ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) สามารถช่วยระบุแนวโน้ม (Trend) และช่วยในการยืนยันแนวรับและแนวต้าน
- **Relative Strength Index (RSI):** RSI สามารถช่วยระบุสภาวะ Overbought (ซื้อมากเกินไป) หรือ Oversold (ขายมากเกินไป) ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวของราคา
- **Bollinger Bands:** Bollinger Bands สามารถช่วยระบุช่วงราคาที่ผันผวน และช่วยในการระบุจุดทะลุที่อาจเป็น False Breakout
- **Fibonacci Retracement:** Fibonacci Retracement สามารถช่วยระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ
- ข้อดีและข้อเสียของกลยุทธ์ Low Volume Breakout
- ข้อดี:**
- **อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนสูง:** กลยุทธ์นี้สามารถให้ผลตอบแทนที่สูงเมื่อเทียบกับความเสี่ยง
- **สามารถใช้ได้กับหลายสินทรัพย์:** กลยุทธ์นี้สามารถใช้ได้กับสินทรัพย์หลากหลายประเภท เช่น สกุลเงิน, หุ้น, สินค้าโภคภัณฑ์
- **ง่ายต่อการเรียนรู้:** กลยุทธ์นี้ค่อนข้างง่ายต่อการเรียนรู้และใช้งาน
- ข้อเสีย:**
- **สัญญาณ False Breakout อาจเกิดขึ้นบ่อย:** บางครั้งการทะลุที่ดูเหมือนจะเป็น False Breakout อาจกลายเป็นจริงได้
- **ต้องใช้ความอดทน:** การรอการทะลุที่เหมาะสมอาจต้องใช้ความอดทนอย่างมาก
- **ต้องมีการจัดการความเสี่ยงที่ดี:** การจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการใช้งานกลยุทธ์นี้
- กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง
- Breakout Strategy: กลยุทธ์การซื้อขายที่เน้นการเข้าเทรดเมื่อราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้าน
- Reversal Strategy: กลยุทธ์การซื้อขายที่เน้นการเข้าเทรดเมื่อราคาเกิดการกลับตัว
- Range Trading: กลยุทธ์การซื้อขายที่เน้นการซื้อขายในช่วง Sideways
- Scalping: กลยุทธ์การซื้อขายระยะสั้นที่เน้นการทำกำไรจากความผันผวนของราคาเล็กน้อย
- Day Trading: กลยุทธ์การซื้อขายที่เน้นการเปิดและปิดสถานะภายในวันเดียวกัน
- Swing Trading: กลยุทธ์การซื้อขายที่เน้นการถือสถานะเป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์
- Trend Following: กลยุทธ์การซื้อขายที่เน้นการเข้าเทรดตามแนวโน้ม
- Momentum Trading: กลยุทธ์การซื้อขายที่เน้นการเข้าเทรดเมื่อราคาเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว
- Mean Reversion: กลยุทธ์การซื้อขายที่เน้นการเข้าเทรดเมื่อราคาเบี่ยงเบนไปจากค่าเฉลี่ย
- Support and Resistance Breakout
- Pin Bar Reversal
- Engulfing Pattern
- Head and Shoulders
- Double Top/Bottom
- Triple Top/Bottom
- การจัดการความเสี่ยง
การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้กลยุทธ์ Low Volume Breakout
- **กำหนดขนาด Position ที่เหมาะสม:** ไม่ควรเสี่ยงเกิน 2-5% ของเงินทุนทั้งหมดในแต่ละการเทรด
- **ตั้งจุด Stop Loss:** ตั้งจุด Stop Loss เพื่อจำกัดความเสี่ยง หากราคาเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้
- **ใช้ Risk/Reward Ratio ที่เหมาะสม:** พยายามเลือกการเทรดที่มี Risk/Reward Ratio อย่างน้อย 1:2 หรือมากกว่า
- **หลีกเลี่ยงการ Overtrade:** ไม่ควรเปิดสถานะมากเกินไปในเวลาเดียวกัน
- **ใช้บัญชี Demo:** ฝึกฝนการใช้กลยุทธ์นี้ด้วยบัญชี Demo ก่อนที่จะเริ่มซื้อขายด้วยเงินจริง
- สรุป
กลยุทธ์ Low Volume Breakout เป็นกลยุทธ์ที่มีศักยภาพในการทำกำไรในตลาดไบนารี่ออปชั่น แต่ต้องใช้ความเข้าใจในหลักการพื้นฐาน การวิเคราะห์ทางเทคนิค และการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม การฝึกฝนและการทดสอบกลยุทธ์นี้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการซื้อขายของคุณ
| สินทรัพย์ | ดัชนี S&P 500 |
|---|---|
| กรอบเวลา | 15 นาที |
| แนวรับ | 4500 |
| แนวต้าน | 4520 |
| ตัวบ่งชี้ปริมาณการซื้อขาย | On Balance Volume (OBV) |
| เกณฑ์ปริมาณการซื้อขายต่ำ | ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 20 วัน |
| ประเภทออปชั่น | Put Option (หากทะลุแนวต้าน) |
| จุด Stop Loss | 4525 |
| เป้าหมายกำไร | 4510 |
การวิเคราะห์ทางเทคนิค การวิเคราะห์พื้นฐาน การจัดการเงินทุน จิตวิทยาการเทรด ไบนารี่ออปชั่น ตลาดการเงิน การลงทุน การซื้อขาย การวิเคราะห์กราฟราคา การคาดการณ์ราคา การบริหารความเสี่ยง เครื่องมือการซื้อขาย กลยุทธ์การซื้อขายระยะสั้น กลยุทธ์การซื้อขายระยะยาว (Category:Trading Strategies)
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น
