Long Term Chart

Long Term Chart

บทนำ

ในโลกของการเทรด ไบนารี่ออปชั่น การวิเคราะห์กราฟเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล และเพิ่มโอกาสในการทำกำไร หนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญในการวิเคราะห์กราฟคือการใช้ Long Term Chart หรือกราฟระยะยาว ซึ่งจะช่วยให้เทรดเดอร์มองเห็นภาพรวมของแนวโน้มราคาในระยะยาว และระบุโอกาสในการเทรดที่อาจเกิดขึ้นได้ บทความนี้จะอธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับ Long Term Chart สำหรับผู้เริ่มต้น รวมถึงประโยชน์ วิธีการใช้งาน และกลยุทธ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

Long Term Chart คืออะไร?

Long Term Chart คือกราฟที่แสดงข้อมูลราคาของสินทรัพย์ในช่วงระยะเวลาที่ยาวนาน เช่น สัปดาห์ เดือน หรือปี กราฟเหล่านี้มักถูกใช้โดยเทรดเดอร์ที่ต้องการวิเคราะห์แนวโน้มระยะยาวของราคา และระบุระดับแนวรับแนวต้านที่สำคัญ ซึ่งแตกต่างจาก Short Term Chart ที่เน้นการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้น

ทำไมต้องใช้ Long Term Chart?

การใช้ Long Term Chart มีประโยชน์หลายประการสำหรับเทรดเดอร์ไบนารี่ออปชั่น ได้แก่:

ระบุแนวโน้มระยะยาว: ช่วยให้เทรดเดอร์มองเห็นแนวโน้มหลักของราคา ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) แนวโน้มขาลง (Downtrend) หรือแนวโน้ม Sideways (Ranging) การระบุแนวโน้มที่ถูกต้องเป็นพื้นฐานสำคัญในการตัดสินใจเทรด
ระบุระดับแนวรับแนวต้านที่สำคัญ: กราฟระยะยาวจะแสดงระดับราคาที่เคยเป็นแนวรับหรือแนวต้านในอดีต ซึ่งอาจกลายเป็นแนวรับแนวต้านที่สำคัญในอนาคต
วางแผนการเทรด: ช่วยให้เทรดเดอร์วางแผนการเทรดในระยะยาว และกำหนดเป้าหมายกำไรที่สมเหตุสมผล
ลดความเสี่ยง: การวิเคราะห์กราฟระยะยาวช่วยลดความเสี่ยงในการเทรด โดยการหลีกเลี่ยงการเทรดสวนแนวโน้มหลัก
ยืนยันสัญญาณ: สามารถใช้กราฟระยะยาวเพื่อยืนยันสัญญาณที่ได้จากการวิเคราะห์กราฟระยะสั้น เช่น Candlestick Patterns หรือ Technical Indicators

การเลือก Timeframe ที่เหมาะสม

การเลือก Timeframe ที่เหมาะสมสำหรับ Long Term Chart ขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดและสินทรัพย์ที่เทรด โดยทั่วไปแล้ว Timeframe ที่นิยมใช้ ได้แก่:

รายวัน (Daily): เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการวิเคราะห์แนวโน้มในระยะกลางถึงยาว และต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงของราคาในแต่ละวัน
รายสัปดาห์ (Weekly): เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการวิเคราะห์แนวโน้มในระยะยาว และต้องการลดสัญญาณรบกวนจากความผันผวนของราคาในระยะสั้น
รายเดือน (Monthly): เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการวิเคราะห์แนวโน้มในระยะยาวมาก และต้องการเห็นภาพรวมของราคาในระยะยาวอย่างชัดเจน

การอ่าน Long Term Chart

การอ่าน Long Term Chart ต้องอาศัยความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการพื้นฐานของการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) ได้แก่:

แนวโน้ม (Trend): การระบุแนวโน้มหลักของราคาว่าเป็นแนวโน้มขาขึ้น ขาลง หรือ Sideways
แนวรับแนวต้าน (Support and Resistance): การระบุระดับราคาที่เคยเป็นแนวรับหรือแนวต้านในอดีต
รูปแบบกราฟ (Chart Patterns): การระบุรูปแบบกราฟต่างๆ เช่น Head and Shoulders, Double Top, Double Bottom, Triangles ซึ่งอาจบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มราคา
เส้นแนวโน้ม (Trend Lines): การวาดเส้นแนวโน้มเพื่อยืนยันแนวโน้มของราคา และระบุจุดเข้าเทรดที่เหมาะสม
ตัวชี้วัดทางเทคนิค (Technical Indicators): การใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิคต่างๆ เช่น Moving Averages, MACD, RSI เพื่อช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มและสัญญาณการเทรด

กลยุทธ์การเทรดโดยใช้ Long Term Chart

มีกลยุทธ์การเทรดหลายรูปแบบที่สามารถใช้ร่วมกับ Long Term Chart ได้ ได้แก่:

Trend Following: เทรดตามแนวโน้มหลักของราคา โดยการเข้าซื้อเมื่อราคาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น และเข้าขายเมื่อราคาอยู่ในแนวโน้มขาลง กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเทรดในระยะยาว และต้องการกำไรที่สม่ำเสมอ
Breakout Trading: เทรดเมื่อราคา Breakout หรือทะลุผ่านระดับแนวรับแนวต้านที่สำคัญ กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการกำไรที่รวดเร็ว แต่มีความเสี่ยงสูงกว่า
Pullback Trading: เทรดเมื่อราคา Pullback หรือปรับตัวลงในแนวโน้มขาขึ้น หรือปรับตัวขึ้นในแนวโน้มขาลง กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเข้าเทรดในราคาที่ถูก และมีความเสี่ยงต่ำกว่า
Range Trading: เทรดในกรอบแนวรับแนวต้าน (Range) โดยการเข้าซื้อเมื่อราคาเข้าใกล้แนวรับ และเข้าขายเมื่อราคาเข้าใกล้แนวต้าน กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเทรดในตลาด Sideways
ใช้ร่วมกับ Fibonacci Retracement: ระบุระดับแนวรับแนวต้านที่สำคัญโดยใช้เครื่องมือ Fibonacci Retracement และใช้เป็นจุดเข้าเทรด

ตัวอย่างการวิเคราะห์ Long Term Chart

สมมติว่าเรากำลังวิเคราะห์กราฟรายสัปดาห์ของคู่สกุลเงิน EUR/USD และพบว่า:

1. ราคาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจน 2. มีระดับแนวรับที่แข็งแกร่งอยู่ที่ 1.1000 3. ราคาได้ Breakout ทะลุผ่านระดับแนวต้านที่ 1.1200

จากข้อมูลเหล่านี้ เราสามารถสรุปได้ว่า:

แนวโน้มหลักของ EUR/USD คือแนวโน้มขาขึ้น
ระดับ 1.1000 เป็นแนวรับที่สำคัญ ซึ่งอาจเป็นจุดเข้าซื้อที่ดี
การ Breakout ที่ 1.1200 เป็นสัญญาณซื้อที่แข็งแกร่ง

ดังนั้น เราอาจพิจารณาเข้าซื้อ EUR/USD เมื่อราคา Pullback กลับมาที่ระดับ 1.1000 โดยมีเป้าหมายกำไรที่ระดับแนวต้านถัดไปที่ 1.1400 และตั้งจุด Stop Loss ที่ต่ำกว่าระดับ 1.1000 เพื่อจำกัดความเสี่ยง

การรวม Long Term Chart กับ Short Term Chart

การรวม Long Term Chart กับ Short Term Chart สามารถช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจเทรดได้ โดย:

ใช้ Long Term Chart เพื่อระบุแนวโน้มหลักของราคา
ใช้ Short Term Chart เพื่อหาระดับเข้าเทรดที่แม่นยำ และยืนยันสัญญาณการเทรด

ตัวอย่างเช่น หาก Long Term Chart แสดงให้เห็นว่าราคาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น เราอาจใช้ Short Term Chart เพื่อหาระดับ Pullback ที่เหมาะสม และเข้าซื้อเมื่อราคา Pullback กลับมาที่ระดับแนวรับใน Short Term Chart

ข้อควรระวังในการใช้ Long Term Chart

สัญญาณล่าช้า: Long Term Chart อาจให้สัญญาณที่ล่าช้า เนื่องจากข้อมูลราคาในอดีตอาจไม่สามารถบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของราคาในอนาคตได้อย่างแม่นยำ
ความผันผวน: ราคาอาจมีความผันผวนในระยะสั้น ซึ่งอาจทำให้เกิดสัญญาณหลอก (False Signal) ได้
ความซับซ้อน: การวิเคราะห์ Long Term Chart อาจมีความซับซ้อน และต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการวิเคราะห์ทางเทคนิค

เครื่องมือเพิ่มเติมสำหรับการวิเคราะห์

นอกเหนือจากหลักการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่กล่าวมาแล้ว ยังมีเครื่องมืออื่นๆ ที่สามารถนำมาใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ Long Term Chart ได้ เช่น:

Volume Analysis: การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายเพื่อยืนยันแนวโน้มและสัญญาณการเทรด
Elliott Wave Theory: การวิเคราะห์รูปแบบของคลื่นราคาเพื่อคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม
Ichimoku Cloud: การใช้ Ichimoku Cloud เพื่อระบุแนวรับแนวต้าน และสัญญาณการเทรด
Pivot Points: การคำนวณ Pivot Points เพื่อระบุระดับแนวรับแนวต้านที่สำคัญ

สรุป

Long Term Chart เป็นเครื่องมือที่มีค่าสำหรับเทรดเดอร์ไบนารี่ออปชั่นที่ต้องการวิเคราะห์แนวโน้มในระยะยาว และวางแผนการเทรดอย่างมีประสิทธิภาพ การทำความเข้าใจหลักการใช้งาน และกลยุทธ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไร และลดความเสี่ยงในการเทรดได้ อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ Long Term Chart เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ดังนั้น ควรใช้ร่วมกับเครื่องมือและเทคนิคอื่นๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ตัวอย่าง Timeframe และการใช้งาน
Timeframe	การใช้งาน	เหมาะสำหรับ
รายวัน (Daily)	วิเคราะห์แนวโน้มระยะกลางถึงยาว, ดูการเปลี่ยนแปลงราคาในแต่ละวัน	เทรดเดอร์ที่ต้องการข้อมูลรายวัน
รายสัปดาห์ (Weekly)	วิเคราะห์แนวโน้มระยะยาว, ลดสัญญาณรบกวน	เทรดเดอร์ที่ต้องการภาพรวมระยะยาว
รายเดือน (Monthly)	วิเคราะห์แนวโน้มระยะยาวมาก, ดูภาพรวมระยะยาวอย่างชัดเจน	เทรดเดอร์ที่เน้นการลงทุนระยะยาว

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น