London Session Trading

London Session Trading

บทนำ

การซื้อขายในช่วง London Session เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่เทรดเดอร์ ไบนารี่ออปชั่น และ Forex เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดและมีการเคลื่อนไหวของราคาที่ชัดเจน บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการซื้อขายในช่วง London Session สำหรับผู้เริ่มต้น รวมถึงข้อดี ข้อเสีย กลยุทธ์ที่ใช้ และวิธีการวิเคราะห์ตลาดเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

London Session คืออะไร?

London Session คือช่วงเวลาที่ตลาดการเงินในลอนดอนเปิดทำการ ซึ่งโดยทั่วไปจะเริ่มตั้งแต่เวลา 8:00 น. ถึง 16:00 น. ตามเวลามาตรฐานของอังกฤษ (GMT) หรือ 15:00 น. ถึง 23:00 น. ตามเวลาประเทศไทย ช่วงเวลานี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากลอนดอนเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญของโลก และการเปิดทำการของตลาดลอนดอนจะทำให้ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ทำไมต้องเทรดในช่วง London Session?

มีหลายเหตุผลที่ทำให้การเทรดในช่วง London Session เป็นที่น่าสนใจ:

สภาพคล่องสูง: ปริมาณการซื้อขายที่สูงทำให้การซื้อขายเป็นไปได้ง่ายขึ้น และช่วยลดความเสี่ยงจาก Slippage
ความผันผวนสูง: การเคลื่อนไหวของราคามีความชัดเจน ทำให้เทรดเดอร์สามารถทำกำไรได้มากขึ้น
การเปิดตัวข่าวสำคัญ: หลายครั้งที่มีการประกาศข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญในช่วง London Session ซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างมาก
การผสมผสานกับตลาดอื่นๆ: London Session มีการทับซ้อนกับช่วงปลายของ Asian Session และช่วงต้นของ New York Session ทำให้เกิดโอกาสในการเทรดที่หลากหลาย

ช่วงเวลาสำคัญภายใน London Session

London Session สามารถแบ่งออกเป็นช่วงเวลาสำคัญได้ดังนี้:

ช่วงแรก (8:00 – 10:00 GMT): เป็นช่วงที่ตลาดเริ่มคึกคักและมักมีการเคลื่อนไหวของราคาที่รวดเร็ว เนื่องจากเทรดเดอร์เริ่มเข้ามาทำธุรกรรมหลังจากตลาดเปิดทำการ
ช่วงกลาง (10:00 – 12:00 GMT): เป็นช่วงที่ตลาดมีสภาพคล่องสูงสุด และมักมีการประกาศข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญ
ช่วงท้าย (12:00 – 16:00 GMT): เป็นช่วงที่ตลาดเริ่มสงบลง และมักมีการเคลื่อนไหวของราคาที่ช้าลง แต่ก็ยังคงมีโอกาสในการเทรดอยู่

กลยุทธ์การเทรดในช่วง London Session

มีกลยุทธ์การเทรดมากมายที่สามารถใช้ในช่วง London Session ได้ ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างบางส่วน:

Breakout Trading: กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการระบุช่วงราคาที่แคบและรอให้ราคา breakout ออกจากช่วงนั้น Breakout มักเกิดขึ้นในช่วงต้นของ London Session เมื่อตลาดเริ่มคึกคัก
Trend Following: กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการระบุแนวโน้มของราคาและเทรดตามแนวโน้มนั้น Trend มักจะเกิดขึ้นในช่วงกลางของ London Session เมื่อตลาดมีสภาพคล่องสูงสุด
Reversal Trading: กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการระบุจุดกลับตัวของราคาและเทรดสวนทางกับแนวโน้มเดิม Reversal มักเกิดขึ้นในช่วงท้ายของ London Session เมื่อตลาดเริ่มสงบลง
Scalping: กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการทำกำไรจากความผันผวนของราคาในระยะสั้นๆ Scalping เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์และสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว
News Trading: กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการเทรดตามข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญ News Trading ต้องใช้ความเข้าใจในผลกระทบของข่าวต่อตลาด
Pin Bar Strategy: การใช้ Pin Bar เพื่อระบุจุดกลับตัวของราคา
Engulfing Pattern Strategy: การใช้ Engulfing Pattern เพื่อยืนยันแนวโน้มใหม่
Fibonacci Retracement Strategy: การใช้ Fibonacci Retracement เพื่อหาจุดเข้าซื้อหรือขาย
Moving Average Crossover Strategy: การใช้ Moving Average เพื่อระบุสัญญาณซื้อขาย
Bollinger Bands Strategy: การใช้ Bollinger Bands เพื่อวัดความผันผวนของราคา
Inside Bar Strategy: การใช้ Inside Bar เพื่อระบุช่วงพักตัวของราคา
Three White Soldiers/Black Crows Strategy: การใช้รูปแบบแท่งเทียนเพื่อยืนยันแนวโน้ม
Harmonic Patterns: การใช้รูปแบบ Harmonic Patterns เช่น Butterfly, Crab, Bat เพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคา
Support and Resistance Strategy: การใช้ Support and Resistance เพื่อหาจุดเข้าซื้อหรือขาย
Price Action Trading: การวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาโดยไม่ใช้ตัวชี้วัดเพิ่มเติม Price Action

การวิเคราะห์ตลาดในช่วง London Session

การวิเคราะห์ตลาดเป็นสิ่งสำคัญในการเทรดในช่วง London Session เทรดเดอร์สามารถใช้เครื่องมือและเทคนิคต่างๆ เพื่อวิเคราะห์ตลาดได้ดังนี้:

การวิเคราะห์ทางเทคนิค: การใช้ Chart Patterns, Technical Indicators และ Candlestick Patterns เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของราคา
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน: การวิเคราะห์ข่าวเศรษฐกิจและปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาด Fundamental Analysis
การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย: การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายเพื่อยืนยันแนวโน้มของราคา Volume Analysis
Sentiment Analysis: การวัดความเชื่อมั่นของตลาดเพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคา Sentiment
Pivot Points: การใช้ Pivot Points เพื่อหาแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ

การจัดการความเสี่ยงในการเทรด London Session

การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญในการเทรดในช่วง London Session เนื่องจากความผันผวนของราคาสูง เทรดเดอร์ควร:

กำหนดขนาด Position ที่เหมาะสม: ไม่ควรเสี่ยงเกิน 1-2% ของเงินทุนทั้งหมดในแต่ละการเทรด
ใช้ Stop Loss: ตั้งค่า Stop Loss เพื่อจำกัดความเสี่ยงในกรณีที่ราคาเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ไม่คาดคิด
ใช้ Take Profit: ตั้งค่า Take Profit เพื่อล็อคกำไรเมื่อราคาถึงเป้าหมาย
หลีกเลี่ยงการ Over Trading: ไม่ควรเทรดมากเกินไป และควรเลือกเทรดเฉพาะคู่เงินที่คุณมีความเข้าใจ
ติดตามข่าวสาร: ติดตามข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญและผลกระทบต่อตลาด

ข้อดีและข้อเสียของการเทรดในช่วง London Session

| ข้อดี | ข้อเสีย | | ---------------------------------------- | ----------------------------------------- | | สภาพคล่องสูง | ความผันผวนสูง | | โอกาสในการทำกำไรสูง | ความเสี่ยงสูง | | การประกาศข่าวสำคัญ | อาจมีการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มอย่างรวดเร็ว | | การผสมผสานกับตลาดอื่นๆ | ต้องใช้ความรู้และประสบการณ์ |

สรุป

การเทรดในช่วง London Session สามารถเป็นโอกาสที่ดีในการทำกำไรสำหรับเทรดเดอร์ ไบนารี่ออปชั่น และ Forex แต่ต้องใช้ความรู้ ความเข้าใจ และการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม เทรดเดอร์ควรศึกษาและทำความเข้าใจกลยุทธ์การเทรดต่างๆ และใช้เครื่องมือวิเคราะห์ตลาดเพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ

Binary Options Trading Forex Market Technical Analysis Fundamental Analysis Risk Management Trading Psychology Volatility Liquidity Market Sentiment Economic Calendar Trading Platform MetaTrader 4 Trading Strategies Candlestick Charts Chart Patterns

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น