Investopedia - Forex Trading
- Investopedia - Forex Trading: คู่มือฉบับเริ่มต้นสำหรับนักลงทุน
Forex หรือ Foreign Exchange คือตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องมากที่สุดในโลก โดยมีการซื้อขายสกุลเงินต่างๆ อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ Investopedia เป็นแหล่งข้อมูลที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับ Forex Trading บทความนี้จะสรุปและอธิบายเนื้อหาสำคัญจาก Investopedia เกี่ยวกับ Forex Trading สำหรับผู้เริ่มต้น รวมถึงแนวคิดพื้นฐาน กลไกการทำงาน ปัจจัยที่มีผลกระทบ และกลยุทธ์การซื้อขายเบื้องต้น
ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ Forex
- Forex คืออะไร?** Forex ย่อมาจาก Foreign Exchange หมายถึงการแลกเปลี่ยนสกุลเงินหนึ่งไปเป็นอีกสกุลเงินหนึ่ง การซื้อขาย Forex เกี่ยวข้องกับการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินต่างๆ ตัวอย่างเช่น หากคุณเชื่อว่าค่าเงินยูโร (EUR) จะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) คุณสามารถซื้อ EUR/USD ซึ่งหมายถึงการซื้อเงินยูโรและขายเงินดอลลาร์สหรัฐ
- สกุลเงินหลักและคู่สกุลเงิน:** สกุลเงินหลักที่ใช้ในการซื้อขาย Forex ได้แก่ USD, EUR, JPY, GBP, AUD, CAD, CHF และ NZD คู่สกุลเงิน (Currency Pair) คือการจับคู่สกุลเงินสองสกุล เช่น EUR/USD, GBP/JPY, AUD/USD เป็นต้น คู่สกุลเงินจะแสดงราคาในรูปแบบของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งบอกว่าต้องใช้สกุลเงินหนึ่งเท่าไหร่ในการแลกเป็นอีกสกุลเงินหนึ่ง
- Pip และ Leverage:** Pip (Percentage in Point) คือหน่วยวัดการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนที่เล็กที่สุด โดยทั่วไปแล้ว Pip จะเท่ากับ 0.0001 สำหรับคู่สกุลเงินส่วนใหญ่ Leverage คือการยืมเงินจากโบรกเกอร์เพื่อให้สามารถควบคุมตำแหน่งการซื้อขายที่ใหญ่ขึ้นได้ Leverage สามารถเพิ่มทั้งกำไรและขาดทุนได้ ดังนั้นจึงต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง การทำความเข้าใจ Leverage และ Pip เป็นสิ่งสำคัญในการคำนวณความเสี่ยงและผลตอบแทน
- ประเภทของตลาด Forex:** ตลาด Forex แบ่งออกเป็นตลาด Spot, Forward และ Futures
- **Spot Market:** เป็นตลาดที่แลกเปลี่ยนสกุลเงินแบบทันที (ภายในสองวันทำการ)
- **Forward Market:** เป็นตลาดที่ทำสัญญาแลกเปลี่ยนสกุลเงินในอนาคต
- **Futures Market:** เป็นตลาดที่ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของสกุลเงิน
กลไกการทำงานของ Forex Trading
- การซื้อขายแบบ Over-the-Counter (OTC):** การซื้อขาย Forex ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในตลาด OTC ซึ่งหมายความว่าไม่มีตลาดกลางในการซื้อขาย การซื้อขายจะเกิดขึ้นโดยตรงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายผ่านเครือข่ายของธนาคารและสถาบันการเงิน
- โบรกเกอร์ Forex:** นักลงทุนรายย่อยส่วนใหญ่เข้าถึงตลาด Forex ผ่านโบรกเกอร์ Forex โบรกเกอร์ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างนักลงทุนและตลาด Forex และให้บริการแพลตฟอร์มการซื้อขาย เครื่องมือวิเคราะห์ และการสนับสนุนลูกค้า การเลือก โบรกเกอร์ Forex ที่น่าเชื่อถือและมีใบอนุญาตเป็นสิ่งสำคัญ
- คำสั่งซื้อขาย:** มีคำสั่งซื้อขายหลายประเภทที่ใช้ในการซื้อขาย Forex ได้แก่
- **Market Order:** คำสั่งซื้อขายที่ดำเนินการทันทีในราคาตลาดปัจจุบัน
- **Limit Order:** คำสั่งซื้อขายที่ดำเนินการเมื่อราคาถึงระดับที่กำหนด
- **Stop Order:** คำสั่งซื้อขายที่ดำเนินการเมื่อราคาถึงระดับที่กำหนดเพื่อจำกัดความเสี่ยง
- การเปิดและปิดตำแหน่ง:** การเปิดตำแหน่ง (Opening a Position) หมายถึงการซื้อหรือขายคู่สกุลเงิน การปิดตำแหน่ง (Closing a Position) หมายถึงการทำธุรกรรมตรงข้ามเพื่อทำกำไรหรือจำกัดความเสี่ยง
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน
อัตราแลกเปลี่ยนได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่
- **ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ:** เช่น อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย และอัตราการว่างงาน
- **นโยบายการเงิน:** การตัดสินใจของธนาคารกลางเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยและปริมาณเงิน
- **เหตุการณ์ทางการเมือง:** เช่น การเลือกตั้ง การเปลี่ยนแปลงรัฐบาล และความขัดแย้งระหว่างประเทศ
- **ความเชื่อมั่นของตลาด:** ความรู้สึกของนักลงทุนเกี่ยวกับทิศทางของเศรษฐกิจและตลาด
- **อุปสงค์และอุปทาน:** แรงกดดันของอุปสงค์และอุปทานของสกุลเงินแต่ละสกุล
การติดตาม ข่าวสารเศรษฐกิจ และ เหตุการณ์ทางการเมือง เป็นสิ่งสำคัญในการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน
กลยุทธ์การซื้อขาย Forex เบื้องต้น
มีกลยุทธ์การซื้อขาย Forex มากมายที่นักลงทุนสามารถใช้ได้ กลยุทธ์บางส่วนที่นิยมใช้ ได้แก่
- **Trend Following:** การซื้อขายตามแนวโน้มของราคา
- **Breakout Trading:** การซื้อขายเมื่อราคาทะลุระดับแนวรับหรือแนวต้าน
- **Range Trading:** การซื้อขายเมื่อราคาเคลื่อนที่อยู่ในช่วงแคบๆ
- **Scalping:** การทำกำไรจากความผันผวนเล็กน้อยของราคา
- **Day Trading:** การเปิดและปิดตำแหน่งภายในวันเดียวกัน
- **Swing Trading:** การถือตำแหน่งเป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์
การเลือก กลยุทธ์การซื้อขาย ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับสไตล์การซื้อขาย ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และเป้าหมายทางการเงินของนักลงทุน
การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์พื้นฐาน
- การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis):** เป็นการวิเคราะห์ราคาและปริมาณการซื้อขายในอดีตเพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต เครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค ได้แก่
- **Chart Patterns:** รูปแบบราคาที่เกิดขึ้นบนกราฟ เช่น Head and Shoulders, Double Top, Double Bottom
- **Technical Indicators:** ตัวชี้วัดทางเทคนิคที่คำนวณจากราคาและปริมาณการซื้อขาย เช่น Moving Averages, RSI, MACD, Fibonacci Retracements
- **Support and Resistance Levels:** ระดับราคาที่แนวโน้มที่จะหยุดหรือกลับตัว
การเรียนรู้ การวิเคราะห์ทางเทคนิค และการใช้เครื่องมือที่เหมาะสมสามารถช่วยในการระบุโอกาสในการซื้อขาย
- การวิเคราะห์พื้นฐาน (Fundamental Analysis):** เป็นการวิเคราะห์ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจและปัจจัยทางการเมืองเพื่อประเมินมูลค่าที่แท้จริงของสกุลเงิน การวิเคราะห์พื้นฐานสามารถช่วยในการระบุสกุลเงินที่ถูกประเมินค่าต่ำหรือสูงเกินไป
การบริหารความเสี่ยงใน Forex Trading
การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญในการซื้อขาย Forex เนื่องจากตลาด Forex มีความผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง
- **Stop-Loss Orders:** การตั้งคำสั่ง Stop-Loss เพื่อจำกัดความเสี่ยงหากราคาเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ไม่คาดคิด
- **Position Sizing:** การกำหนดขนาดของตำแหน่งการซื้อขายที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
- **Risk-Reward Ratio:** การคำนวณอัตราส่วนระหว่างผลตอบแทนที่คาดหวังและความเสี่ยงที่ยอมรับได้
- **Diversification:** การกระจายความเสี่ยงโดยการซื้อขายหลายคู่สกุลเงิน
การใช้ การบริหารความเสี่ยง อย่างเหมาะสมสามารถช่วยปกป้องเงินทุนและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
ไบนารี่ออปชั่นและความสัมพันธ์กับ Forex
ไบนารี่ออปชั่น เป็นเครื่องมือทางการเงินที่อนุญาตให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์ (เช่น สกุลเงิน) จะสูงขึ้นหรือต่ำลงภายในระยะเวลาที่กำหนด แม้ว่าไบนารี่ออปชั่นจะมีความเรียบง่าย แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน และควรใช้ด้วยความระมัดระวัง ความเข้าใจในตลาด Forex สามารถช่วยในการตัดสินใจในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่นได้
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
สรุป
Forex Trading เป็นตลาดที่มีโอกาสในการทำกำไรสูง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน การศึกษาความรู้พื้นฐาน กลไกการทำงาน ปัจจัยที่มีผลกระทบ และกลยุทธ์การซื้อขายเป็นสิ่งสำคัญในการประสบความสำเร็จในตลาด Forex การบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสมและการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ที่เหมาะสมสามารถช่วยปกป้องเงินทุนและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
| กลยุทธ์ | คำอธิบาย |
|---|---|
| Trend Following | ซื้อเมื่อแนวโน้มเป็นขาขึ้น และขายเมื่อแนวโน้มเป็นขาลง |
| Breakout Trading | ซื้อเมื่อราคาทะลุระดับแนวต้าน และขายเมื่อราคาทะลุระดับแนวรับ |
| Range Trading | ซื้อเมื่อราคาแตะระดับแนวรับ และขายเมื่อราคาแตะระดับแนวต้าน |
| Scalping | ทำกำไรจากความผันผวนเล็กน้อยของราคา |
| Day Trading | เปิดและปิดตำแหน่งภายในวันเดียวกัน |
| Swing Trading | ถือตำแหน่งเป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ |
| Fibonacci Retracement | ใช้ระดับ Fibonacci เพื่อระบุระดับแนวรับและแนวต้าน |
| Moving Average Crossover | ใช้การตัดกันของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เพื่อระบุสัญญาณซื้อขาย |
| RSI Divergence | ใช้ความแตกต่างระหว่างราคาและ RSI เพื่อระบุสัญญาณกลับตัว |
| MACD Histogram | ใช้ MACD histogram เพื่อระบุความแข็งแกร่งของแนวโน้ม |
| Elliot Wave Theory | วิเคราะห์รูปแบบคลื่น Elliot เพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคา |
| Ichimoku Cloud | ใช้ Ichimoku Cloud เพื่อระบุแนวโน้ม ระดับแนวรับและแนวต้าน และสัญญาณซื้อขาย |
| Harmonic Patterns | ใช้รูปแบบ Harmonic เช่น Butterfly, Gartley, Crab เพื่อระบุโอกาสในการซื้อขาย |
| Price Action Trading | วิเคราะห์รูปแบบราคาโดยตรงเพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคา |
| News Trading | ซื้อขายตามข่าวสารเศรษฐกิจและเหตุการณ์ทางการเมือง |
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น
