Forex Trading Strategies with Breakout Trading

1. Forex Trading Strategies with Breakout Trading

บทนำ

การซื้อขาย Forex หรือตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องมากที่สุดในโลก ดึงดูดนักลงทุนจากทั่วทุกมุมโลกที่ต้องการเก็งกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ กลยุทธ์การซื้อขายที่หลากหลายถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์จากความผันผวนของตลาด หนึ่งในกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพคือ Breakout Trading หรือการซื้อขายเมื่อราคาหลุดออกจากกรอบ

บทความนี้จะนำเสนอภาพรวมที่ครอบคลุมเกี่ยวกับกลยุทธ์การซื้อขาย Breakout ในตลาด Forex สำหรับผู้เริ่มต้น โดยครอบคลุมถึงหลักการพื้นฐาน ประเภทของการ Breakout การระบุรูปแบบ Breakout การใช้เครื่องมือทางเทคนิค และการจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้เริ่มต้นสามารถเข้าใจและนำไปประยุกต์ใช้ในการซื้อขายจริงได้อย่างมั่นใจ

หลักการพื้นฐานของการซื้อขาย Breakout

การซื้อขาย Breakout คือกลยุทธ์ที่อาศัยการเคลื่อนไหวของราคาที่ทะลุผ่านระดับแนวรับ (Support) หรือแนวต้าน (Resistance) ที่สำคัญ แนวรับคือระดับราคาที่คาดว่าจะมีการซื้อเข้ามาเพื่อป้องกันไม่ให้ราคาลดลงต่ำกว่านั้น ในขณะที่แนวต้านคือระดับราคาที่คาดว่าจะมีการขายออกมาเพื่อป้องกันไม่ให้ราคาเพิ่มสูงขึ้น

แนวคิดเบื้องหลังการซื้อขาย Breakout คือ เมื่อราคาหลุดผ่านแนวรับหรือแนวต้านที่แข็งแกร่ง จะบ่งบอกถึงแรงซื้อหรือแรงขายที่แข็งแกร่ง ซึ่งอาจนำไปสู่การเคลื่อนไหวของราคาในทิศทางนั้นอย่างต่อเนื่อง นักเทรดจึงเข้าซื้อเมื่อราคา Breakout เหนือแนวต้าน (Long position) หรือขายเมื่อราคา Breakout ใต้แนวรับ (Short position)

ประเภทของการ Breakout

การ Breakout สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท ขึ้นอยู่กับลักษณะของการเคลื่อนไหวของราคาและรูปแบบที่เกิดขึ้น:

**Breakout ที่แท้จริง (Genuine Breakout):** เกิดขึ้นเมื่อราคาหลุดผ่านแนวรับหรือแนวต้านด้วยปริมาณการซื้อขายที่สูง ซึ่งบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของการเคลื่อนไหวและโอกาสในการทำกำไรที่สูง
**Breakout ปลอม (False Breakout):** เกิดขึ้นเมื่อราคาหลุดผ่านแนวรับหรือแนวต้านเพียงเล็กน้อย แต่ไม่สามารถรักษาการเคลื่อนไหวไว้นานนัก และมักจะกลับเข้าสู่ช่วงราคาเดิม การ Breakout ปลอมอาจเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น การปั่นราคา หรือข่าวที่ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์
**Breakout ที่ต่อเนื่อง (Continuation Breakout):** เกิดขึ้นในช่วงที่มีแนวโน้มราคาที่ชัดเจน (Uptrend หรือ Downtrend) และเป็นการยืนยันแนวโน้มนั้นให้แข็งแกร่งขึ้น
**Breakout ที่กลับทิศทาง (Reversal Breakout):** เกิดขึ้นเมื่อราคา Breakout จากช่วงราคา Sideways หรือ Consolidation และบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มราคา

การระบุรูปแบบ Breakout

การระบุรูปแบบ Breakout ที่น่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มโอกาสในการทำกำไร นักเทรดสามารถใช้เครื่องมือและเทคนิคต่างๆ เพื่อช่วยในการระบุรูปแบบ Breakout ได้แก่:

**การวาดแนวรับและแนวต้าน:** การวาดแนวรับและแนวต้านที่ชัดเจนและแม่นยำเป็นขั้นตอนแรกในการระบุรูปแบบ Breakout โดยการพิจารณาจากจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของราคาในอดีต
**การวิเคราะห์รูปแบบกราฟ (Chart Patterns):** รูปแบบกราฟ เช่น Head and Shoulders, Double Top, Double Bottom, Triangles, และ Flags สามารถบ่งบอกถึงโอกาสในการเกิด Breakout ได้
**การสังเกตการเปลี่ยนแปลงของปริมาณการซื้อขาย (Volume):** การ Breakout ที่แท้จริงมักจะมาพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูงขึ้น ซึ่งบ่งบอกถึงความสนใจและความแข็งแกร่งของการเคลื่อนไหว
**การใช้เครื่องมือ Indicator:** เครื่องมือ Indicator เช่น Moving Averages, MACD, RSI, และ Bollinger Bands สามารถช่วยยืนยันสัญญาณ Breakout และกรองสัญญาณลวงได้

เครื่องมือทางเทคนิคสำหรับการซื้อขาย Breakout

นอกเหนือจากเครื่องมือที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว นักเทรดสามารถใช้เครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการซื้อขาย Breakout ได้แก่:

**Fibonacci Retracement:** ใช้เพื่อระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่อาจเกิดขึ้นจากการ Breakout
**Pivot Points:** ใช้เพื่อระบุระดับแนวรับและแนวต้านรายวัน/รายสัปดาห์
**Trendlines:** ใช้เพื่อระบุทิศทางของแนวโน้มราคาและจุด Breakout ที่อาจเกิดขึ้น
**Support and Resistance Levels:** การระบุแนวรับและแนวต้านที่แข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจเข้าซื้อขาย

กลยุทธ์การซื้อขาย Breakout ที่ได้รับความนิยม

มีกลยุทธ์การซื้อขาย Breakout ที่หลากหลาย ซึ่งนักเทรดสามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสไตล์การซื้อขายและความเสี่ยงที่รับได้:

**Simple Breakout:** เข้าซื้อขายเมื่อราคา Breakout เหนือแนวต้านหรือใต้แนวรับ โดยไม่มีการใช้ Indicator หรือเครื่องมืออื่นๆ เพิ่มเติม
**Breakout with Confirmation:** รอการยืนยันสัญญาณ Breakout จาก Indicator หรือรูปแบบกราฟ ก่อนที่จะเข้าซื้อขาย
**False Breakout Reversal:** จับสัญญาณ False Breakout และเข้าซื้อขายในทิศทางตรงกันข้ามกับ Breakout ที่ลวง
**Breakout with Volume Confirmation:** เน้นการ Breakout ที่มาพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูง เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณ
**Breakout from Consolidation:** มองหาช่วงราคา Sideways หรือ Consolidation และรอการ Breakout เพื่อเข้าซื้อขายตามแนวโน้มใหม่

การจัดการความเสี่ยงในการซื้อขาย Breakout

การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการซื้อขาย Breakout เนื่องจากมีโอกาสที่จะเกิด False Breakout ได้ตลอดเวลา นักเทรดควรปฏิบัติตามหลักการจัดการความเสี่ยงดังนี้:

**กำหนด Stop-Loss:** ตั้ง Stop-Loss ในระดับที่เหมาะสมเพื่อจำกัดความเสี่ยงหากราคาเคลื่อนไหวไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ โดยทั่วไป Stop-Loss จะถูกตั้งไว้ใต้แนวรับ (สำหรับ Long position) หรือเหนือแนวต้าน (สำหรับ Short position)
**กำหนด Take-Profit:** ตั้ง Take-Profit ในระดับที่เหมาะสมเพื่อล็อคผลกำไรเมื่อราคาถึงเป้าหมาย
**ใช้ Position Sizing:** กำหนดขนาด Position ที่เหมาะสมกับเงินทุนและความเสี่ยงที่รับได้
**Diversification:** กระจายความเสี่ยงโดยการซื้อขายหลายคู่เงินหรือหลายสินทรัพย์
**Risk-Reward Ratio:** เลือกการซื้อขายที่มี Risk-Reward Ratio ที่เหมาะสม (เช่น 1:2 หรือ 1:3)

ตัวอย่างการซื้อขาย Breakout

สมมติว่าคุณกำลังวิเคราะห์กราฟราคา EUR/USD และพบว่าราคาได้เคลื่อนที่อยู่ในช่วง Sideways ระหว่าง 1.1000 ถึง 1.1050 เป็นเวลานาน คุณสังเกตเห็นว่าราคาเริ่มมีการ Breakout เหนือระดับ 1.1050 พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูงขึ้น

คุณตัดสินใจเข้าซื้อ (Long position) ที่ราคา 1.1055 และตั้ง Stop-Loss ไว้ที่ 1.1040 (ใต้แนวรับที่ Breakout) และตั้ง Take-Profit ไว้ที่ 1.1100 (คำนวณจาก Risk-Reward Ratio 1:2)

หากราคาเคลื่อนไหวตามที่คาดการณ์และขึ้นไปถึง 1.1100 คุณจะสามารถล็อคผลกำไรได้ อย่างไรก็ตาม หากราคาลดลงต่ำกว่า 1.1040 Stop-Loss จะถูกเรียกใช้เพื่อจำกัดความเสี่ยง

การซื้อขาย Breakout ใน Binary Options

กลยุทธ์ Breakout สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการซื้อขาย Binary Options ได้เช่นกัน โดยการเลือก Call option เมื่อคาดว่าราคาจะ Breakout เหนือแนวต้าน และเลือก Put option เมื่อคาดว่าราคาจะ Breakout ใต้แนวรับ

อย่างไรก็ตาม การซื้อขาย Binary Options มีความเสี่ยงสูงกว่าการซื้อขาย Forex แบบดั้งเดิม เนื่องจากผลตอบแทนและค่าใช้จ่ายถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า นักเทรดจึงควรศึกษาและทำความเข้าใจกลไกการทำงานของ Binary Options อย่างละเอียดก่อนที่จะทำการซื้อขาย

สรุป

การซื้อขาย Breakout เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการซื้อขาย Forex และ Binary Options แต่จำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจในหลักการพื้นฐาน การระบุรูปแบบ Breakout การใช้เครื่องมือทางเทคนิค และการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม นักเทรดควรฝึกฝนและทดสอบกลยุทธ์นี้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงในการขาดทุน

ตัวอย่างเครื่องมือและ Indicator ที่ใช้ในการซื้อขาย Breakout
เครื่องมือ/Indicator	คำอธิบาย	การใช้งาน
Moving Averages	ช่วยระบุแนวโน้มราคาและระดับแนวรับ/แนวต้านแบบไดนามิก	ใช้เพื่อยืนยันสัญญาณ Breakout และกรองสัญญาณลวง
MACD	ช่วยระบุความแข็งแกร่งของแนวโน้มราคาและสัญญาณการกลับตัว	ใช้เพื่อยืนยันสัญญาณ Breakout และระบุโอกาสในการซื้อขาย
RSI	ช่วยวัดความเร็วและขนาดของการเปลี่ยนแปลงของราคา	ใช้เพื่อระบุภาวะ Overbought/Oversold และสัญญาณการกลับตัว
Bollinger Bands	ช่วยระบุช่วงราคาที่คาดว่าจะเคลื่อนที่ในอนาคต	ใช้เพื่อระบุโอกาสในการซื้อขายเมื่อราคา Breakout จาก Bands
Fibonacci Retracement	ช่วยระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่อาจเกิดขึ้น	ใช้เพื่อกำหนดจุดเข้าซื้อขายและ Stop-Loss

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น