Forex Trading Strategies for Risk Tolerant Investors with Kelly Criterion

1. 1. Forex Trading Strategies for Risk Tolerant Investors with Kelly Criterion

บทความนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ความรู้แก่ผู้เริ่มต้นในเรื่องกลยุทธ์การซื้อขาย Forex สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง โดยใช้ Kelly Criterion เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงและขนาดการลงทุนที่เหมาะสม การซื้อขาย Forex เป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงและมีความผันผวนมาก ดังนั้นการทำความเข้าใจเครื่องมือและกลยุทธ์ที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

1. 1. 1. ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับ Forex

Forex หรือ Foreign Exchange คือตลาดการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดและมีการซื้อขายมากที่สุดในโลก มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันสูงถึงหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ การซื้อขาย Forex เกี่ยวข้องกับการซื้อและขายสกุลเงินต่างๆ โดยมีเป้าหมายที่จะทำกำไรจากความแตกต่างของอัตราแลกเปลี่ยน อัตราแลกเปลี่ยน ถูกกำหนดโดยปัจจัยหลายอย่าง เช่น เศรษฐกิจ การเมือง และอารมณ์ของตลาด

1. 1. 1. ความเสี่ยงในการซื้อขาย Forex

การซื้อขาย Forex มีความเสี่ยงสูงหลายประการที่นักลงทุนต้องตระหนักถึง:

• **ความผันผวนของตลาด:** อัตราแลกเปลี่ยนสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วและคาดเดาไม่ได้
• **เลเวอเรจ:** การใช้เลเวอเรจสามารถขยายผลกำไรได้ แต่ก็สามารถขยายผลขาดทุนได้เช่นกัน
• **ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง:** ในบางสถานการณ์ สภาพคล่องในตลาดอาจลดลง ทำให้ยากต่อการซื้อขายในราคาที่ต้องการ
• **ความเสี่ยงจากข่าวสาร:** ข่าวสารและเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจสามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่ออัตราแลกเปลี่ยน

1. 1. 1. Kelly Criterion คืออะไร?

Kelly Criterion เป็นสูตรทางคณิตศาสตร์ที่ใช้ในการกำหนดขนาดการลงทุนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับโอกาสในการลงทุนที่กำหนด โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มผลตอบแทนระยะยาวสูงสุด ในขณะที่จำกัดความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ สูตร Kelly Criterion มีดังนี้:

``` f* = (bp - q) / b ```

โดยที่:

• f* คือสัดส่วนของเงินทุนทั้งหมดที่ควรลงทุน
• b คืออัตราส่วนผลตอบแทนสุทธิ (net profit ratio) หรือ (ผลตอบแทนเมื่อชนะ - ผลตอบแทนเมื่อแพ้) / ผลตอบแทนเมื่อชนะ
• p คือความน่าจะเป็นที่จะชนะ
• q คือความน่าจะเป็นที่จะแพ้ (q = 1 - p)

Kelly Criterion แนะนำให้ลงทุนในสัดส่วนที่ทำให้ผลตอบแทนที่คาดหวังสูงสุดในระยะยาว แต่ก็มีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการใช้สูตรนี้อย่างเคร่งครัด เนื่องจากอาจนำไปสู่การลงทุนที่มากเกินไปในบางครั้ง และอาจทำให้เกิดผลขาดทุนที่รุนแรง

1. 1. 1. กลยุทธ์ Forex สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง

นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงสามารถพิจารณาใช้กลยุทธ์ Forex ต่อไปนี้ร่วมกับ Kelly Criterion:

1. **Trend Following (การตามแนวโน้ม):** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการระบุแนวโน้มของตลาดและทำการซื้อขายตามแนวโน้มนั้น การวิเคราะห์แนวโน้ม เป็นสิ่งสำคัญในการใช้กลยุทธ์นี้ ตัวอย่างเช่น หากตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น นักลงทุนอาจซื้อสกุลเงินที่แข็งค่าขึ้น และขายสกุลเงินที่อ่อนค่าลง กลยุทธ์นี้สามารถใช้ร่วมกับ Moving Averages หรือ MACD เพื่อยืนยันแนวโน้ม

2. **Breakout Trading (การซื้อขายเมื่อทะลุแนวต้าน/แนวรับ):** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการระบุแนวต้านและแนวรับ และทำการซื้อขายเมื่อราคาทะลุแนวเหล่านี้ แนวต้านและแนวรับเป็นระดับราคาที่ราคาเคยหยุดหรือกลับตัวในอดีต การทะลุแนวต้านอาจบ่งบอกถึงโอกาสในการซื้อ ในขณะที่การทะลุแนวรับอาจบ่งบอกถึงโอกาสในการขาย

3. **Scalping (การเก็งกำไรระยะสั้น):** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการทำกำไรจากความผันผวนของราคาในระยะเวลาอันสั้น โดยปกติแล้ว Scalping จะเกี่ยวข้องกับการเปิดและปิดสถานะในเวลาไม่กี่วินาทีหรือนาที การวิเคราะห์ทางเทคนิค เป็นสิ่งสำคัญในการใช้กลยุทธ์นี้

4. **News Trading (การซื้อขายตามข่าวสาร):** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการซื้อขายตามข่าวสารและเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ข่าวสารสามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่ออัตราแลกเปลี่ยน ปฏิทินเศรษฐกิจ เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักข่าวสาร

5. **Carry Trade (การซื้อขายอัตราดอกเบี้ย):** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการซื้อสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง และขายสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยมีเป้าหมายที่จะทำกำไรจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย

1. 1. 1. การนำ Kelly Criterion มาใช้กับกลยุทธ์ Forex

เมื่อเลือกกลยุทธ์ Forex แล้ว นักลงทุนสามารถใช้ Kelly Criterion เพื่อกำหนดขนาดการลงทุนที่เหมาะสมที่สุดได้ ขั้นตอนในการทำเช่นนี้มีดังนี้:

1. **ประเมินความน่าจะเป็นที่จะชนะ (p):** พิจารณาจากผลการทดสอบย้อนหลัง (Backtesting) หรือประสบการณ์ในการซื้อขาย 2. **ประเมินอัตราส่วนผลตอบแทนสุทธิ (b):** คำนวณจากผลตอบแทนเฉลี่ยเมื่อชนะ และผลขาดทุนเฉลี่ยเมื่อแพ้ 3. **คำนวณ f*:** ใช้สูตร Kelly Criterion เพื่อคำนวณสัดส่วนของเงินทุนที่ควรลงทุน 4. **ปรับขนาดการลงทุน:** ปรับขนาดการลงทุนตามค่า f* ที่คำนวณได้

• • ตัวอย่าง:**

สมมติว่านักลงทุนใช้กลยุทธ์ Trend Following และจากการทดสอบย้อนหลังพบว่า:

• ความน่าจะเป็นที่จะชนะ (p) = 0.6
• อัตราส่วนผลตอบแทนสุทธิ (b) = 1.5 (หมายความว่าผลตอบแทนเมื่อชนะคือ 1.5 เท่าของผลขาดทุนเมื่อแพ้)

จากสูตร Kelly Criterion:

``` f* = (1.5 * 0.6 - (1 - 0.6)) / 1.5 = 0.2 ```

ดังนั้น Kelly Criterion แนะนำให้ลงทุน 20% ของเงินทุนทั้งหมดในแต่ละการซื้อขาย

1. 1. 1. การจำกัดความเสี่ยงด้วย Fractional Kelly

แม้ว่า Kelly Criterion จะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ แต่การใช้สูตรอย่างเคร่งครัดอาจนำไปสู่การลงทุนที่มากเกินไป และอาจทำให้เกิดผลขาดทุนที่รุนแรงได้ เพื่อลดความเสี่ยงนี้ นักลงทุนสามารถใช้ **Fractional Kelly** ซึ่งเป็นการใช้สัดส่วนที่น้อยกว่าค่า f* ที่คำนวณได้ เช่น ใช้ 0.5 Kelly หรือ 0.25 Kelly

• **0.5 Kelly:** ลงทุนในสัดส่วนที่เท่ากับครึ่งหนึ่งของค่า f* ที่คำนวณได้
• **0.25 Kelly:** ลงทุนในสัดส่วนที่เท่ากับหนึ่งในสี่ของค่า f* ที่คำนวณได้

การใช้ Fractional Kelly จะช่วยลดความเสี่ยงในการขาดทุน แต่ก็อาจลดผลตอบแทนที่คาดหวังลงเช่นกัน

1. 1. 1. การบริหารความเสี่ยงเพิ่มเติม

นอกจากการใช้ Kelly Criterion และ Fractional Kelly แล้ว นักลงทุนควรใช้เทคนิคการบริหารความเสี่ยงเพิ่มเติม:

• **Stop-Loss Orders:** ตั้งค่า Stop-Loss Orders เพื่อจำกัดผลขาดทุนในแต่ละการซื้อขาย
• **Take-Profit Orders:** ตั้งค่า Take-Profit Orders เพื่อล็อคผลกำไรเมื่อราคาถึงระดับที่ต้องการ
• **Diversification (การกระจายความเสี่ยง):** กระจายความเสี่ยงโดยการลงทุนในสกุลเงินหลายคู่
• **Position Sizing (การกำหนดขนาดสถานะ):** กำหนดขนาดสถานะที่เหมาะสมตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้

1. 1. 1. ตัวอย่างตารางการบริหารความเสี่ยง

ตัวอย่างการบริหารความเสี่ยงด้วย Kelly Criterion และ Fractional Kelly

กลยุทธ์	ความน่าจะเป็นที่จะชนะ (p)	อัตราส่วนผลตอบแทนสุทธิ (b)	Kelly Criterion (f*)	0.5 Kelly	0.25 Kelly
Trend Following	0.6	1.5	20%	10%	5%
Breakout Trading	0.5	2.0	25%	12.5%	6.25%
Scalping	0.4	1.0	10%	5%	2.5%

1. 1. 1. สรุป

การซื้อขาย Forex เป็นตลาดที่มีความเสี่ยงสูง แต่ก็มีโอกาสในการทำกำไรที่น่าสนใจ การใช้กลยุทธ์ Forex ที่เหมาะสมร่วมกับ Kelly Criterion และเทคนิคการบริหารความเสี่ยงเพิ่มเติม สามารถช่วยให้นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงเพิ่มผลตอบแทนระยะยาวสูงสุด ในขณะที่จำกัดความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ การทดสอบย้อนหลัง (Backtesting) และการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญก่อนที่จะเริ่มซื้อขายจริง

การวิเคราะห์ทางเทคนิคขั้นสูง การวิเคราะห์พื้นฐาน จิตวิทยาการเทรด การจัดการเงินทุน การซื้อขายแบบอัลกอริทึม Binary Options Forex Brokers Forex Signals Risk Management Trading Psychology Candlestick Patterns Fibonacci Retracement Bollinger Bands Ichimoku Cloud Elliott Wave Theory Support and Resistance Head and Shoulders Pattern Double Top/Bottom

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น