Forex Trading Strategies for Breakout Traders

Forex Trading Strategies for Breakout Traders

บทนำ

การซื้อขาย Forex หรือตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องมากที่สุดในโลก ดึงดูดเทรดเดอร์จากทั่วทุกมุมโลกจำนวนมาก ในบรรดา กลยุทธ์การซื้อขาย ที่หลากหลาย กลยุทธ์การซื้อขายแบบ Breakout (ทะลุแนวต้าน/แนวรับ) เป็นที่นิยมอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการใช้ประโยชน์จากความผันผวนของราคา และการเคลื่อนไหวของราคาอย่างรวดเร็ว บทความนี้จะเจาะลึกถึงกลยุทธ์การซื้อขาย Forex แบบ Breakout สำหรับผู้เริ่มต้น รวมถึงแนวคิดพื้นฐาน ประเภทของ Breakout, การระบุแนวรับและแนวต้าน, ตัวชี้วัดที่ใช้, การบริหารความเสี่ยง และตัวอย่างกลยุทธ์ที่ใช้งานได้จริง

แนวคิดพื้นฐานของการซื้อขายแบบ Breakout

การซื้อขายแบบ Breakout คือการระบุระดับราคาที่ราคาเคยถูกจำกัดไว้ (แนวรับหรือแนวต้าน) และคาดการณ์ว่าราคาจะทะลุผ่านระดับเหล่านั้นไปอย่างมีนัยสำคัญ แนวคิดเบื้องหลังกลยุทธ์นี้คือ เมื่อราคา Breakout ผ่านแนวรับหรือแนวต้าน จะบ่งบอกถึงแรงซื้อหรือแรงขายที่แข็งแกร่ง ซึ่งอาจนำไปสู่การเคลื่อนไหวของราคาที่สำคัญในทิศทางของการ Breakout

• **แนวรับ (Support):** ระดับราคาที่แนวโน้มขาลงมีแนวโน้มที่จะหยุดลง เนื่องจากแรงซื้อที่เข้ามาในบริเวณนั้น
• **แนวต้าน (Resistance):** ระดับราคาที่แนวโน้มขาขึ้นมีแนวโน้มที่จะหยุดลง เนื่องจากแรงขายที่เข้ามาในบริเวณนั้น
• **Breakout:** การเคลื่อนไหวของราคาที่ทะลุผ่านแนวรับหรือแนวต้านอย่างชัดเจน

การ Breakout ที่แท้จริงมักมาพร้อมกับ ปริมาณการซื้อขาย ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งยืนยันถึงความแข็งแกร่งของการ Breakout นั้น

ประเภทของการ Breakout

มีหลายประเภทของการ Breakout ที่เทรดเดอร์ควรรู้จัก:

• **Breakout ที่แท้จริง (Genuine Breakout):** เกิดขึ้นเมื่อราคาทะลุผ่านแนวรับหรือแนวต้านอย่างชัดเจน และยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางของการ Breakout อย่างต่อเนื่อง
• **False Breakout (การ Breakout หลอก):** เกิดขึ้นเมื่อราคาทะลุผ่านแนวรับหรือแนวต้าน แต่ไม่สามารถรักษาระดับราคาที่สูงขึ้น/ต่ำลงได้ และกลับเข้าสู่ช่วงการซื้อขายเดิม นี่คือความเสี่ยงที่สำคัญในการซื้อขายแบบ Breakout
• **Pullback Breakout:** ราคา Breakout แล้ว และมีการปรับฐาน (Pullback) กลับมาที่แนวรับ/แนวต้านที่เพิ่ง Breakout ผ่านไป ก่อนที่จะเคลื่อนไหวต่อไปในทิศทางเดิม
• **Running Breakout:** ราคา Breakout และเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องในทิศทางเดิม โดยไม่มีการปรับฐานที่ชัดเจน

การระบุแนวรับและแนวต้าน

การระบุแนวรับและแนวต้านที่แม่นยำเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการซื้อขายแบบ Breakout มีหลายวิธีในการทำเช่นนี้:

• **Swing Highs และ Swing Lows:** ระบุจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของราคาที่สำคัญบนชาร์ต
• **แนวโน้ม (Trends):** แนวรับและแนวต้านสามารถพบได้ตามแนวโน้มของราคา เช่น เส้นแนวโน้ม (Trendlines)
• **ระดับ Fibonacci Retracement:** ใช้ระดับ Fibonacci เพื่อระบุแนวรับและแนวต้านที่อาจเกิดขึ้น
• **ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages):** ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สามารถทำหน้าที่เป็นแนวรับและแนวต้านแบบไดนามิก
• **Pivot Points:** คำนวณจากราคา High, Low และ Close ของช่วงเวลาที่กำหนด เพื่อระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ

ตัวชี้วัดที่ใช้ในการซื้อขายแบบ Breakout

การใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิคเพิ่มเติมสามารถช่วยยืนยันสัญญาณการ Breakout และเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ:

• **Relative Strength Index (RSI):** ใช้เพื่อวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มและระบุสภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold)
• **Moving Average Convergence Divergence (MACD):** ใช้เพื่อระบุการเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัม
• **Volume:** ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นในระหว่างการ Breakout ยืนยันถึงความแข็งแกร่งของการ Breakout
• **Bollinger Bands:** ใช้เพื่อวัดความผันผวนของราคา และระบุสภาวะที่ราคาอาจ Overbought หรือ Oversold
• **Ichimoku Cloud:** ใช้เพื่อระบุแนวรับ แนวต้าน และทิศทางของแนวโน้ม

กลยุทธ์การซื้อขายแบบ Breakout

ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างกลยุทธ์การซื้อขายแบบ Breakout ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้:

1. **Simple Breakout Strategy:**

   *   ระบุแนวรับและแนวต้านที่ชัดเจน
   *   รอให้ราคา Breakout ผ่านแนวรับหรือแนวต้าน
   *   เข้าสู่ตลาดเมื่อราคา Breakout พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น
   *   ตั้ง Stop-loss ใต้แนวรับ (สำหรับการซื้อ) หรือเหนือแนวต้าน (สำหรับการขาย)
   *   ตั้ง Take-profit ที่ระดับที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ตามอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่เหมาะสม (Risk/Reward Ratio)

2. **Breakout with Retest Strategy:**

   *   ระบุแนวรับและแนวต้าน
   *   รอให้ราคา Breakout
   *   รอให้ราคาปรับฐาน (Retest) กลับมาที่แนวรับ/แนวต้านที่เพิ่ง Breakout ผ่านไป
   *   เข้าสู่ตลาดเมื่อราคาเด้งกลับจากแนวรับ/แนวต้าน
   *   ตั้ง Stop-loss ใต้/เหนือจุด Retest
   *   ตั้ง Take-profit ตาม Risk/Reward Ratio

3. **Breakout with Volume Confirmation:**

   *   ระบุแนวรับและแนวต้าน
   *   รอให้ราคา Breakout พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
   *   เข้าสู่ตลาดเมื่อราคา Breakout และปริมาณการซื้อขายยืนยัน
   *   ตั้ง Stop-loss และ Take-profit ตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้

4. **Trading Breakouts Using Bollinger Bands:**

   *   ใช้ Bollinger Bands เพื่อระบุสภาวะที่ราคาอาจ Breakout
   *   เมื่อราคาทะลุผ่านขอบบนของ Bollinger Bands แสดงถึงสัญญาณซื้อ
   *   เมื่อราคาทะลุผ่านขอบล่างของ Bollinger Bands แสดงถึงสัญญาณขาย
   *   ใช้ปริมาณการซื้อขายเพื่อยืนยันสัญญาณ

5. **Combining Breakouts with Trend Lines:**

   *   วาดเส้นแนวโน้มเพื่อระบุทิศทางของแนวโน้ม
   *   มองหาการ Breakout ที่เกิดขึ้นตามเส้นแนวโน้ม
   *   Breakout เหนือเส้นแนวโน้มขาขึ้นเป็นสัญญาณซื้อ
   *   Breakout ใต้เส้นแนวโน้มขาลงเป็นสัญญาณขาย

การบริหารความเสี่ยงในการซื้อขายแบบ Breakout

การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการซื้อขายแบบ Breakout:

• **Stop-loss Orders:** ใช้ Stop-loss Orders เสมอเพื่อจำกัดความเสี่ยงหากการ Breakout เป็น False Breakout
• **Position Sizing:** กำหนดขนาด Position ที่เหมาะสมตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้
• **Risk/Reward Ratio:** ตั้งเป้าหมาย Take-profit ที่มี Risk/Reward Ratio ที่เหมาะสม (เช่น 1:2 หรือ 1:3)
• **Diversification:** กระจายความเสี่ยงโดยการซื้อขายหลายคู่เงิน
• **Avoid Overtrading:** อย่าซื้อขายมากเกินไป และรอโอกาสที่ดีเท่านั้น

ตัวอย่างการซื้อขายแบบ Breakout (สมมติ)

สมมติว่าคุณกำลังวิเคราะห์คู่เงิน EUR/USD และสังเกตเห็นว่าราคาได้รวมตัวกันรอบแนวต้านที่ 1.1000 เป็นเวลาหลายวัน ปริมาณการซื้อขายเริ่มเพิ่มขึ้น และราคาในที่สุดก็ Breakout เหนือ 1.1000

คุณตัดสินใจเข้าสู่ Position ซื้อ (Long) ที่ 1.1005 โดยตั้ง Stop-loss ที่ 1.0990 และ Take-profit ที่ 1.1050 (Risk/Reward Ratio = 1:3)

หากราคาเคลื่อนไหวตามที่คาดการณ์ไว้ คุณจะทำกำไรได้ 45 pips หากราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์และลดลงต่ำกว่า 1.0990 คุณจะขาดทุน 15 pips

การซื้อขาย Breakout กับ Binary Options

แม้ว่ากลยุทธ์ Breakout จะถูกออกแบบมาสำหรับ Forex แต่แนวคิดนี้ก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการซื้อขาย Binary Options ได้ โดยการเลือก Call Option เมื่อคาดการณ์ว่าราคาจะ Breakout เหนือแนวต้าน หรือ Put Option เมื่อคาดการณ์ว่าราคาจะ Breakout ใต้แนวรับ อย่างไรก็ตาม การซื้อขาย Binary Options มีความเสี่ยงสูง และควรทำความเข้าใจอย่างละเอียดก่อนทำการซื้อขาย

ตัวอย่างการเปรียบเทียบกลยุทธ์

กลยุทธ์	จุดเด่น	จุดด้อย	เหมาะสำหรับ
Simple Breakout	เข้าใจง่าย, รวดเร็ว	อาจเกิด False Breakout บ่อย	ผู้เริ่มต้น
Breakout with Retest	เพิ่มโอกาสในการเข้าสู่ตลาดที่ดีขึ้น	อาจพลาดโอกาสในการเข้าเร็ว	เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์
Breakout with Volume Confirmation	ยืนยันความแข็งแกร่งของสัญญาณ	ต้องวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย	เทรดเดอร์ที่เน้นการวิเคราะห์เชิงปริมาณ
Bollinger Bands Breakout	ระบุความผันผวนได้ดี	อาจเกิดสัญญาณหลอกในช่วงตลาด Sideways	เทรดเดอร์ที่ใช้ Indicators

สรุป

การซื้อขายแบบ Breakout เป็นกลยุทธ์ที่ทรงพลังที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่สำคัญได้ แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงเช่นกัน การทำความเข้าใจแนวคิดพื้นฐาน การระบุแนวรับและแนวต้าน การใช้ตัวชี้วัดที่เหมาะสม และการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการประสบความสำเร็จในการซื้อขายแบบ Breakout การฝึกฝนและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องจะช่วยให้คุณพัฒนาทักษะและปรับปรุงผลการซื้อขายของคุณได้

การวิเคราะห์ทางเทคนิค || การวิเคราะห์พื้นฐาน || การจัดการเงินทุน || จิตวิทยาการเทรด || ข่าวสารเศรษฐกิจ || การสร้างกลยุทธ์การเทรด || การใช้ MetaTrader || การวิเคราะห์ Price Action || รูปแบบแท่งเทียน || การเทรดในช่วงข่าว || Scalping || Day Trading || Swing Trading || Position Trading || Hedging

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น