Forex Trading Stop Loss

บทนำ

การซื้อขาย Forex หรือตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดและมีการซื้อขายมากที่สุดในโลก การซื้อขาย Forex มีโอกาสสร้างผลกำไรสูง แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงเช่นกัน หนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่สุดที่เทรดเดอร์ Forex ใช้เพื่อจัดการความเสี่ยงคือ Stop Loss หรือคำสั่งหยุดการขาดทุน บทความนี้จะให้ความเข้าใจอย่างละเอียดเกี่ยวกับการใช้งาน Stop Loss สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ รวมถึงประเภทต่างๆ, วิธีการตั้งค่า, และข้อควรระวังที่ควรทราบ

Stop Loss คืออะไร?

Stop Loss คือคำสั่งที่ส่งไปยังโบรกเกอร์เพื่อปิดการซื้อขายโดยอัตโนมัติเมื่อราคาถึงระดับที่กำหนดไว้ล่วงหน้า จุดประสงค์หลักของ Stop Loss คือการจำกัดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อขายที่ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ หากราคาเคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงกันข้ามกับตำแหน่งที่เปิดไว้ Stop Loss จะถูกเรียกใช้งานและปิดการซื้อขายโดยอัตโนมัติ เพื่อป้องกันไม่ให้บัญชีเทรดเดอร์สูญเสียเงินทุนมากเกินไป

การจัดการความเสี่ยง เป็นหัวใจสำคัญของการซื้อขาย Forex ที่ประสบความสำเร็จ และ Stop Loss ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดการความเสี่ยงนี้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทำไมต้องใช้ Stop Loss?

มีเหตุผลหลายประการที่เทรดเดอร์ Forex ควรใช้ Stop Loss:

**จำกัดความสูญเสีย:** นี่คือเหตุผลหลักในการใช้ Stop Loss ช่วยป้องกันการสูญเสียเงินทุนจำนวนมากจากการซื้อขายที่ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้
**ป้องกันอารมณ์:** การซื้อขายโดยมี Stop Loss ช่วยลดผลกระทบจากอารมณ์ที่อาจเกิดขึ้นเมื่อตลาดเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เทรดเดอร์จะไม่ต้องตัดสินใจด้วยความตื่นตระหนก
**รักษาเงินทุน:** การใช้ Stop Loss อย่างสม่ำเสมอช่วยรักษาสภาพคล่องของบัญชีเทรดเดอร์ และช่วยให้สามารถซื้อขายต่อไปได้ในระยะยาว
**วางแผนการซื้อขาย:** การตั้งค่า Stop Loss เป็นส่วนหนึ่งของ แผนการซื้อขาย ที่ดี ช่วยให้เทรดเดอร์มีวินัยและปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้
**เพิ่มอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน:** Stop Loss ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถคำนวณและควบคุมอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk-Reward Ratio) ของแต่ละการซื้อขายได้

ประเภทของ Stop Loss

มี Stop Loss หลายประเภทที่เทรดเดอร์ Forex สามารถใช้ได้:

**Fixed Stop Loss:** เป็น Stop Loss ที่ตั้งค่าไว้ที่ระดับราคาคงที่ โดยไม่คำนึงถึงการเคลื่อนไหวของราคา ตัวอย่างเช่น หากเทรดเดอร์ซื้อ EUR/USD ที่ 1.1000 และตั้ง Stop Loss ที่ 1.0950 Stop Loss จะถูกเรียกใช้งานเมื่อราคาลดลงถึง 1.0950
**Trailing Stop Loss:** เป็น Stop Loss ที่ปรับตามการเคลื่อนไหวของราคาในทิศทางที่เป็นประโยชน์ต่อเทรดเดอร์ ตัวอย่างเช่น หากเทรดเดอร์ซื้อ GBP/JPY ที่ 150.00 และตั้ง Trailing Stop Loss ไว้ที่ 50 pips Stop Loss จะปรับขึ้นตามราคาที่เพิ่มขึ้น แต่จะไม่ลดลง หากราคาลดลง Stop Loss จะยังคงอยู่ที่ระดับเดิม
**Guaranteed Stop Loss:** เป็น Stop Loss ที่โบรกเกอร์รับประกันว่าจะถูกเรียกใช้งานแม้ว่าราคาจะเกิด Gap (การกระโดดของราคา) ในช่วงเวลาที่ไม่สามารถซื้อขายได้ (เช่น ช่วงข่าวสำคัญ) อย่างไรก็ตาม Guaranteed Stop Loss มักมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
**Volatility-Based Stop Loss:** เป็น Stop Loss ที่คำนวณจากความผันผวนของตลาด โดยใช้ตัวชี้วัดเช่น Average True Range (ATR) เพื่อกำหนดระดับ Stop Loss ที่เหมาะสม

วิธีการตั้งค่า Stop Loss

การตั้งค่า Stop Loss ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้การซื้อขายมีประสิทธิภาพสูงสุด มีหลายวิธีที่เทรดเดอร์สามารถใช้ในการกำหนดระดับ Stop Loss:

**Support and Resistance Levels:** ตั้ง Stop Loss ใต้ระดับ Support (สำหรับ Long Position) หรือเหนือระดับ Resistance (สำหรับ Short Position)
**Pivot Points:** ใช้ Pivot Points เพื่อกำหนดระดับ Stop Loss ที่เหมาะสม
**Moving Averages:** ตั้ง Stop Loss ใต้ Moving Average (สำหรับ Long Position) หรือเหนือ Moving Average (สำหรับ Short Position)
**Fibonacci Retracement Levels:** ใช้ Fibonacci Retracement Levels เพื่อกำหนดระดับ Stop Loss ที่เหมาะสม
**Percentage Risk:** กำหนด Stop Loss โดยพิจารณาจากเปอร์เซ็นต์ของเงินทุนที่ยอมรับได้ในการสูญเสียต่อการซื้อขายหนึ่งครั้ง (เช่น 1-2%)
**Volatility (ATR):** ใช้ค่า ATR เพื่อคำนวณระดับ Stop Loss ที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงความผันผวนของตลาด

ตัวอย่างการคำนวณ Stop Loss ด้วย Percentage Risk:

สมมติว่าเทรดเดอร์มีเงินทุนในบัญชี 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ และยอมรับที่จะสูญเสียไม่เกิน 1% ต่อการซื้อขายหนึ่งครั้ง Stop Loss จะต้องถูกตั้งค่าไว้เพื่อให้การสูญเสียไม่เกิน 100 ดอลลาร์สหรัฐ (1% ของ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ)

ข้อควรระวังในการใช้ Stop Loss

แม้ว่า Stop Loss จะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ แต่ก็มีข้อควรระวังบางประการที่เทรดเดอร์ควรทราบ:

**Stop Hunting:** บางครั้งโบรกเกอร์อาจพยายาม "Stop Hunting" โดยการทำให้ราคาเคลื่อนที่เข้าใกล้ Stop Loss ของเทรดเดอร์เพื่อเรียกใช้งาน Stop Loss และจากนั้นจึงกลับทิศทางของราคา เทรดเดอร์ควรระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการตั้ง Stop Loss ในบริเวณที่มี Liquidity สูง
**Whipsaws:** Whipsaws คือการเคลื่อนไหวของราคาที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและผิดปกติ ซึ่งอาจทำให้ Stop Loss ถูกเรียกใช้งานโดยไม่จำเป็น เทรดเดอร์ควรใช้ตัวกรอง (Filters) เช่น Price Action หรือตัวชี้วัดทางเทคนิค เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกหลอกโดย Whipsaws
**ขนาดของ Stop Loss:** Stop Loss ที่แคบเกินไปอาจถูกเรียกใช้งานโดยง่าย ในขณะที่ Stop Loss ที่กว้างเกินไปอาจทำให้การสูญเสียมีมากเกินไป เทรดเดอร์ควรหาจุดสมดุลที่เหมาะสม
**การปรับ Stop Loss:** การปรับ Stop Loss ในระหว่างการซื้อขายอาจเป็นประโยชน์ แต่ควรทำอย่างระมัดระวังและมีเหตุผลที่ชัดเจน การปรับ Stop Loss โดยไม่มีเหตุผลอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดได้
**การใช้ Stop Loss ร่วมกับ Take Profit:** ควรใช้ Stop Loss ควบคู่ไปกับ Take Profit เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

กลยุทธ์การซื้อขายที่ใช้ Stop Loss

**Breakout Strategy:** ตั้ง Stop Loss ใต้ระดับ Swing Low (สำหรับ Long Position) หรือเหนือระดับ Swing High (สำหรับ Short Position)
**Trend Following Strategy:** ใช้ Trailing Stop Loss เพื่อติดตามแนวโน้มของราคาและล็อคผลกำไร
**Scalping Strategy:** ตั้ง Stop Loss ที่แคบเพื่อจำกัดความสูญเสียในการซื้อขายระยะสั้น
**Mean Reversion Strategy:** ตั้ง Stop Loss ที่ระดับที่คาดว่าจะมีการกลับตัวของราคา
**News Trading Strategy:** ตั้ง Stop Loss ที่ระดับที่คาดว่าจะมีการเคลื่อนไหวของราคาอย่างรวดเร็วหลังจากมีการประกาศข่าวสำคัญ

การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการใช้ Stop Loss

การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นเครื่องมือสำคัญในการกำหนดระดับ Stop Loss ที่เหมาะสม เทรดเดอร์สามารถใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิคต่างๆ เช่น:

**Support and Resistance:** ระบุระดับ Support และ Resistance เพื่อตั้ง Stop Loss
**Trend Lines:** ใช้ Trend Lines เพื่อกำหนดระดับ Stop Loss ที่สอดคล้องกับแนวโน้มของราคา
**Moving Averages:** ใช้ Moving Averages เพื่อกำหนดระดับ Stop Loss ที่สอดคล้องกับแนวโน้มของราคา
**Bollinger Bands:** ใช้ Bollinger Bands เพื่อกำหนดระดับ Stop Loss ที่เหมาะสม
**MACD:** ใช้ MACD เพื่อยืนยันสัญญาณการซื้อขายและกำหนดระดับ Stop Loss

การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายและการใช้ Stop Loss

การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายสามารถช่วยเทรดเดอร์ในการระบุระดับ Stop Loss ที่มีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น:

**Volume Profile:** ใช้ Volume Profile เพื่อระบุระดับราคาที่มีปริมาณการซื้อขายสูง ซึ่งอาจเป็นระดับ Support หรือ Resistance ที่สำคัญ
**On Balance Volume (OBV):** ใช้ OBV เพื่อยืนยันสัญญาณการซื้อขายและกำหนดระดับ Stop Loss

บทสรุป

Stop Loss เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ Forex ทุกระดับ การใช้ Stop Loss อย่างถูกต้องจะช่วยจำกัดความสูญเสีย ป้องกันอารมณ์ และรักษาสภาพคล่องของบัญชีเทรดเดอร์ เทรดเดอร์ควรทำความเข้าใจประเภทต่างๆ ของ Stop Loss วิธีการตั้งค่า และข้อควรระวังที่ควรทราบ เพื่อให้สามารถใช้ Stop Loss ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จในการซื้อขาย Forex

การซื้อขาย Forex การจัดการเงินทุน การวิเคราะห์ตลาด Binary Options Risk Management Technical Analysis Candlestick Patterns Chart Patterns Fibonacci Elliott Wave Ichimoku Cloud Bollinger Bands MACD RSI Stochastic Oscillator Average True Range (ATR) Price Action Trading Psychology Forex Brokers Demo Accounts

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น