Forex Leverage
- Forex Leverage
Forex Leverage หรือที่เรียกว่า “อัตราทด” เป็นเครื่องมือสำคัญที่นักลงทุน Forex Trading ใช้เพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำกำไร แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นเช่นกัน บทความนี้จะอธิบายทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับ Forex Leverage สำหรับผู้เริ่มต้น ตั้งแต่ความหมาย กลไกการทำงาน ข้อดีข้อเสีย การคำนวณ และกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง
- Leverage คืออะไร?
Leverage คือการยืมเงินจากโบรกเกอร์เพื่อเพิ่มขนาดของการซื้อขายของคุณ แทนที่จะใช้เงินทุนของคุณเองทั้งหมด ตัวอย่างเช่น หากคุณมีเงินทุน 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ และใช้ Leverage ที่ 1:100 คุณจะสามารถควบคุมการซื้อขายมูลค่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐได้ Leverage ทำงานโดยการเพิ่มอำนาจซื้อของคุณ ทำให้คุณสามารถทำกำไรได้มากขึ้นจากราคาที่เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่ในทางกลับกัน หากราคาเคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่คุณคาดการณ์ไว้ คุณก็อาจขาดทุนได้มากขึ้นเช่นกัน
- กลไกการทำงานของ Leverage
Leverage ทำงานโดยการเปิดโอกาสให้คุณซื้อขายด้วยเงินทุนที่มากกว่าที่คุณมีจริง โบรกเกอร์จะให้เงินกู้ยืมแก่คุณ ทำให้คุณสามารถเปิดสถานะที่มีขนาดใหญ่กว่าเงินทุนของคุณได้มาก ลองพิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้:
- **สถานการณ์:** คุณต้องการซื้อคู่สกุลเงิน EUR/USD ที่ราคาปัจจุบันคือ 1.1000
- **เงินทุนของคุณ:** 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ
- **Leverage:** 1:100
ด้วย Leverage 1:100 คุณสามารถควบคุมการซื้อขาย EUR/USD มูลค่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐได้ หากราคา EUR/USD เพิ่มขึ้นเป็น 1.1010 (เพิ่มขึ้น 10 pips) คุณจะทำกำไรได้ดังนี้:
- **กำไร:** 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ * (0.0010/1.1000) = 90.91 ดอลลาร์สหรัฐ
แม้ว่าราคาจะเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย แต่กำไรของคุณก็สูงกว่ามากเมื่อเทียบกับการซื้อขายด้วยเงินทุนของคุณเองโดยตรง อย่างไรก็ตาม หากราคา EUR/USD ลดลงเป็น 1.0990 (ลดลง 10 pips) คุณก็จะขาดทุน 90.91 ดอลลาร์สหรัฐเช่นกัน
- ประเภทของ Leverage
Leverage สามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภทหลัก:
- **Fixed Leverage:** Leverage ที่คงที่และไม่เปลี่ยนแปลงตามขนาดของบัญชีหรือคู่สกุลเงินที่คุณซื้อขาย โบรกเกอร์บางรายเสนอ Fixed Leverage เพื่อความเรียบง่ายและคาดการณ์ได้
- **Variable Leverage:** Leverage ที่เปลี่ยนแปลงได้ตามขนาดของบัญชีและคู่สกุลเงินที่คุณซื้อขาย โดยทั่วไปแล้ว บัญชีที่มีขนาดใหญ่ขึ้นจะได้รับ Leverage ที่สูงขึ้น และคู่สกุลเงินที่มีความผันผวนต่ำมักจะได้รับ Leverage ที่สูงกว่าคู่สกุลเงินที่มีความผันผวนสูง Variable Leverage ช่วยให้โบรกเกอร์สามารถปรับความเสี่ยงของตนเองได้
- ข้อดีและข้อเสียของ Leverage
| ข้อดี | ข้อเสีย | |---------------------------------------|---------------------------------------| | เพิ่มศักยภาพในการทำกำไร | เพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุน | | ช่วยให้สามารถควบคุมการซื้อขายขนาดใหญ่ได้ | อาจนำไปสู่การ "Margin Call" ได้ | | ลดเงินทุนที่ต้องใช้ในการเริ่มต้น | ต้องมีความเข้าใจในการจัดการความเสี่ยงสูง | | สามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสในการซื้อขายได้ | อาจทำให้เกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาดได้ |
- Margin Call:** คือสถานการณ์ที่เงินทุนในบัญชีของคุณลดลงต่ำกว่าระดับที่โบรกเกอร์กำหนด เมื่อเกิด Margin Call โบรกเกอร์จะบังคับให้คุณปิดสถานะบางส่วนหรือทั้งหมดเพื่อลดความเสี่ยงของตนเอง
- การคำนวณ Leverage
การคำนวณ Leverage เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้เข้าใจถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง สูตรการคำนวณ Leverage คือ:
- Leverage = ขนาดการซื้อขาย / เงินทุนของคุณ**
ตัวอย่าง:
- **ขนาดการซื้อขาย:** 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ
- **เงินทุนของคุณ:** 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ
- Leverage = 50,000 / 5,000 = 1:10**
นอกจากนี้ คุณยังสามารถคำนวณ Margin Requirement ได้ ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่คุณต้องมีในบัญชีของคุณเพื่อเปิดและรักษาตำแหน่งการซื้อขาย สูตรการคำนวณ Margin Requirement คือ:
- Margin Requirement = ขนาดการซื้อขาย / Leverage**
ตัวอย่าง:
- **ขนาดการซื้อขาย:** 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ
- **Leverage:** 1:200
- Margin Requirement = 100,000 / 200 = 500 ดอลลาร์สหรัฐ**
- กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงเมื่อใช้ Leverage
การใช้ Leverage จำเป็นต้องมีกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่แข็งแกร่งเพื่อป้องกันการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น ต่อไปนี้เป็นกลยุทธ์บางส่วนที่ควรพิจารณา:
- **Stop-Loss Order:** ตั้งค่า Stop-Loss Order เพื่อจำกัดการขาดทุนสูงสุดที่คุณยอมรับได้ในแต่ละการซื้อขาย Stop-Loss Order เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการปกป้องเงินทุนของคุณ
- **Take-Profit Order:** ตั้งค่า Take-Profit Order เพื่อล็อคกำไรเมื่อราคาถึงระดับที่คุณต้องการ Take-Profit Order ช่วยให้คุณสามารถทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ
- **Risk-Reward Ratio:** คำนวณ Risk-Reward Ratio เพื่อประเมินว่าการซื้อขายนั้นคุ้มค่ากับความเสี่ยงหรือไม่ โดยทั่วไปแล้ว คุณควรพยายามหาการซื้อขายที่มี Risk-Reward Ratio อย่างน้อย 1:2
- **Position Sizing:** กำหนดขนาดของตำแหน่งการซื้อขายของคุณอย่างระมัดระวัง โดยคำนึงถึง Leverage และความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ Position Sizing เป็นเทคนิคสำคัญในการจัดการความเสี่ยง
- **Diversification:** กระจายการลงทุนของคุณไปยังคู่สกุลเงินหลายคู่เพื่อลดความเสี่ยงโดยรวม Diversification ช่วยลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาในคู่สกุลเงินใดคู่หนึ่ง
- Leverage และ Binary Options
Leverage ยังสามารถนำมาใช้ในการซื้อขาย Binary Options ได้เช่นกัน แม้ว่า Binary Options จะมีลักษณะที่แตกต่างจาก Forex Trading แต่ Leverage ก็สามารถเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรและขาดทุนได้ อย่างไรก็ตาม การใช้ Leverage ใน Binary Options ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจาก Binary Options มีความเสี่ยงสูงอยู่แล้ว
- การเลือกโบรกเกอร์ที่มี Leverage ที่เหมาะสม
การเลือกโบรกเกอร์ที่มี Leverage ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ คุณควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้:
- **อัตรา Leverage ที่เสนอ:** โบรกเกอร์แต่ละรายจะเสนออัตรา Leverage ที่แตกต่างกัน เลือกโบรกเกอร์ที่เสนอ Leverage ที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้
- **ค่าธรรมเนียมและ Spread:** ตรวจสอบค่าธรรมเนียมและ Spread ของโบรกเกอร์ ค่าธรรมเนียมและ Spread ที่สูงอาจลดกำไรของคุณ
- **กฎระเบียบและความน่าเชื่อถือ:** เลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานกำกับดูแลที่น่าเชื่อถือ Forex Regulation ช่วยปกป้องเงินทุนของคุณ
- **แพลตฟอร์มการซื้อขาย:** ตรวจสอบว่าแพลตฟอร์มการซื้อขายของโบรกเกอร์ใช้งานง่ายและมีเครื่องมือที่คุณต้องการหรือไม่ Trading Platform มีความสำคัญต่อประสบการณ์การซื้อขายของคุณ
- **การสนับสนุนลูกค้า:** ตรวจสอบว่าโบรกเกอร์มีการสนับสนุนลูกค้าที่ดีหรือไม่ Customer Support สามารถช่วยคุณแก้ไขปัญหาที่คุณอาจพบได้
- กลยุทธ์การซื้อขายที่ใช้ Leverage
มีกลยุทธ์การซื้อขายมากมายที่สามารถใช้ร่วมกับ Leverage ได้ ต่อไปนี้เป็นกลยุทธ์บางส่วน:
- **Scalping:** Scalping เป็นกลยุทธ์การซื้อขายระยะสั้นที่พยายามทำกำไรจากความผันผวนของราคาเล็กน้อย Leverage สามารถช่วยเพิ่มกำไรจากการ Scalping ได้
- **Day Trading:** Day Trading เป็นกลยุทธ์การซื้อขายที่เปิดและปิดสถานะทั้งหมดภายในวันเดียว Leverage สามารถช่วยเพิ่มกำไรจากการ Day Trading ได้
- **Swing Trading:** Swing Trading เป็นกลยุทธ์การซื้อขายที่ถือสถานะเป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ Leverage สามารถช่วยเพิ่มกำไรจากการ Swing Trading ได้
- **Trend Following:** Trend Following เป็นกลยุทธ์การซื้อขายที่พยายามทำกำไรจากการระบุแนวโน้มของราคา Leverage สามารถช่วยเพิ่มกำไรจากการ Trend Following ได้
- **Breakout Trading:** Breakout Trading เป็นกลยุทธ์การซื้อขายที่พยายามทำกำไรจากการทะลุแนวต้านหรือแนวรับ Leverage สามารถช่วยเพิ่มกำไรจากการ Breakout Trading ได้
- **Fibonacci Retracement:** Fibonacci Retracement เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้ระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่อาจเกิดขึ้น Leverage สามารถใช้ร่วมกับ Fibonacci Retracement เพื่อเพิ่มกำไร
- **Moving Averages:** Moving Averages เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้ระบุแนวโน้มของราคา Leverage สามารถใช้ร่วมกับ Moving Averages เพื่อเพิ่มกำไร
- **Bollinger Bands:** Bollinger Bands เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้วัดความผันผวนของราคา Leverage สามารถใช้ร่วมกับ Bollinger Bands เพื่อเพิ่มกำไร
- **MACD (Moving Average Convergence Divergence):** MACD เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้ระบุการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม Leverage สามารถใช้ร่วมกับ MACD เพื่อเพิ่มกำไร
- **RSI (Relative Strength Index):** RSI เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้วัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม Leverage สามารถใช้ร่วมกับ RSI เพื่อเพิ่มกำไร
- **Elliott Wave Theory:** Elliott Wave Theory เป็นทฤษฎีทางเทคนิคที่ใช้ระบุรูปแบบของราคา Leverage สามารถใช้ร่วมกับ Elliott Wave Theory เพื่อเพิ่มกำไร
- **Candlestick Patterns:** Candlestick Patterns เป็นรูปแบบของแท่งเทียนที่ใช้ระบุการเปลี่ยนแปลงของราคา Leverage สามารถใช้ร่วมกับ Candlestick Patterns เพื่อเพิ่มกำไร
- **Volume Spread Analysis (VSA):** Volume Spread Analysis เป็นการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายและความผันผวนของราคา Leverage สามารถใช้ร่วมกับ VSA เพื่อเพิ่มกำไร
- **Ichimoku Cloud:** Ichimoku Cloud เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้ระบุแนวโน้มและระดับแนวรับแนวต้าน Leverage สามารถใช้ร่วมกับ Ichimoku Cloud เพื่อเพิ่มกำไร
- **Harmonic Patterns:** Harmonic Patterns เป็นรูปแบบของราคาที่ใช้ระบุโอกาสในการซื้อขาย Leverage สามารถใช้ร่วมกับ Harmonic Patterns เพื่อเพิ่มกำไร
- สรุป
Forex Leverage เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่สามารถเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรของคุณได้ แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นเช่นกัน สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจกลไกการทำงานของ Leverage ข้อดีข้อเสีย และกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องก่อนที่จะเริ่มใช้ Leverage ในการซื้อขายของคุณ การเลือกโบรกเกอร์ที่มี Leverage ที่เหมาะสมและการใช้กลยุทธ์การซื้อขายที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณสามารถใช้ประโยชน์จาก Leverage ได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น
