Event Driven Trading

1. Event Driven Trading

- Event Driven Trading** หรือ การซื้อขายตามเหตุการณ์ เป็นกลยุทธ์การซื้อขายที่เน้นการทำกำไรจากข่าวสาร เหตุการณ์ หรือข้อมูลสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์ทางการเงิน กลยุทธ์นี้แตกต่างจากการซื้อขายแบบ การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) ที่เน้นการศึกษาจากรูปแบบราคาและปริมาณการซื้อขายในอดีต หรือ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) ที่เน้นการประเมินมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์ Event Driven Trading มุ่งเน้นไปที่การคาดการณ์ว่าเหตุการณ์ใดจะเกิดขึ้น และราคาจะตอบสนองอย่างไรต่อเหตุการณ์นั้นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาด ไบนารี่ออปชั่น (Binary Options) ที่มีการตัดสินผลแพ้ชนะอย่างชัดเจนในกรอบเวลาที่กำหนด กลยุทธ์นี้จึงมีความท้าทายและต้องการความรวดเร็วในการตัดสินใจ รวมถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในตลาดที่เกี่ยวข้อง

1. 1. หลักการพื้นฐานของ Event Driven Trading

หัวใจสำคัญของ Event Driven Trading คือการระบุ “เหตุการณ์” ที่มีศักยภาพในการสร้างความผันผวนของราคา (Volatility) และสามารถทำกำไรได้ เหตุการณ์เหล่านี้อาจเป็นได้หลากหลายรูปแบบ เช่น:

**ข่าวเศรษฐกิจ:** การประกาศอัตราดอกเบี้ย, อัตราเงินเฟ้อ, การจ้างงาน, GDP, ฯลฯ
**ข่าวบริษัท:** กำไรสุทธิ, รายได้, การควบรวมกิจการ (Mergers and Acquisitions - M&A), การเปลี่ยนผู้บริหาร, ฯลฯ
**เหตุการณ์ทางการเมือง:** การเลือกตั้ง, การเปลี่ยนแปลงนโยบาย, ข้อตกลงทางการค้า, ฯลฯ
**ภัยธรรมชาติ:** แผ่นดินไหว, พายุ, น้ำท่วม, ฯลฯ
**เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน:** วิกฤตการณ์ทางการเงิน, การก่อการร้าย, ฯลฯ

เมื่อระบุเหตุการณ์ได้แล้ว นักเทรดจะต้อง:

1. **ประเมินความเป็นไปได้:** โอกาสที่เหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นจริง 2. **ประเมินผลกระทบ:** ผลกระทบที่เหตุการณ์นั้นจะมีต่อราคาสินทรัพย์ที่สนใจ 3. **กำหนดจุดเข้าและออก:** ระบุระดับราคาที่เหมาะสมในการเปิดและปิดสถานะ (Position) 4. **บริหารความเสี่ยง:** กำหนดขนาดของ Position และ Stop Loss เพื่อจำกัดความเสี่ยง

1. 1. ประเภทของ Event Driven Trading

Event Driven Trading สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท ขึ้นอยู่กับลักษณะของเหตุการณ์และวิธีการซื้อขาย:

1. **ข่าวเศรษฐกิจ (Economic News Trading):** เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยนักเทรดจะติดตามข่าวเศรษฐกิจสำคัญ เช่น การประกาศอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง (เช่น ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve)) หรือรายงานการจ้างงาน (เช่น Non-Farm Payrolls (NFP)) และเปิด Position ก่อนหรือหลังการประกาศข่าว โดยคาดการณ์ว่าข่าวจะส่งผลต่อราคาสินทรัพย์อย่างไร กลยุทธ์นี้มักใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ ความผันผวนที่คาดหวัง (Implied Volatility) เพื่อประเมินโอกาสในการทำกำไร 2. **ข่าวบริษัท (Corporate News Trading):** เกี่ยวข้องกับการซื้อขายตามข่าวสารเกี่ยวกับบริษัท เช่น รายงานผลประกอบการ (Earnings Report) การประกาศผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร นักเทรดจะต้องวิเคราะห์ข่าวและประเมินว่าข่าวจะส่งผลต่อราคาหุ้นของบริษัทอย่างไร 3. **เหตุการณ์ทางการเมือง (Political Event Trading):** เน้นการซื้อขายตามเหตุการณ์ทางการเมือง เช่น การเลือกตั้ง การลงประชามติ หรือการเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาล เหตุการณ์เหล่านี้มักสร้างความไม่แน่นอนและความผันผวนในตลาด 4. **Merger Arbitrage:** เป็นกลยุทธ์ที่ซับซ้อนกว่า โดยนักเทรดจะซื้อหุ้นของบริษัทเป้าหมาย (Target Company) และขายหุ้นของบริษัทผู้ซื้อ (Acquiring Company) โดยคาดหวังว่าราคาจะเข้าใกล้ราคาที่ตกลงกันไว้ในการควบรวมกิจการ 5. **Distressed Securities Trading:** เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหุ้นหรือพันธบัตรของบริษัทที่กำลังประสบปัญหาทางการเงิน นักเทรดจะพยายามทำกำไรจากสถานการณ์ที่บริษัทมีการฟื้นตัว

1. 1. เครื่องมือและแหล่งข้อมูลที่จำเป็น

ในการทำ Event Driven Trading ให้ประสบความสำเร็จ นักเทรดจำเป็นต้องมีเครื่องมือและแหล่งข้อมูลที่เหมาะสม:

**ปฏิทินเศรษฐกิจ (Economic Calendar):** แสดงกำหนดการประกาศข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญจากทั่วโลก เช่น Forex Factory หรือ Investing.com
**แหล่งข่าวสารทางการเงิน:** เช่น Reuters, Bloomberg, CNBC, และเว็บไซต์ข่าวสารทางการเงินอื่นๆ
**เครื่องมือวิเคราะห์ความผันผวน (Volatility Analysis Tools):** ช่วยในการประเมินความผันผวนที่คาดหวังของสินทรัพย์
**แพลตฟอร์มการซื้อขายที่รวดเร็วและเชื่อถือได้:** เนื่องจาก Event Driven Trading ต้องการความรวดเร็วในการตัดสินใจและดำเนินการ
**ระบบแจ้งเตือนข่าวสาร (News Alert System):** ช่วยให้ได้รับข้อมูลข่าวสารล่าสุดอย่างรวดเร็ว

1. 1. กลยุทธ์การซื้อขายไบนารี่ออปชั่นตามเหตุการณ์

ในตลาด ไบนารี่ออปชั่น (Binary Options) Event Driven Trading สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลายรูปแบบ:

**High/Low Option:** คาดการณ์ว่าราคาจะสูงกว่าหรือต่ำกว่าระดับราคาที่กำหนดภายในเวลาที่กำหนด
**Touch/No Touch Option:** คาดการณ์ว่าราคาจะสัมผัสหรือจะไม่สัมผัสระดับราคาที่กำหนดภายในเวลาที่กำหนด
**Range Option:** คาดการณ์ว่าราคาจะอยู่ในช่วงราคาที่กำหนดภายในเวลาที่กำหนด

ตัวอย่างเช่น หากนักเทรดคาดการณ์ว่าการประกาศอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางจะส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น นักเทรดอาจเลือกซื้อ High/Low Option โดยคาดการณ์ว่าราคาจะสูงกว่าระดับราคาที่กำหนดภายในเวลาที่กำหนดหลังจากการประกาศข่าว

1. 1. ความเสี่ยงและข้อควรระวัง

Event Driven Trading มีความเสี่ยงสูง เนื่องจาก:

**ความผันผวนของราคา:** ข่าวสารและเหตุการณ์ต่างๆ สามารถทำให้ราคาผันผวนอย่างรวดเร็วและรุนแรง
**Slippage:** ความแตกต่างระหว่างราคาที่คาดหวังและราคาที่ได้รับจริงในการซื้อขาย
**News Fade:** สถานการณ์ที่ราคาตอบสนองต่อข่าวสารในตอนแรก แต่หลังจากนั้นก็กลับสู่ระดับเดิม
**ความล่าช้าของข้อมูล:** ข้อมูลข่าวสารอาจมีความล่าช้า ทำให้ไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างทันท่วงที
**ความไม่แน่นอน:** ผลกระทบของเหตุการณ์ต่างๆ ต่อราคาสินทรัพย์อาจไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้

ดังนั้น นักเทรดควร:

**บริหารความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด:** กำหนดขนาดของ Position และ Stop Loss อย่างเหมาะสม
**ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด:** รับทราบข้อมูลล่าสุดและวิเคราะห์ผลกระทบอย่างรอบคอบ
**ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ที่เหมาะสม:** เช่น การวิเคราะห์ความผันผวน และการวิเคราะห์ทางเทคนิค
**ฝึกฝนและทดสอบกลยุทธ์:** ก่อนที่จะนำไปใช้ในการซื้อขายจริง
**ทำความเข้าใจกับตลาดที่ซื้อขาย:** แต่ละตลาดมีความแตกต่างกัน และมีปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาที่แตกต่างกัน

1. 1. การผสมผสานกับกลยุทธ์อื่นๆ

Event Driven Trading สามารถนำมาผสมผสานกับกลยุทธ์อื่นๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงได้ ตัวอย่างเช่น:

**Event Driven Trading + Technical Analysis:** ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อยืนยันสัญญาณที่ได้จากการวิเคราะห์เหตุการณ์
**Event Driven Trading + Sentiment Analysis:** ใช้การวิเคราะห์ความเชื่อมั่นของตลาดเพื่อประเมินทิศทางของราคา
**Event Driven Trading + Volume Analysis:** ใช้การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายเพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้ม

1. 1. ตัวอย่างตารางการวิเคราะห์เหตุการณ์

ตัวอย่างการวิเคราะห์เหตุการณ์เพื่อการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น
เหตุการณ์	สินทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง	ผลกระทบที่คาดหวัง	กลยุทธ์ไบนารี่ออปชั่น	ความเสี่ยง
การประกาศอัตราดอกเบี้ยของ Fed	USD/JPY, ทองคำ	อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น -> USD แข็งค่าขึ้น, ทองคำอ่อนค่าลง	High/Low (USD/JPY - Call), High/Low (ทองคำ - Put)	News Fade, ความผิดพลาดในการคาดการณ์
รายงาน NFP	USD/JPY, EUR/USD	การจ้างงานเพิ่มขึ้น -> USD แข็งค่าขึ้น	High/Low (USD/JPY - Call)	การปรับแก้ตัวเลขการจ้างงาน, ตลาดไม่ตอบสนองตามที่คาด
การประกาศผลประกอบการ Apple	หุ้น Apple (AAPL)	กำไรดีกว่าที่คาด -> ราคาหุ้นขึ้น	High/Low (AAPL - Call)	การขายทำกำไร, ข่าวลือที่ไม่เป็นความจริง
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ	USD/MXN, ดัชนี S&P 500	ผู้สมัครที่ตลาดชอบชนะ -> USD อ่อนค่าลง, S&P 500 ขึ้น	High/Low (USD/MXN - Put), High/Low (S&P 500 - Call)	ผลการเลือกตั้งไม่ชัดเจน, ความผันผวนสูง
แผ่นดินไหวในญี่ปุ่น	USD/JPY, หุ้นบริษัทญี่ปุ่น	เงินเยนแข็งค่าขึ้น, หุ้นบริษัทญี่ปุ่นอ่อนค่าลง	High/Low (USD/JPY - Put), High/Low (หุ้นญี่ปุ่น - Put)	ความช่วยเหลือจากต่างประเทศ, การฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

1. 1. สรุป

Event Driven Trading เป็นกลยุทธ์ที่ท้าทาย แต่ก็สามารถสร้างผลตอบแทนที่สูงได้สำหรับนักเทรดที่พร้อมจะลงทุนในการเรียนรู้และฝึกฝน การทำความเข้าใจหลักการพื้นฐาน การเลือกเครื่องมือที่เหมาะสม และการบริหารความเสี่ยงอย่างเคร่งครัดเป็นสิ่งสำคัญในการประสบความสำเร็จในกลยุทธ์นี้ นอกจากนี้ การผสมผสาน Event Driven Trading กับกลยุทธ์อื่นๆ สามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงได้

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น

Event Driven Trading

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

เข้าร่วมชุมชนของเรา

Navigation menu