Disney+

1. Disney+ : คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับผู้เริ่มต้น

Disney+ (ดิสนีย์พลัส) คือบริการสตรีมมิ่งวิดีโอตามความต้องการ (Video on Demand - VoD) ที่เปิดตัวโดย The Walt Disney Company ในเดือนพฤศจิกายน 2019 บริการนี้รวบรวมเนื้อหาจากดิสนีย์และบริษัทในเครือ ได้แก่ Pixar, Marvel, Star Wars, National Geographic และ 20th Century Studios ทำให้เป็นแหล่งรวมความบันเทิงที่หลากหลายสำหรับคนทุกเพศทุกวัย บทความนี้จะเจาะลึกทุกแง่มุมของ Disney+ ตั้งแต่เนื้อหาที่นำเสนอ รูปแบบการสมัคร ราคา ไปจนถึงข้อดีข้อเสีย และวิธีการใช้งานให้คุ้มค่าที่สุด โดยจะมีการเปรียบเทียบกับบริการสตรีมมิ่งอื่นๆ ในตลาด และให้คำแนะนำสำหรับผู้เริ่มต้น

ประวัติความเป็นมาและการเปิดตัว

ก่อนการเปิดตัวของ Disney+ ตลาดสตรีมมิ่งถูกครอบงำโดย Netflix, Amazon Prime Video และ Hulu ดิสนีย์ซึ่งเป็นผู้ผลิตภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ระดับโลก มองเห็นโอกาสในการสร้างแพลตฟอร์มของตนเองเพื่อควบคุมการจัดจำหน่ายเนื้อหาและเข้าถึงผู้ชมโดยตรง การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาบริโภคสื่อผ่านอินเทอร์เน็ตมากขึ้น

Disney+ เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2019 ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และเนเธอร์แลนด์ โดยมีจุดเด่นคือคลังเนื้อหาที่น่าดึงดูดใจ และราคาที่เข้าถึงได้ง่าย การเปิดตัวนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค และทำให้ Disney+ กลายเป็นคู่แข่งสำคัญในตลาดสตรีมมิ่งอย่างรวดเร็ว

เนื้อหาที่นำเสนอ

Disney+ มีเนื้อหาที่หลากหลายและครอบคลุมหลายประเภท โดยสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มหลักๆ ได้ดังนี้:

**ดิสนีย์:** ภาพยนตร์แอนิเมชั่นคลาสสิก เช่น *Snow White and the Seven Dwarfs* (สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด) และ *The Lion King* (สิงโตคำราม) ภาพยนตร์ไลฟ์แอคชั่น เช่น *Beauty and the Beast* (โฉมงามกับอสูร) และ *Aladdin* (อะลาดิน) และรายการโทรทัศน์ดิสนีย์ช่องต่างๆ
**Pixar:** ภาพยนตร์แอนิเมชั่นคุณภาพสูง เช่น *Toy Story* (ทอย สตอรี่) *Finding Nemo* (ฟินดิ้ง เนโม) และ *Inside Out* (มินิออน)
**Marvel:** จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล (Marvel Cinematic Universe - MCU) เต็มรูปแบบ รวมถึงซีรีส์ต้นฉบับ เช่น *WandaVision* (วันดาวิชั่น) และ *Loki* (โลกิ) ซึ่งเชื่อมโยงกับเนื้อหาในภาพยนตร์
**Star Wars:** ภาพยนตร์ทั้งหมดในแฟรนไชส์ *Star Wars* (สตาร์ วอร์ส) พร้อมทั้งซีรีส์ต้นฉบับ เช่น *The Mandalorian* (เดอะ แมนดาโลเรียน) และ *Obi-Wan Kenobi* (โอบี-วัน เคนโนบี)
**National Geographic:** สารคดีที่ครอบคลุมหลากหลายหัวข้อ เช่น สัตว์ป่า วิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม
**20th Century Studios:** ภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์จาก 20th Century Studios รวมถึงแฟรนไชส์ *Avatar* (อวตาร) และ *Die Hard* (ได ฮาร์ด)
**Disney+ Originals:** เนื้อหาที่ผลิตขึ้นเฉพาะสำหรับ Disney+ ซึ่งรวมถึงภาพยนตร์ ซีรีส์ และรายการพิเศษต่างๆ เช่น *High School Musical: The Musical: The Series* (ไฮสคูล มิวสิคอล: เดอะ มิวสิคัล: เดอะ ซีรีส์)

นอกจากนี้ Disney+ ยังมีเนื้อหาที่เหมาะสำหรับครอบครัวมากมาย รวมถึงรายการสำหรับเด็กเล็ก และสารคดีเพื่อการศึกษา

รูปแบบการสมัครและราคา

Disney+ มีรูปแบบการสมัครที่ยืดหยุ่น และราคาที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับพื้นที่และโปรโมชั่นต่างๆ โดยทั่วไปจะมีรูปแบบการสมัครดังนี้:

**Disney+ Basic:** (อาจมีโฆษณา) ราคาถูกที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าถึงเนื้อหาหลักของ Disney+
**Disney+ Standard:** (ไม่มีโฆษณา) ราคาปานกลาง ให้ประสบการณ์การรับชมที่ราบรื่นขึ้นด้วยคุณภาพของภาพและเสียงที่ดีขึ้น
**Disney+ Premium:** (ไม่มีโฆษณา) ราคาสูงสุด ให้คุณภาพของภาพและเสียงที่ดีที่สุด รวมถึงการรองรับการรับชมแบบ 4K Ultra HD และ Dolby Atmos

การสมัคร Disney+ สามารถทำได้ผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Disney+ หรือผ่านแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์ต่างๆ เช่น สมาร์ททีวี สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์

ข้อดีและข้อเสียของ Disney+

- ข้อดี:**

**คลังเนื้อหาที่แข็งแกร่ง:** Disney+ มีเนื้อหาที่หลากหลายและเป็นที่นิยมจากแฟรนไชส์ชั้นนำระดับโลก
**เนื้อหาที่เหมาะสำหรับครอบครัว:** Disney+ เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับครอบครัวที่ต้องการเนื้อหาที่ปลอดภัยและสร้างสรรค์
**คุณภาพของภาพและเสียง:** Disney+ รองรับการรับชมในคุณภาพสูง รวมถึง 4K Ultra HD และ Dolby Atmos
**ราคาที่เข้าถึงได้:** Disney+ มีราคาที่แข่งขันได้เมื่อเทียบกับบริการสตรีมมิ่งอื่นๆ
**การดาวน์โหลดเนื้อหา:** ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดเนื้อหาเพื่อรับชมแบบออฟไลน์ได้

- ข้อเสีย:**

**เนื้อหาอาจจำกัด:** เมื่อเทียบกับบริการสตรีมมิ่งบางราย Disney+ อาจมีเนื้อหาที่จำกัดกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อหาที่ไม่ใช่ของ Disney
**การเปลี่ยนแปลงราคา:** ราคาของ Disney+ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต
**การจำกัดจำนวนอุปกรณ์:** Disney+ อาจจำกัดจำนวนอุปกรณ์ที่สามารถรับชมพร้อมกันได้

การเปรียบเทียบกับบริการสตรีมมิ่งอื่นๆ

| บริการสตรีมมิ่ง | เนื้อหาหลัก | ราคา (โดยประมาณ) | ข้อดี | ข้อเสีย | |---|---|---|---|---| | **Netflix** | ภาพยนตร์ ซีรีส์ สารคดี | 300-600 บาท/เดือน | คลังเนื้อหาที่ใหญ่ที่สุด, เนื้อหาหลากหลาย | ราคาแพงกว่า, คุณภาพของภาพและเสียงอาจไม่สม่ำเสมอ | | **Amazon Prime Video** | ภาพยนตร์ ซีรีส์ สารคดี | 70-140 บาท/เดือน (รวมกับการสมัคร Amazon Prime) | ราคาถูก, บริการจัดส่งฟรีจาก Amazon | เนื้อหาอาจไม่หลากหลายเท่า Netflix | | **Hulu** | ซีรีส์ ภาพยนตร์ รายการทีวี | 10-20 ดอลลาร์สหรัฐ/เดือน | เนื้อหาสดใหม่, รายการทีวีที่ฉายทางโทรทัศน์ | มีโฆษณา (ในบางแพ็กเกจ), อาจไม่สามารถใช้งานได้ในบางประเทศ | | **Disney+** | ภาพยนตร์ Disney, Pixar, Marvel, Star Wars, National Geographic | 200-400 บาท/เดือน | เนื้อหาที่เหมาะสำหรับครอบครัว, คลังเนื้อหาจากแฟรนไชส์ชั้นนำ | เนื้อหาอาจจำกัดกว่า |

เคล็ดลับการใช้งาน Disney+ ให้คุ้มค่าที่สุด

**ใช้ประโยชน์จากช่วงทดลองใช้ฟรี:** Disney+ มักจะมีช่วงทดลองใช้ฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
**สมัครแบบรายปี:** หากคุณวางแผนที่จะใช้ Disney+ เป็นประจำ การสมัครแบบรายปีอาจช่วยประหยัดเงินได้
**ดาวน์โหลดเนื้อหา:** ดาวน์โหลดเนื้อหาที่คุณชื่นชอบเพื่อรับชมแบบออฟไลน์เมื่อไม่มีอินเทอร์เน็ต
**สร้างโปรไฟล์สำหรับสมาชิกในครอบครัว:** Disney+ อนุญาตให้สร้างโปรไฟล์สำหรับสมาชิกในครอบครัวแต่ละคน เพื่อให้แต่ละคนได้รับประสบการณ์การรับชมที่เหมาะสมกับความสนใจของตนเอง
**สำรวจเนื้อหาที่ซ่อนอยู่:** Disney+ มีเนื้อหาที่ซ่อนอยู่มากมาย เช่น ภาพเบื้องหลังการถ่ายทำ และบทสัมภาษณ์นักแสดง ลองสำรวจดูเพื่อค้นพบสิ่งใหม่ๆ
**ใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติ GroupWatch:** คุณสมบัติ GroupWatch ช่วยให้คุณรับชมภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์กับเพื่อนและครอบครัวได้พร้อมกัน แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในสถานที่เดียวกัน

การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการตลาดของ Disney+

Disney+ ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วเนื่องจากหลายปัจจัย ได้แก่:

**การตลาดที่แข็งแกร่ง:** ดิสนีย์ใช้ชื่อเสียงและฐานแฟนคลับของตนเองในการโปรโมท Disney+ อย่างเต็มที่
**การผสานรวมเนื้อหา:** การรวมเนื้อหาจากแฟรนไชส์ชั้นนำต่างๆ เข้าไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ทำให้ Disney+ มีความน่าสนใจสำหรับผู้ชมที่หลากหลาย
**การลงทุนในเนื้อหาต้นฉบับ:** การผลิตเนื้อหาต้นฉบับที่น่าสนใจ เช่น *The Mandalorian* ช่วยดึงดูดผู้ชมใหม่ๆ และรักษาฐานผู้ชมเดิมไว้
**เทคโนโลยีที่ทันสมัย:** Disney+ ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์การรับชมที่ดีที่สุด

- กลยุทธ์การตลาดที่สำคัญ:**

**Content Marketing:** การสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจเกี่ยวกับภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ของ Disney+ เพื่อดึงดูดผู้ชม
**Social Media Marketing:** การใช้โซเชียลมีเดียเพื่อโปรโมท Disney+ และสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้ชม
**Influencer Marketing:** การร่วมมือกับ Influencer เพื่อโปรโมท Disney+ ให้กับกลุ่มเป้าหมาย
**Affiliate Marketing:** การร่วมมือกับเว็บไซต์และบล็อกเกอร์เพื่อโปรโมท Disney+ และรับค่าคอมมิชชั่นจากการสมัคร

- การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Trading Volume Analysis):**

แม้ว่า Disney+ จะไม่ได้เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โดยตรง แต่ผลประกอบการของ Disney+ มีผลกระทบต่อราคาหุ้นของ The Walt Disney Company (DIS) นักลงทุนสามารถวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายหุ้น DIS เพื่อประเมินความเชื่อมั่นของตลาดต่อ Disney+ ได้ การเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขายร่วมกับการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของ Disney+ ในขณะที่การลดลงของปริมาณการซื้อขายร่วมกับการลดลงของราคาหุ้นบ่งชี้ถึงความกังวลเกี่ยวกับ Disney+

- กลยุทธ์การลงทุนที่เกี่ยวข้อง:**

**Long-Term Investing:** การลงทุนระยะยาวในหุ้น DIS โดยเชื่อมั่นในศักยภาพของ Disney+ ในระยะยาว
**Swing Trading:** การซื้อขายหุ้น DIS ในระยะสั้น โดยอาศัยการวิเคราะห์ทางเทคนิคและข่าวสารเกี่ยวกับ Disney+
**Day Trading:** การซื้อขายหุ้น DIS ในวันเดียว โดยอาศัยการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปริมาณการซื้อขาย

อนาคตของ Disney+

Disney+ มีแผนที่จะขยายเนื้อหาและบริการอย่างต่อเนื่องในอนาคต รวมถึงการเพิ่มเนื้อหาจากภูมิภาคต่างๆ และการเปิดตัวบริการสตรีมมิ่งแบบ Bundle ร่วมกับบริการอื่นๆ เช่น Hulu และ ESPN+ นอกจากนี้ Disney+ ยังมีแผนที่จะลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality (AR) เพื่อมอบประสบการณ์การรับชมที่สมจริงยิ่งขึ้น

Disney+ ยังคงเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดสตรีมมิ่ง และมีศักยภาพในการเติบโตอีกมากในอนาคต ด้วยเนื้อหาที่แข็งแกร่ง การตลาดที่ชาญฉลาด และการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ Disney+ จะยังคงเป็นแหล่งความบันเทิงที่ได้รับความนิยมสำหรับคนทั่วโลก

ดูเพิ่มเติม

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น