Chicago Mercantile Exchange (CME)
- Chicago Mercantile Exchange (CME)
Chicago Mercantile Exchange (CME) หรือ ตลาดซื้อขายล่วงหน้าชิคาโก เป็นตลาดซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและอนุพันธ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2424 (ค.ศ. 1864) เดิมชื่อ Chicago Board of Trade (CBOT) และภายหลังได้รวมกิจการกับ Chicago Mercantile Exchange (CME) ในปี พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) กลายเป็น CME Group ซึ่งปัจจุบันเป็นบริษัทแม่ของตลาดต่างๆ รวมถึง CBOT, New York Mercantile Exchange (NYMEX), Chicago Board of Options Exchange (CBOE) และอื่นๆ CME Group มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดราคาและบริหารความเสี่ยงในตลาดโลก
ประวัติความเป็นมา
จุดเริ่มต้นของ CME เกิดจากความต้องการของผู้ค้าเนื้อวัวและเนื้อหมูในชิคาโก ซึ่งต้องการระบบมาตรฐานในการซื้อขายสินค้าเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา การก่อตั้ง Chicago Board of Trade ทำให้เกิดการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures Contracts) ซึ่งเป็นข้อตกลงในการซื้อขายสินค้าในอนาคตตามราคาที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า ทำให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายสามารถล็อคราคาและลดความเสี่ยงได้
ในช่วงแรก CBOT เน้นการซื้อขายสินค้าเกษตรเป็นหลัก เช่น ข้าวโพด ข้าวสาลี และถั่วเหลือง ต่อมาได้ขยายไปยังสินค้าอื่นๆ เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ และผลิตภัณฑ์โคนม ในปี 1972 CME ก่อตั้งขึ้นเพื่อซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และดัชนีตลาดหุ้น
การรวมกิจการระหว่าง CBOT และ CME ในปี 2004 ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของตลาดอนุพันธ์ การรวมกิจการครั้งนี้ทำให้เกิดตลาดซื้อขายที่มีความหลากหลายและมีสภาพคล่องสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
โครงสร้างและการดำเนินงาน
CME Group ดำเนินงานในรูปแบบของตลาดซื้อขายอิเล็กทรอนิกส์และตลาดเปิด (Open Outcry) อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการซื้อขายส่วนใหญ่เกิดขึ้นผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ CME Globex ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายแบบออนไลน์ที่เปิดให้ผู้ซื้อขายจากทั่วโลกสามารถเข้าถึงได้ตลอด 24 ชั่วโมง
โครงสร้างของ CME Group ประกอบด้วย:
- ตลาดซื้อขายล่วงหน้า (Futures Markets): เป็นตลาดหลักของ CME Group ที่มีการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในหลากหลายประเภทสินทรัพย์
- ตลาดออปชั่น (Options Markets): เป็นตลาดที่ซื้อขายสัญญาออปชั่น ซึ่งให้สิทธิแต่ไม่บังคับให้ผู้ถือสัญญาซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนดไว้
- ตลาดแลกเปลี่ยน (Clearinghouse): CME Clearing เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการชำระราคาและรับประกันการปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและออปชั่น
- ตลาดรายงาน (Reporting Markets): ตลาดที่รายงานข้อมูลการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและออปชั่น
สินทรัพย์ที่ซื้อขายใน CME
CME Group นำเสนอสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและออปชั่นในหลากหลายประเภทสินทรัพย์ ได้แก่:
- สินค้าเกษตร (Agricultural Commodities): ข้าวโพด ข้าวสาลี ถั่วเหลือง ข้าว อ้อย กาแฟ โกโก้
- พลังงาน (Energy): น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันเบนซิน
- โลหะ (Metals): ทองคำ เงิน ทองแดง
- อัตราดอกเบี้ย (Interest Rates): พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ Eurodollar
- ดัชนีตลาดหุ้น (Equity Indexes): S&P 500 NASDAQ 100
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Foreign Exchange): ยูโร ปอนด์ญี่ปุ่น เยน
- อสังหาริมทรัพย์ (Real Estate): ดัชนีราคาบ้าน
สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures Contracts)
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นข้อตกลงมาตรฐานในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิงในวันที่และราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ผู้ซื้อสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีภาระผูกพันในการซื้อสินทรัพย์อ้างอิงในวันที่ครบกำหนด ในขณะที่ผู้ขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีภาระผูกพันในการขายสินทรัพย์อ้างอิง
ลักษณะสำคัญของสัญญาซื้อขายล่วงหน้า:
- ขนาดสัญญา (Contract Size): ปริมาณของสินทรัพย์อ้างอิงที่กำหนดไว้ในสัญญาหนึ่ง
- เดือนครบกำหนด (Expiration Date): วันที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าหมดอายุ
- ราคาเสนอซื้อ/เสนอขาย (Bid/Ask Price): ราคาที่ผู้ซื้อและผู้ขายยินดีที่จะซื้อขาย
- หลักประกัน (Margin): จำนวนเงินที่ผู้ซื้อขายต้องฝากไว้กับโบรกเกอร์เพื่อเป็นหลักประกันในการปฏิบัติตามสัญญา
สัญญาออปชั่น (Options Contracts)
สัญญาออปชั่นให้สิทธิแต่ไม่บังคับให้ผู้ถือสัญญาซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนดไว้ (ราคาใช้สิทธิ) ภายในวันที่หรือก่อนวันที่กำหนดไว้
ประเภทของสัญญาออปชั่น:
- Call Option (สิทธิในการซื้อ): ให้สิทธิแก่ผู้ถือในการซื้อสินทรัพย์อ้างอิงในราคาใช้สิทธิ
- Put Option (สิทธิในการขาย): ให้สิทธิแก่ผู้ถือในการขายสินทรัพย์อ้างอิงในราคาใช้สิทธิ
การวิเคราะห์ตลาด CME
การวิเคราะห์ตลาด CME มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนและผู้ค้าที่ต้องการทำกำไรจากความผันผวนของราคา การวิเคราะห์สามารถแบ่งออกเป็น:
- การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis): การวิเคราะห์ปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมือง และอุปสงค์อุปทานที่ส่งผลต่อราคาสินทรัพย์อ้างอิง เช่น สภาพอากาศที่ส่งผลต่อผลผลิตทางการเกษตร หรือความตึงเครียดทางการเมืองที่ส่งผลต่อราคาน้ำมัน
- การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis): การวิเคราะห์รูปแบบราคาและปริมาณการซื้อขายในอดีตเพื่อคาดการณ์แนวโน้มราคาในอนาคต การวิเคราะห์แท่งเทียน เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ Bollinger Bands RSI (Relative Strength Index) MACD (Moving Average Convergence Divergence)
- การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis): การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายเพื่อยืนยันแนวโน้มราคาและระบุสัญญาณการกลับตัว On Balance Volume (OBV) Accumulation/Distribution Line
- การวิเคราะห์ Sentiment (Sentiment Analysis): การวัดความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อตลาด VIX (Volatility Index) Put/Call Ratio
CME กับ ไบนารี่ออปชั่น
แม้ว่า CME จะเป็นตลาดซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและออปชั่น แต่ข้อมูลจาก CME สามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์และเทรด ไบนารี่ออปชั่น ได้ ตัวอย่างเช่น:
- การใช้ดัชนี S&P 500 (S&P 500 Index): สัญญาซื้อขายล่วงหน้าและออปชั่นบนดัชนี S&P 500 ที่ CME สามารถใช้เป็นสินทรัพย์อ้างอิงในการเทรดไบนารี่ออปชั่นได้
- การใช้ราคาน้ำมันดิบ (Crude Oil Price): ข้อมูลราคาน้ำมันดิบจาก NYMEX (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ CME Group) สามารถใช้ในการวิเคราะห์และเทรดไบนารี่ออปชั่นที่เกี่ยวข้องกับราคาน้ำมัน
- การใช้ความผันผวน (Volatility): ดัชนี VIX ที่ CME เป็นตัวชี้วัดความผันผวนของตลาดหุ้น ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการประเมินความเสี่ยงและโอกาสในการเทรดไบนารี่ออปชั่น
กลยุทธ์การเทรดที่เกี่ยวข้อง
- Trend Following (Trend Following Strategy): เทรดตามแนวโน้มราคาที่แข็งแกร่ง
- Breakout Trading (Breakout Trading Strategy): เทรดเมื่อราคาทะลุแนวต้านหรือแนวรับสำคัญ
- Mean Reversion (Mean Reversion Strategy): เทรดเมื่อราคามีการเบี่ยงเบนออกจากค่าเฉลี่ย
- News Trading (News Trading Strategy): เทรดตามข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อตลาด
- Option Straddle (Option Straddle Strategy): ซื้อทั้ง Call Option และ Put Option เพื่อทำกำไรจากความผันผวนของราคา
- Iron Condor (Iron Condor Strategy): กลยุทธ์ออปชั่นที่ใช้ประโยชน์จากช่วงราคาที่แคบ
- Hedging (Hedging Strategy): ใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือออปชั่นเพื่อลดความเสี่ยง
ข้อควรระวังในการเทรด CME และ ไบนารี่ออปชั่น
- ความเสี่ยงสูง (High Risk): ตลาดอนุพันธ์มีความผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง ผู้เทรดควรมีความเข้าใจในความเสี่ยงและบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
- การใช้ Leverage (Leverage): สัญญาซื้อขายล่วงหน้าและออปชั่นมีการใช้ Leverage ซึ่งสามารถเพิ่มผลกำไรและผลขาดทุนได้อย่างมาก
- ค่าธรรมเนียม (Fees): การซื้อขายในตลาด CME มีค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ผู้เทรดควรทำความเข้าใจค่าธรรมเนียมเหล่านี้ก่อนทำการซื้อขาย
- ความรู้และความเข้าใจ (Knowledge and Understanding): ผู้เทรดควรมีความรู้และความเข้าใจในตลาดอนุพันธ์และกลยุทธ์การเทรดต่างๆ ก่อนทำการซื้อขาย
สรุป
Chicago Mercantile Exchange (CME) เป็นตลาดซื้อขายอนุพันธ์ที่สำคัญและมีอิทธิพลต่อตลาดโลก CME นำเสนอสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและออปชั่นในหลากหลายประเภทสินทรัพย์ และข้อมูลจาก CME สามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์และเทรดไบนารี่ออปชั่นได้ อย่างไรก็ตาม ผู้เทรดควรมีความเข้าใจในความเสี่ยงและบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสมก่อนทำการซื้อขาย
การบริหารความเสี่ยง การวางแผนการเทรด จิตวิทยาการเทรด การเลือกโบรกเกอร์ การจัดการเงินทุน
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น
