Charles Darwin

ชาร์ลส์ ดาร์วิน

center|300px|ชาร์ลส์ ดาร์วิน ภาพถ่ายโดย Julia Margaret Cameron, 1882

ชาร์ลส์ โรเบิร์ต ดาร์วิน (Charles Robert Darwin) (12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1809 – 19 เมษายน ค.ศ. 1882) เป็นนักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษ ผู้เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดจากการพัฒนา ทฤษฎีวิวัฒนาการ โดยการคัดเลือกโดยธรรมชาติ (natural selection) ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือ *On the Origin of Species* (1859) ทฤษฎีนี้อธิบายว่าสิ่งมีชีวิตเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาผ่านกระบวนการที่สืบทอดลักษณะทางพันธุกรรม และการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ดาร์วินไม่ได้เป็นคนแรกที่เสนอแนวคิดเรื่องวิวัฒนาการ แต่เขานำเสนอหลักฐานที่ครอบคลุมและกลไกที่น่าเชื่อถือ ซึ่งปฏิวัติความเข้าใจของเราเกี่ยวกับชีวิตบนโลก

ชีวิตช่วงต้นและการศึกษา

ชาร์ลส์ ดาร์วิน เกิดที่เมือง เชรวส์บิวรี ประเทศอังกฤษ ในครอบครัวที่มีฐานะดีและมีความสนใจทางวิทยาศาสตร์ บิดาของเขา โรเบิร์ต ดาร์วิน เป็นแพทย์ และมารดาของเขา ซูซานนา ดาร์วิน เป็นลูกสาวของ Josiah Wedgwood นักธุรกิจเครื่องปั้นดินเผาที่มีชื่อเสียง ดาร์วินแสดงความสนใจในธรรมชาติตั้งแต่เด็ก ชอบเก็บรวบรวมแมลงและพืช

ดาร์วินเข้าศึกษาที่ มหาวิทยาลัยเอดินบะระ เพื่อศึกษาแพทย์ตามความคาดหวังของบิดา แต่เขาไม่ชอบการผ่าตัดและไม่ประสบความสำเร็จในการศึกษาแพทย์ ต่อมาเขาได้เข้าศึกษาที่ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เพื่อเตรียมตัวเป็นบาทหลวงแองกลิกัน อย่างไรก็ตาม เขายังคงมีความสนใจในธรรมชาติวิทยาและได้รับการสนับสนุนจากศาสตราจารย์ John Stevens Henslow ซึ่งได้แนะนำให้เขาเข้าร่วมการเดินทางสำรวจทางทะเลกับเรือ HMS Beagle

การเดินทางบนเรือ HMS Beagle

ปี ค.ศ. 1831 ดาร์วินได้เข้าร่วมการเดินทางสำรวจทางทะเลรอบโลกกับเรือ HMS Beagle เป็นระยะเวลา 5 ปี การเดินทางครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาทฤษฎีวิวัฒนาการของเขา ดาร์วินได้สังเกตและเก็บรวบรวมตัวอย่างพืช สัตว์ และฟอสซิลจากสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสังเกตความหลากหลายของนกฟินช์ (finches) บน หมู่เกาะกาลาปากอส เป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการพัฒนาแนวคิดเรื่องการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

ระหว่างการเดินทาง ดาร์วินได้อ่านงานเขียนของ โทมัส มัลทัส นักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษ ซึ่งเสนอแนวคิดเกี่ยวกับประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเกินกว่าทรัพยากรที่มีอยู่ ดาร์วินนำแนวคิดนี้มาประยุกต์ใช้กับสิ่งมีชีวิต โดยเสนอว่าสิ่งมีชีวิตมีการแข่งขันเพื่อความอยู่รอด และสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะที่เหมาะสมที่สุดเท่านั้นที่จะสามารถอยู่รอดและสืบพันธุ์ได้

การพัฒนากระบวนการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

หลังจากกลับจากเดินทางสำรวจ ดาร์วินใช้เวลาหลายปีในการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลที่เขาเก็บรวบรวมได้ เขาเริ่มพัฒนาแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการโดยการคัดเลือกโดยธรรมชาติ โดยเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาผ่านกระบวนการที่คล้ายคลึงกับการผสมพันธุ์เลือกสรร (artificial selection) ที่มนุษย์ใช้ในการปรับปรุงพันธุ์สัตว์และพืช

หลักการสำคัญของทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ ได้แก่:

• ความแปรปรวน (Variation): สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดมีความแตกต่างกันในด้านลักษณะทางพันธุกรรม
• การสืบทอด (Inheritance): ลักษณะทางพันธุกรรมสามารถถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้
• การคัดเลือก (Selection): สิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะที่เหมาะสมที่สุดในสภาพแวดล้อมนั้นๆ จะมีโอกาสรอดชีวิตและสืบพันธุ์ได้มากกว่า
• การปรับตัว (Adaptation): ลักษณะที่เหมาะสมที่สุดจะถูกส่งต่อไปยังรุ่นต่อไป ทำให้สิ่งมีชีวิตมีการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม

การตีพิมพ์ *On the Origin of Species*

แม้ว่าดาร์วินจะพัฒนาทฤษฎีวิวัฒนาการมาหลายปี แต่เขาก็ลังเลที่จะเผยแพร่ผลงานของเขา เนื่องจากกลัวว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม อย่างไรก็ตาม เมื่อ Alfred Russel Wallace นักธรรมชาติวิทยาคนอื่นๆ ได้พัฒนาแนวคิดที่คล้ายคลึงกันอย่างอิสระ ดาร์วินจึงตัดสินใจที่จะนำเสนอผลงานของเขาต่อสาธารณชน

ในปี ค.ศ. 1859 ดาร์วินได้ตีพิมพ์หนังสือ *On the Origin of Species* ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติทางความคิดในด้านชีววิทยา หนังสือเล่มนี้เสนอหลักฐานที่แข็งแกร่งสนับสนุนทฤษฎีวิวัฒนาการ และอธิบายกลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติอย่างละเอียด

ผลกระทบและมรดก

ทฤษฎีวิวัฒนาการของดาร์วินได้รับการตอบรับอย่างหลากหลายในช่วงแรก บางคนยอมรับและสนับสนุนทฤษฎีนี้ ในขณะที่บางคนวิพากษ์วิจารณ์และต่อต้านอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม ในที่สุดทฤษฎีวิวัฒนาการก็ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการวิทยาศาสตร์ และกลายเป็นรากฐานสำคัญของชีววิทยา

ผลงานของดาร์วินมีอิทธิพลอย่างมากต่อสาขาวิชาอื่นๆ เช่น พันธุศาสตร์ นิเวศวิทยา และ มานุษยวิทยา ทฤษฎีวิวัฒนาการยังช่วยให้เราเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตต่างๆ และความหลากหลายทางชีวภาพบนโลก

งานเขียนอื่นๆ

นอกเหนือจาก *On the Origin of Species* แล้ว ดาร์วินยังได้เขียนหนังสืออื่นๆ อีกหลายเล่มที่สำคัญ ได้แก่:

• The Descent of Man, and Selection in Relation to Sex (1871): หนังสือเล่มนี้อธิบายถึงวิวัฒนาการของมนุษย์ และการคัดเลือกทางเพศ
• The Expression of the Emotions in Man and Animals (1872): หนังสือเล่มนี้ศึกษาเกี่ยวกับความรู้สึกและพฤติกรรมทางอารมณ์ของมนุษย์และสัตว์
• The Formation of Vegetable Mould through the Action of Worms, with Observations on Their Habits (1881): หนังสือเล่มนี้ศึกษาเกี่ยวกับบทบาทของไส้เดือนดินในการปรับปรุงดิน

การเปรียบเทียบกับกลยุทธ์การลงทุนไบนารี่ออปชั่น

แม้ว่าชาร์ลส์ ดาร์วิน จะเป็นนักวิทยาศาสตร์ แต่แนวคิดของการคัดเลือกโดยธรรมชาติสามารถนำมาเปรียบเทียบกับการลงทุนใน ไบนารี่ออปชั่น ได้ในบางแง่มุม

• การปรับตัว (Adaptation): เช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตที่ต้องปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม นักลงทุนไบนารี่ออปชั่นต้องปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เข้ากับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป การใช้ ตัวชี้วัดทางเทคนิค (Technical Indicators) เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) หรือ ดัชนีความสัมพันธ์สัมพัทธ์ (Relative Strength Index - RSI) เป็นการปรับตัวเพื่อวิเคราะห์แนวโน้ม
• ความแปรปรวน (Variation): ในตลาดไบนารี่ออปชั่น มีตัวเลือกในการลงทุนที่หลากหลาย (สินทรัพย์, ระยะเวลา, จำนวนเงิน) นักลงทุนต้องเลือกตัวเลือกที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้และความคาดหวังผลตอบแทน
• การคัดเลือก (Selection): นักลงทุนต้องคัดเลือก กลยุทธ์การซื้อขาย (Trading Strategies) ที่มีโอกาสประสบความสำเร็จสูงสุด โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น แนวโน้มตลาด รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns) และข่าวสารสำคัญ
• การอยู่รอด (Survival): นักลงทุนที่สามารถปรับตัวและคัดเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมได้ จะมีโอกาสอยู่รอดและทำกำไรในตลาดไบนารี่ออปชั่นได้ในระยะยาว การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) เป็นสิ่งสำคัญในการอยู่รอด เช่น การใช้ขนาดการลงทุนที่เหมาะสม (Position Sizing) และการตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop-Loss)
• การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis): การศึกษา แนวโน้ม (Trends) และ รูปแบบกราฟ (Chart Patterns) เป็นการวิเคราะห์เพื่อหาโอกาสในการลงทุน เช่น การใช้ เส้นแนวรับแนวต้าน (Support and Resistance)
• การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis): การสังเกตปริมาณการซื้อขายเพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้ม
• กลยุทธ์การเทรด (Trading Strategies): เช่น กลยุทธ์ Martingale, กลยุทธ์ Anti-Martingale, กลยุทธ์ High/Low, กลยุทธ์ Touch/No Touch

เช่นเดียวกับวิวัฒนาการที่สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นที่จะอยู่รอด นักลงทุนที่สามารถปรับตัวและใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมเท่านั้นที่จะประสบความสำเร็จในตลาดไบนารี่ออปชั่น

ตัวอย่างกลยุทธ์ไบนารี่ออปชั่นที่เกี่ยวข้อง

กลยุทธ์	คำอธิบาย
Martingale	เพิ่มขนาดการลงทุนเป็นสองเท่าหลังจากขาดทุน แต่มีความเสี่ยงสูง
Anti-Martingale	เพิ่มขนาดการลงทุนเป็นสองเท่าหลังจากทำกำไร
High/Low	คาดการณ์ว่าราคาจะสูงกว่าหรือต่ำกว่าระดับที่กำหนดภายในระยะเวลาที่กำหนด
Touch/No Touch	คาดการณ์ว่าราคาจะสัมผัสหรือจะไม่สัมผัสระดับที่กำหนดภายในระยะเวลาที่กำหนด
Range Trading	ซื้อหรือขายเมื่อราคาเข้าใกล้ขอบบนหรือขอบล่างของช่วงราคา
Trend Following	ซื้อเมื่อราคาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น และขายเมื่อราคาอยู่ในแนวโน้มขาลง

สรุป

ชาร์ลส์ ดาร์วิน เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ ทฤษฎีวิวัฒนาการของเขามีอิทธิพลอย่างมากต่อความเข้าใจของเราเกี่ยวกับชีวิตบนโลก และยังคงเป็นรากฐานสำคัญของชีววิทยาในปัจจุบัน แม้ว่างานของเขาจะเกี่ยวข้องกับชีววิทยา แต่แนวคิดพื้นฐานของการปรับตัว การคัดเลือก และการอยู่รอด สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการอธิบายปรากฏการณ์ต่างๆ ในสาขาอื่นๆ ได้ รวมถึงการลงทุนในตลาดไบนารี่ออปชั่น

ทฤษฎีวิวัฒนาการ การคัดเลือกโดยธรรมชาติ หมู่เกาะกาลาปากอส พันธุศาสตร์ นิเวศวิทยา มานุษยวิทยา On the Origin of Species Alfred Russel Wallace โทมัส มัลทัส ตัวชี้วัดทางเทคนิค กลยุทธ์การซื้อขาย รูปแบบแท่งเทียน แนวโน้ม รูปแบบกราฟ เส้นแนวรับแนวต้าน การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย การบริหารความเสี่ยง ไบนารี่ออปชั่น ขนาดการลงทุน จุดตัดขาดทุน

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น