Calendar Spread Trading

1. 1. Calendar Spread Trading

Calendar Spread Trading เป็นกลยุทธ์การซื้อขาย ออปชั่น ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อและขายออปชั่นเดียวกันที่มีวันหมดอายุต่างกัน แต่มีราคาใช้สิทธิ (Strike Price) เดียวกัน กลยุทธ์นี้มักถูกใช้เมื่อเทรดเดอร์คาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะเคลื่อนไหวในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง แต่ไม่แน่ใจว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด โดยมีเป้าหมายเพื่อทำกำไรจากความแตกต่างของราคาออปชั่นที่มีวันหมดอายุต่างกัน

1. 1. 1. หลักการพื้นฐานของ Calendar Spread

Calendar Spread เป็นกลยุทธ์ที่ถือเป็น Neutral Strategy หรือกลยุทธ์ที่เป็นกลาง คือ ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การคาดการณ์ทิศทางราคาที่ชัดเจน แต่เน้นไปที่การคาดการณ์ความผันผวนของราคา (Volatility) และการเปลี่ยนแปลงของ Time Decay หรือการลดลงของมูลค่าออปชั่นเมื่อเข้าใกล้ วันหมดอายุ

กลไกหลักของ Calendar Spread คือการซื้อออปชั่นที่มีวันหมดอายุยาวกว่า (Long-Dated Option) และขายออปชั่นที่มีวันหมดอายุสั้นกว่า (Short-Dated Option) โดยทั้งสองออปชั่นมีราคาใช้สิทธิเดียวกัน สิ่งนี้สร้างสถานะที่ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของ Time Decay ที่แตกต่างกันระหว่างออปชั่นทั้งสอง

• **Long-Dated Option (ออปชั่นวันหมดอายุยาว):** ออปชั่นนี้จะได้รับประโยชน์จาก Time Decay ที่ช้ากว่า เนื่องจากยังมีเวลาเหลืออีกมากก่อนถึงวันหมดอายุ
• **Short-Dated Option (ออปชั่นวันหมดอายุสั้น):** ออปชั่นนี้จะได้รับผลกระทบจาก Time Decay ที่เร็วกว่า เนื่องจากมีเวลาเหลือน้อยกว่า

เมื่อออปชั่นระยะสั้นหมดอายุไป มูลค่าที่ลดลงจากการ Time Decay จะถูกชดเชยด้วยมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของออปชั่นระยะยาว ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ออปชั่นระยะยาวเหลือเวลาในการหมดอายุมากขึ้น

1. 1. 1. ประเภทของ Calendar Spread

Calendar Spread แบ่งออกเป็นสองประเภทหลักๆ คือ:

1. **Call Calendar Spread:** ประกอบด้วยการซื้อ Call Option ที่มีวันหมดอายุยาวกว่า และขาย Call Option ที่มีวันหมดอายุสั้นกว่า โดยมีราคาใช้สิทธิเดียวกัน กลยุทธ์นี้จะทำกำไรได้หากราคาของสินทรัพย์อ้างอิงไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก หรือเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ 2. **Put Calendar Spread:** ประกอบด้วยการซื้อ Put Option ที่มีวันหมดอายุยาวกว่า และขาย Put Option ที่มีวันหมดอายุสั้นกว่า โดยมีราคาใช้สิทธิเดียวกัน กลยุทธ์นี้จะทำกำไรได้หากราคาของสินทรัพย์อ้างอิงไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก หรือเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เช่นเดียวกับ Call Calendar Spread

1. 1. 1. การสร้าง Calendar Spread: ขั้นตอนโดยละเอียด

1. **เลือกสินทรัพย์อ้างอิง:** เลือกสินทรัพย์ที่คุณมีความเข้าใจและสามารถวิเคราะห์แนวโน้มราคาได้ 2. **เลือกราคาใช้สิทธิ (Strike Price):** เลือกระดับราคาใช้สิทธิที่เหมาะสมกับมุมมองของคุณเกี่ยวกับราคาของสินทรัพย์อ้างอิง โดยทั่วไปจะเลือกราคาใช้สิทธิที่ใกล้เคียงกับราคาตลาดปัจจุบัน (At-the-Money) 3. **เลือกวันหมดอายุ:** เลือกวันหมดอายุที่เหมาะสมสำหรับออปชั่นทั้งสอง โดยทั่วไปจะเลือกออปชั่นระยะสั้นที่มีวันหมดอายุใกล้เคียง และออปชั่นระยะยาวที่มีวันหมดอายุห่างออกไปอีกหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน 4. **ซื้อออปชั่นระยะยาว:** ซื้อออปชั่น (Call หรือ Put) ที่มีวันหมดอายุยาวกว่า 5. **ขายออปชั่นระยะสั้น:** ขายออปชั่น (Call หรือ Put) ที่มีวันหมดอายุสั้นกว่า โดยมีราคาใช้สิทธิเดียวกัน 6. **ติดตามและปรับปรุง:** ติดตามสถานะของคุณอย่างใกล้ชิด และปรับปรุงกลยุทธ์ตามความจำเป็น

1. 1. 1. ตัวอย่างการซื้อขาย Calendar Spread

สมมติว่าคุณเชื่อว่าหุ้น XYZ จะเคลื่อนไหวในกรอบราคาแคบๆ ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า คุณสามารถใช้ Put Calendar Spread เพื่อทำกำไรได้ดังนี้:

• ซื้อ Put Option ที่มีราคาใช้สิทธิ 50 บาท และวันหมดอายุอีก 2 เดือนข้างหน้า ด้วยราคา 3 บาทต่อหุ้น
• ขาย Put Option ที่มีราคาใช้สิทธิ 50 บาท และวันหมดอายุอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า ด้วยราคา 1 บาทต่อหุ้น

ต้นทุนสุทธิของ Calendar Spread นี้คือ 2 บาทต่อหุ้น (3 บาท - 1 บาท)

หากราคาหุ้น XYZ ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก หรือเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า Put Option ระยะสั้นจะหมดอายุโดยไม่มีมูลค่า และคุณจะได้รับกำไรจาก Time Decay ของออปชั่นนั้น อย่างไรก็ตาม หากราคาหุ้น XYZ ลดลงอย่างมาก Put Option ระยะยาวจะได้รับประโยชน์จากการลดลงของราคาหุ้น และคุณจะได้รับกำไรเพิ่มขึ้น

1. 1. 1. ปัจจัยที่มีผลต่อราคา Calendar Spread

• **Time Decay (Theta):** เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อราคา Calendar Spread เนื่องจากกลยุทธ์นี้อาศัยความแตกต่างของ Time Decay ระหว่างออปชั่นทั้งสอง
• **Implied Volatility (IV):** การเปลี่ยนแปลงของ Implied Volatility สามารถส่งผลกระทบต่อราคา Calendar Spread ได้เช่นกัน โดยทั่วไปแล้ว การเพิ่มขึ้นของ IV จะเป็นประโยชน์ต่อออปชั่นระยะยาว และเป็นผลเสียต่อออปชั่นระยะสั้น
• **ราคาของสินทรัพย์อ้างอิง:** การเปลี่ยนแปลงของราคาของสินทรัพย์อ้างอิงสามารถส่งผลกระทบต่อราคา Calendar Spread ได้เช่นกัน แต่ผลกระทบจะน้อยกว่า Time Decay และ Implied Volatility
• **อัตราดอกเบี้ย:** การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยสามารถส่งผลกระทบต่อราคาออปชั่นได้เช่นกัน แต่ผลกระทบจะน้อยมาก

1. 1. 1. ข้อดีและข้อเสียของ Calendar Spread

| ข้อดี | ข้อเสีย | | :------------------------------------- | :------------------------------------- | | จำกัดความเสี่ยง | กำไรที่จำกัด | | ได้ประโยชน์จาก Time Decay | ต้องมีการจัดการสถานะอย่างใกล้ชิด | | เหมาะสำหรับตลาดที่ผันผวนต่ำ | อาจต้องใช้เงินทุนจำนวนมากในการเริ่มต้น | | สามารถปรับปรุงได้ตามสถานการณ์ตลาด | ความซับซ้อนในการทำความเข้าใจ |

1. 1. 1. การจัดการความเสี่ยงใน Calendar Spread

• **กำหนดจุด Stop-Loss:** กำหนดจุด Stop-Loss เพื่อจำกัดความเสียหายหากราคาของสินทรัพย์อ้างอิงเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ไม่คาดคิด
• **ติดตามสถานะอย่างใกล้ชิด:** ติดตามสถานะของคุณอย่างใกล้ชิด และปรับปรุงกลยุทธ์ตามความจำเป็น
• **กระจายความเสี่ยง:** กระจายความเสี่ยงโดยการซื้อขาย Calendar Spread ในสินทรัพย์อ้างอิงที่หลากหลาย
• **ทำความเข้าใจ Implied Volatility:** ทำความเข้าใจ Implied Volatility และผลกระทบต่อราคา Calendar Spread

1. 1. 1. กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง

• **Iron Condor:** กลยุทธ์ที่รวม Call และ Put Options เข้าด้วยกัน เพื่อทำกำไรจากตลาดที่ผันผวนต่ำ Iron Condor
• **Butterfly Spread:** กลยุทธ์ที่ใช้ Call หรือ Put Options 3 ตัว ที่มีราคาใช้สิทธิที่แตกต่างกัน เพื่อทำกำไรจากตลาดที่คาดว่าจะไม่เคลื่อนไหวมากนัก Butterfly Spread
• **Straddle:** กลยุทธ์ที่ซื้อ Call และ Put Options พร้อมกัน โดยมีราคาใช้สิทธิและวันหมดอายุเดียวกัน Straddle
• **Strangle:** คล้ายกับ Straddle แต่ใช้ Call และ Put Options ที่มีราคาใช้สิทธิที่แตกต่างกัน Strangle
• **Covered Call:** กลยุทธ์ที่ขาย Call Option บนหุ้นที่คุณถืออยู่ Covered Call

1. 1. 1. การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย

การใช้ การวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่น Moving Averages, Relative Strength Index (RSI), และ Bollinger Bands สามารถช่วยระบุแนวโน้มราคาและระดับแนวรับแนวต้านที่สำคัญได้ การวิเคราะห์ ปริมาณการซื้อขาย (Volume) สามารถช่วยยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้ม และระบุสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้ม

1. 1. 1. แนวโน้มและสัญญาณการซื้อขาย

• **แนวโน้ม:** การระบุแนวโน้มของราคาเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจว่าจะใช้ Call หรือ Put Calendar Spread
• **สัญญาณการซื้อขาย:** สัญญาณการซื้อขายสามารถมาจาก รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns), Fibonacci Retracements, และ Elliott Wave Theory

1. 1. 1. การใช้ตัวชี้วัด (Indicators)

• **MACD (Moving Average Convergence Divergence):** ใช้เพื่อระบุแนวโน้มและโมเมนตัมของราคา
• **Stochastic Oscillator:** ใช้เพื่อระบุสภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) และขายมากเกินไป (Oversold)
• **ATR (Average True Range):** ใช้เพื่อวัดความผันผวนของราคา

1. 1. 1. การประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทน

การประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทนเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจว่าจะใช้ Calendar Spread หรือไม่ คุณควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ต้นทุนสุทธิ, จุด Break-Even, และความเสี่ยงสูงสุด

1. 1. 1. สรุป

Calendar Spread Trading เป็นกลยุทธ์ที่ซับซ้อน แต่สามารถทำกำไรได้ในตลาดที่ผันผวนต่ำ หากคุณเข้าใจหลักการพื้นฐานและปัจจัยที่มีผลต่อราคา คุณสามารถใช้กลยุทธ์นี้เพื่อเพิ่มผลตอบแทนจากการซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น ได้

Calendar Spread Summary

Strategy	Description	Risk	Reward	Market Condition
Call Calendar Spread	Buy long-dated call, sell short-dated call	Limited	Limited	Neutral to slightly bullish
Put Calendar Spread	Buy long-dated put, sell short-dated put	Limited	Limited	Neutral to slightly bearish

(Category:Options Trading Strategies)

การซื้อขายไบนารี่ออปชั่น กลยุทธ์การลงทุน การบริหารความเสี่ยง การวิเคราะห์ตลาด การวิเคราะห์ทางเทคนิค การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน Time Decay Implied Volatility Strike Price วันหมดอายุ ออปชั่น Call Option Put Option Neutral Strategy Iron Condor Butterfly Spread Straddle Strangle Covered Call Moving Averages Relative Strength Index (RSI) Bollinger Bands ปริมาณการซื้อขาย รูปแบบแท่งเทียน Fibonacci Retracements Elliott Wave Theory MACD (Moving Average Convergence Divergence) Stochastic Oscillator ATR (Average True Range) การประเมินความเสี่ยง การประเมินผลตอบแทน

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น