โยฮันเนส เคปเลอร์
- โยฮันเนส เคปเลอร์
โยฮันเนส เคปเลอร์ (Johannes Kepler, 27 ธันวาคม ค.ศ. 1571 – 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 1630) เป็นนักดาราศาสตร์ นักคณิตศาสตร์ นักโหราศาสตร์ และ นักเขียน ชาวเยอรมัน ผู้ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญในการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Revolution) เคปเลอร์เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดจากการค้นพบ กฎการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ ซึ่งอธิบายได้อย่างแม่นยำถึงการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ กฎเหล่านี้เป็นพื้นฐานของ ฟิสิกส์ดาราศาสตร์ ในเวลาต่อมา และเป็นแรงบันดาลใจให้ ไอแซก นิวตัน พัฒนา กฎแรงโน้มถ่วงสากล
ชีวิตช่วงต้นและการศึกษา
โยฮันเนส เคปเลอร์ เกิดที่เมืองไวล์เดอร์สแตดท์ (Wilderstadt) ในจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (Holy Roman Empire) บิดาของเขาเป็นทหารรับจ้างที่ยากจน และแม่ของเขาเป็นหญิงที่มีความรู้ด้านสมุนไพรและการรักษาโรค เคปเลอร์มีสุขภาพไม่แข็งแรงในวัยเด็ก แต่มีความสามารถทางวิชาการที่โดดเด่น เขาเข้าศึกษาที่ มหาวิทยาลัยทูบิงเกน (University of Tübingen) ในปี ค.ศ. 1589 โดยตั้งใจจะศึกษา เทววิทยา (Theology) แต่เขาก็สนใจใน ดาราศาสตร์ และ คณิตศาสตร์ มากกว่า
ภายใต้การสอนของ ไมเคิล เมสท์ลิน (Michael Mästlin) อาจารย์ด้านดาราศาสตร์ เคปเลอร์ได้เรียนรู้เกี่ยวกับทฤษฎี ศูนย์กลางจักรวาล (Heliocentrism) ของ นิโคลัส โคเปอร์นิคัส (Nicolaus Copernicus) ซึ่งขัดแย้งกับทฤษฎี ศูนย์กลางโลก (Geocentrism) ที่เป็นที่ยอมรับกันในเวลานั้น เคปเลอร์เชื่อมั่นในทฤษฎีของโคเปอร์นิคัส และเริ่มพัฒนาแนวคิดของตนเองเกี่ยวกับจักรวาล
การทำงานที่กราซ และการค้นพบกฎข้อแรก
ในปี ค.ศ. 1594 เคปเลอร์ได้รับตำแหน่งอาจารย์สอนคณิตศาสตร์ที่ มหาวิทยาลัยกราซ (University of Graz) ในออสเตรีย ที่กราซ เขาเริ่มทำงานเกี่ยวกับทฤษฎีของดาวอังคาร โดยพยายามที่จะหาแบบจำลองทางเรขาคณิตที่สามารถอธิบายการเคลื่อนที่ของดาวอังคารได้อย่างแม่นยำ
เคปเลอร์ใช้ข้อมูลการสังเกตการณ์ดาวอังคารที่เก็บรวบรวมโดย ทีโค บราเฮ (Tycho Brahe) นักดาราศาสตร์ชาวเดนมาร์กผู้มีชื่อเสียง ทีโค บราเฮ เป็นที่รู้จักกันดีจากการสังเกตการณ์ที่แม่นยำที่สุดในยุคนั้น แม้ว่าทีโค บราเฮ จะไม่ยอมรับทฤษฎีศูนย์กลางจักรวาล แต่เขาก็อนุญาตให้เคปเลอร์ใช้ข้อมูลการสังเกตการณ์ของเขา
หลังจากหลายปีของการคำนวณและการวิเคราะห์อย่างละเอียด เคปเลอร์ได้ค้นพบว่าวงโคจรของดาวเคราะห์ไม่ได้เป็นวงกลมสมบูรณ์แบบอย่างที่เชื่อกันมา แต่เป็นวงรี (ellipse) ซึ่งมีดวงอาทิตย์อยู่ที่จุดโฟกัสจุดหนึ่ง การค้นพบนี้เป็นกฎข้อแรกของเคปเลอร์ หรือที่เรียกว่า **กฎข้อที่หนึ่ง** (First Law) ซึ่งประกาศในปี ค.ศ. 1609 ในหนังสือ *Astronomia Nova* (ดาราศาสตร์ใหม่) กฎข้อนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในความเข้าใจเกี่ยวกับจักรวาล และเป็นการปฏิเสธแนวคิดที่ยึดมั่นในเรขาคณิตแบบกรีกดั้งเดิม
การทำงานที่ปราก และการค้นพบกฎข้อที่สองและสาม
ในปี ค.ศ. 1600 เคปเลอร์ย้ายไปทำงานที่เมืองปราก (Prague) ในฐานะนักคณิตศาสตร์ประจำราชสำนักของจักรพรรดิรูดอล์ฟที่ 2 (Rudolf II) ที่ปราก เคปเลอร์ยังคงทำงานเกี่ยวกับข้อมูลการสังเกตการณ์ของทีโค บราเฮ และค้นพบกฎข้อที่สองและสาม
- กฎข้อที่สอง** (Second Law) ซึ่งประกาศในปี ค.ศ. 1609 เช่นกัน ระบุว่าเส้นที่เชื่อมดาวเคราะห์กับดวงอาทิตย์จะกวาดพื้นที่เท่ากันในช่วงเวลาที่เท่ากัน ซึ่งหมายความว่าดาวเคราะห์จะเคลื่อนที่เร็วขึ้นเมื่ออยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ และเคลื่อนที่ช้าลงเมื่ออยู่ไกลจากดวงอาทิตย์
- กฎข้อที่สาม** (Third Law) ซึ่งประกาศในปี ค.ศ. 1619 ในหนังสือ *Harmonices Mundi* (ความกลมกลืนของโลก) ระบุว่ากำลังสองของคาบการโคจรของดาวเคราะห์เป็นสัดส่วนตรงกับกำลังสามของระยะทางเฉลี่ยจากดวงอาทิตย์ หรือเขียนเป็นสมการได้ดังนี้: T² ∝ a³ (โดยที่ T คือคาบการโคจร และ a คือระยะทางเฉลี่ย)
กฎทั้งสามข้อของเคปเลอร์เป็นพื้นฐานของการทำนายตำแหน่งของดาวเคราะห์ได้อย่างแม่นยำ และเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนา กลศาสตร์สวรรค์ (Celestial Mechanics)
ผลงานอื่นๆ และชีวิตช่วงหลัง
นอกจากกฎการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์แล้ว เคปเลอร์ยังมีผลงานอื่นๆ ที่สำคัญอีกมากมาย เช่น การพัฒนา ระบบลอการิทึม (Logarithm) ร่วมกับ จอห์น เนเปียร์ (John Napier) การเขียนหนังสือเกี่ยวกับ ทฤษฎีแสง (Optics) และ การทำนายทางโหราศาสตร์ (Astrology) (แม้ว่าเคปเลอร์จะวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติโหราศาสตร์ที่ผิดๆ)
ในช่วงชีวิตหลังๆ เคปเลอร์ประสบปัญหาทางการเงินและสุขภาพที่ย่ำแย่ เขาต้องเดินทางไปมาระหว่างเมืองต่างๆ เพื่อทำงาน และเผชิญกับความยากลำบากในช่วงสงครามสามสิบปี (Thirty Years' War) เคปเลอร์เสียชีวิตที่เมืองเรเกนส์บูร์ก (Regensburg) ในปี ค.ศ. 1630
ความสำคัญในเชิงวิทยาศาสตร์
ผลงานของโยฮันเนส เคปเลอร์ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ กฎการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ของเขาได้เปลี่ยนแปลงความเข้าใจเกี่ยวกับจักรวาล และเป็นพื้นฐานของการพัฒนา ฟิสิกส์ และ ดาราศาสตร์ ในเวลาต่อมา นอกจากนี้ วิธีการทางคณิตศาสตร์ที่เคปเลอร์ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลการสังเกตการณ์ก็เป็นแบบอย่างให้กับนักวิทยาศาสตร์รุ่นหลังๆ
เคปเลอร์เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่กล้าหาญและมีความคิดสร้างสรรค์ เขาท้าทายความเชื่อดั้งเดิม และแสวงหาความรู้ด้วยการสังเกตการณ์และการทดลองอย่างละเอียด ผลงานของเขาเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักวิทยาศาสตร์รุ่นหลังๆ และยังคงมีความสำคัญในปัจจุบัน
ความเชื่อมโยงกับไบนารี่ออปชั่น (Binary Options)
แม้ว่าโยฮันเนส เคปเลอร์ จะไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับไบนารี่ออปชั่น แต่แนวคิดของเขาเกี่ยวกับการทำนายและการวิเคราะห์แนวโน้มสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการเทรดไบนารี่ออปชั่นได้ ดังนี้:
1. **การวิเคราะห์แนวโน้ม (Trend Analysis):** เช่นเดียวกับการที่เคปเลอร์วิเคราะห์แนวโน้มการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ เทรดเดอร์ไบนารี่ออปชั่นสามารถวิเคราะห์แนวโน้มของราคาในตลาดได้ โดยใช้เครื่องมือทางเทคนิคต่างๆ เช่น Moving Averages (ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่) หรือ Trend Lines (เส้นแนวโน้ม) เพื่อทำนายทิศทางของราคาในอนาคต 2. **การระบุรูปแบบ (Pattern Recognition):** เคปเลอร์ค้นพบรูปแบบทางคณิตศาสตร์ที่ซ่อนอยู่ในการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ ในทำนองเดียวกัน เทรดเดอร์ไบนารี่ออปชั่นสามารถเรียนรู้ที่จะระบุรูปแบบราคาต่างๆ เช่น Double Top/Bottom (ยอดและท้องคู่) หรือ Head and Shoulders (หัวและไหล่) เพื่อคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของราคา 3. **การจัดการความเสี่ยง (Risk Management):** เคปเลอร์มีความละเอียดรอบคอบในการคำนวณและการวิเคราะห์ข้อมูล เทรดเดอร์ไบนารี่ออปชั่นก็ควรมีความรอบคอบในการจัดการความเสี่ยง โดยการกำหนดขนาดการลงทุนที่เหมาะสม และใช้ Stop-Loss Orders (คำสั่งหยุดการขาดทุน) เพื่อป้องกันการสูญเสียเงินทุน 4. **การใช้ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค (Technical Indicators):** เทรดเดอร์สามารถใช้ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคต่างๆ เช่น MACD (Moving Average Convergence Divergence), RSI (Relative Strength Index) และ Bollinger Bands เพื่อช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มและคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของราคา 5. **การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis):** การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายสามารถช่วยยืนยันแนวโน้มและระบุจุดกลับตัวของราคาได้ 6. **กลยุทธ์ Martingale:** กลยุทธ์นี้เป็นการเพิ่มขนาดการลงทุนเป็นสองเท่าทุกครั้งที่ขาดทุน ซึ่งมีความเสี่ยงสูง แต่ก็สามารถนำมาใช้ได้ในบางสถานการณ์ 7. **กลยุทธ์ Anti-Martingale:** กลยุทธ์นี้เป็นการเพิ่มขนาดการลงทุนเมื่อชนะ และลดขนาดการลงทุนเมื่อแพ้ ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำกว่า Martingale 8. **กลยุทธ์ Straddle:** กลยุทธ์นี้เป็นการซื้อ Call Option และ Put Option พร้อมกัน โดยคาดหวังว่าราคาจะเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง 9. **กลยุทธ์ Strangle:** คล้ายกับ Straddle แต่ใช้ Strike Price ที่แตกต่างกัน 10. **กลยุทธ์ Butterfly:** กลยุทธ์ที่ซับซ้อนขึ้น เหมาะสำหรับตลาดที่คาดว่าจะมีการเคลื่อนไหวของราคาจำกัด 11. **การใช้ Fibonacci Retracements:** เพื่อระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ 12. **การวิเคราะห์ Candlestick Patterns:** เพื่อทำนายการเปลี่ยนแปลงของราคาจากรูปแบบแท่งเทียนต่างๆ 13. **การใช้ Pivot Points:** เพื่อระบุระดับราคาที่สำคัญและคาดการณ์แนวโน้ม 14. **การวิเคราะห์ Elliott Wave Theory:** เพื่อทำนายการเคลื่อนไหวของราคาตามรูปแบบคลื่น 15. **การใช้ Ichimoku Cloud:** เพื่อระบุแนวโน้มและระดับแนวรับแนวต้าน
ดังนั้น แม้ว่าเคปเลอร์จะไม่ได้เทรดไบนารี่ออปชั่นโดยตรง แต่แนวคิดและวิธีการของเขาสามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการเทรดได้
| ! กฎ | ! คำอธิบาย | - | กฎข้อที่หนึ่ง | วงโคจรของดาวเคราะห์เป็นวงรี โดยมีดวงอาทิตย์อยู่ที่จุดโฟกัสจุดหนึ่ง | กฎข้อที่สอง | เส้นที่เชื่อมดาวเคราะห์กับดวงอาทิตย์จะกวาดพื้นที่เท่ากันในช่วงเวลาที่เท่ากัน | กฎข้อที่สาม | กำลังสองของคาบการโคจรของดาวเคราะห์เป็นสัดส่วนตรงกับกำลังสามของระยะทางเฉลี่ยจากดวงอาทิตย์ |
ดาราศาสตร์ ฟิสิกส์ ประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์ จักรวาลวิทยา เทววิทยา คณิตศาสตร์ ทีโค บราเฮ นิโคลัส โคเปอร์นิคัส ไอแซก นิวตัน กฎแรงโน้มถ่วงสากล กลศาสตร์สวรรค์ Moving Averages Trend Lines Double Top/Bottom Head and Shoulders MACD RSI Bollinger Bands Stop-Loss Orders Fibonacci Retracements Candlestick Patterns Pivot Points Elliott Wave Theory Ichimoku Cloud
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น
