สัญญาซื้อขายส่วนต่าง
- สัญญาซื้อขายส่วนต่าง (Contracts for Difference: CFDs)
สัญญาซื้อขายส่วนต่าง หรือ CFDs (Contracts for Difference) เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดทุนทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรในระยะสั้น หรือผู้ที่ต้องการเข้าถึงตลาดต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ CFDs เป็นอนุพันธ์ทางการเงิน (Financial derivatives) ประเภทหนึ่ง ซึ่งหมายความว่ามูลค่าของมันขึ้นอยู่กับสินทรัพย์อ้างอิง (Underlying asset) เช่น หุ้น (Stocks), ดัชนีหุ้น (Stock indices), สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities), คู่สกุลเงิน (Currency pairs) และอื่นๆ บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับ CFDs สำหรับผู้เริ่มต้น รวมถึงข้อดี ข้อเสีย กลไกการทำงาน ความเสี่ยง และกลยุทธ์การซื้อขายที่เกี่ยวข้อง
CFDs คืออะไร?
CFDs เป็นข้อตกลงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งตกลงที่จะแลกเปลี่ยนส่วนต่างของมูลค่าสินทรัพย์อ้างอิงตั้งแต่ต้นจนจบสัญญา ไม่ได้มีการซื้อขายสินทรัพย์อ้างอิงจริง ผู้ซื้อและผู้ขายจะคาดการณ์ทิศทางราคาของสินทรัพย์นั้นๆ หากราคาเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่คาดการณ์ไว้ ผู้ซื้อจะได้รับผลกำไรเท่ากับส่วนต่างของราคา หากราคาเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงกันข้าม ผู้ซื้อจะต้องรับผิดชอบต่อส่วนต่างของราคาที่เกิดขึ้น
ตัวอย่างเช่น หากคุณคาดการณ์ว่าราคาหุ้น ABC จะเพิ่มขึ้น คุณสามารถเปิดสถานะซื้อ (Long position) ใน CFD ของหุ้น ABC หากราคาหุ้น ABC เพิ่มขึ้นจาก 100 บาท เป็น 110 บาท คุณจะได้รับผลกำไร 10 บาทต่อหุ้น (ก่อนหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่นๆ) ในทางกลับกัน หากราคาหุ้น ABC ลดลงจาก 100 บาท เป็น 90 บาท คุณจะต้องรับผิดชอบต่อการขาดทุน 10 บาทต่อหุ้น
กลไกการทำงานของ CFDs
การซื้อขาย CFDs ดำเนินการผ่านโบรกเกอร์ (Broker) ที่ให้บริการ CFDs โบรกเกอร์จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการจับคู่คำสั่งซื้อขายของผู้ซื้อและผู้ขาย โดยโบรกเกอร์ส่วนใหญ่จะให้บริการผ่านแพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์ (Trading platform) ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงตลาดต่างๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
- **Leverage (อัตราทด):** หนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของ CFDs คือ Leverage หรืออัตราทด ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถควบคุมมูลค่าของสัญญาที่สูงกว่าเงินทุนที่ตนเองมีอยู่ ตัวอย่างเช่น หากโบรกเกอร์ให้อัตราทด 1:10 หมายความว่าคุณสามารถควบคุมสัญญาที่มีมูลค่า 10,000 บาท ด้วยเงินทุนเพียง 1,000 บาท อย่างไรก็ตาม การใช้ Leverage ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน เนื่องจากผลกำไรและผลขาดทุนจะถูกขยายตามอัตราทด
- **Margin (หลักประกัน):** Margin หรือหลักประกัน คือจำนวนเงินที่นักลงทุนต้องฝากไว้กับโบรกเกอร์เพื่อเปิดสถานะ CFD Margin จะถูกคำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าสัญญา
- **Spread (ส่วนต่างราคา):** Spread คือส่วนต่างระหว่างราคาเสนอซื้อ (Bid price) และราคาเสนอขาย (Ask price) โบรกเกอร์จะได้รับผลกำไรจาก Spread
- **Overnight Funding (ค่าธรรมเนียมข้ามคืน):** หากคุณถือครองสถานะ CFD ข้ามคืน คุณจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมข้ามคืนให้กับโบรกเกอร์ ซึ่งคำนวณจากมูลค่าสัญญาและอัตราดอกเบี้ย
ข้อดีและข้อเสียของ CFDs
- ข้อดี:**
- **Leverage:** ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
- **Short Selling (การขายชอร์ต):** สามารถทำกำไรได้ทั้งในตลาดขาขึ้นและตลาดขาลง
- **ความหลากหลายของตลาด:** สามารถซื้อขายในตลาดต่างๆ ได้หลากหลาย
- **ความสะดวก:** สามารถซื้อขายได้ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
- **ต้นทุนต่ำ:** โดยทั่วไปแล้วค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย CFDs จะต่ำกว่าการซื้อขายสินทรัพย์อ้างอิงโดยตรง
- ข้อเสีย:**
- **ความเสี่ยงสูง:** Leverage สามารถขยายผลขาดทุนได้อย่างรวดเร็ว
- **ค่าธรรมเนียมข้ามคืน:** การถือครองสถานะข้ามคืนอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
- **ความผันผวนของตลาด:** ตลาดมีความผันผวนสูง ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการขาดทุนได้
- **ความซับซ้อน:** CFDs เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ซับซ้อน ซึ่งอาจต้องใช้ความรู้และความเข้าใจในการซื้อขาย
ความเสี่ยงในการซื้อขาย CFDs
การซื้อขาย CFDs มีความเสี่ยงสูง ซึ่งนักลงทุนควรทำความเข้าใจก่อนที่จะเริ่มต้นการซื้อขาย:
- **Market Risk (ความเสี่ยงจากตลาด):** ความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของราคาในตลาด
- **Leverage Risk (ความเสี่ยงจากอัตราทด):** ความเสี่ยงที่เกิดจากการใช้ Leverage ซึ่งสามารถขยายผลขาดทุนได้อย่างรวดเร็ว
- **Liquidity Risk (ความเสี่ยงจากสภาพคล่อง):** ความเสี่ยงที่เกิดจากความยากลำบากในการปิดสถานะ CFD
- **Counterparty Risk (ความเสี่ยงจากคู่ค้า):** ความเสี่ยงที่เกิดจากการล้มละลายของโบรกเกอร์
- **Regulatory Risk (ความเสี่ยงจากกฎระเบียบ):** ความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบ
กลยุทธ์การซื้อขาย CFDs
มีกลยุทธ์การซื้อขาย CFDs มากมายที่นักลงทุนสามารถใช้ได้ ขึ้นอยู่กับสไตล์การซื้อขายและความเสี่ยงที่ยอมรับได้:
- **Day Trading (การซื้อขายรายวัน):** การเปิดและปิดสถานะ CFD ภายในวันเดียวกัน
- **Swing Trading (การซื้อขายระยะสั้น):** การถือครองสถานะ CFD เป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์
- **Position Trading (การซื้อขายระยะยาว):** การถือครองสถานะ CFD เป็นเวลานานหลายเดือนหรือหลายปี
- **Scalping (การเก็งกำไรระยะสั้นมาก):** การทำกำไรจากส่วนต่างราคาเล็กๆ น้อยๆ
- **Trend Following (การตามแนวโน้ม):** การซื้อขายตามแนวโน้มของราคา
- **Breakout Trading (การซื้อขายเมื่อราคาทะลุแนวต้าน/แนวรับ):** การซื้อขายเมื่อราคาทะลุแนวต้านหรือแนวรับที่สำคัญ
- **Mean Reversion (การกลับสู่ค่าเฉลี่ย):** การซื้อขายโดยคาดว่าราคาจะกลับสู่ค่าเฉลี่ย
- **News Trading (การซื้อขายตามข่าว):** การซื้อขายโดยอิงจากข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญ
- **Fibonacci Retracement (การใช้ระดับ Fibonacci):** การใช้ระดับ Fibonacci เพื่อคาดการณ์แนวรับและแนวต้าน
- **Moving Average Crossover (การใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่):** การใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เพื่อระบุสัญญาณซื้อขาย
- **Bollinger Bands (การใช้ Bollinger Bands):** การใช้ Bollinger Bands เพื่อวัดความผันผวนและระบุสัญญาณซื้อขาย
- **Relative Strength Index (RSI) (การใช้ RSI):** การใช้ RSI เพื่อวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม
- **MACD (Moving Average Convergence Divergence) (การใช้ MACD):** การใช้ MACD เพื่อระบุสัญญาณซื้อขาย
- **Elliott Wave Theory (ทฤษฎีคลื่นเอลเลียตต์):** การใช้ทฤษฎีคลื่นเอลเลียตต์เพื่อวิเคราะห์รูปแบบราคา
- **Ichimoku Cloud (เมฆอิจิโมคุ):** การใช้เมฆอิจิโมคุเพื่อระบุแนวโน้มและสัญญาณซื้อขาย
การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์พื้นฐาน
การซื้อขาย CFDs ที่ประสบความสำเร็จมักเกี่ยวข้องกับการใช้ทั้งการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical analysis) และการวิเคราะห์พื้นฐาน (Fundamental analysis)
- **การวิเคราะห์ทางเทคนิค:** เป็นการศึกษาข้อมูลราคาและปริมาณการซื้อขายในอดี
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น
