ประวัติ Roku
- ประวัติ Roku
Roku เป็นชื่อที่คุ้นเคยสำหรับผู้บริโภคหลายท่านที่ต้องการสตรีมมิ่งความบันเทิงเข้าสู่โทรทัศน์ของตน แต่เบื้องหลังอุปกรณ์สตรีมมิ่งเล็กๆ เหล่านี้ มีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจและการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจที่สำคัญ บทความนี้จะสำรวจประวัติของ Roku ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน โดยจะเจาะลึกถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ กลยุทธ์ทางธุรกิจ และผลกระทบต่ออุตสาหกรรม โทรทัศน์ และ การสตรีมมิ่ง
จุดเริ่มต้น: Netflix Player (2008)
เรื่องราวของ Roku เริ่มต้นขึ้นในปี 2008 ไม่ใช่ในฐานะบริษัท Roku โดยตรง แต่เป็นในฐานะโครงการภายในบริษัท Netflix ในขณะนั้น Netflix ยังคงเป็นผู้ให้บริการ ดีวีดี แบบเช่าทางไปรษณีย์เป็นหลัก และต้องการที่จะขยายเข้าสู่ตลาดการสตรีมมิ่งออนไลน์ โดยการพัฒนาอุปกรณ์สตรีมมิ่งเฉพาะสำหรับบริการของตนเอง อุปกรณ์แรกนี้มีชื่อว่า "Netflix Player" และถูกพัฒนาขึ้นโดยทีมวิศวกรของ Netflix ร่วมกับบริษัทชื่อ Samuel Sheng ผู้เป็นผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Roku ในภายหลัง
Netflix Player เป็นกล่องเล็กๆ ที่เชื่อมต่อกับโทรทัศน์ผ่านพอร์ต HDMI และอนุญาตให้สมาชิก Netflix สตรีมภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ได้โดยตรงจากอินเทอร์เน็ต อุปกรณ์นี้ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการสตรีมมิ่งวิดีโอ อย่างไรก็ตาม Netflix ตัดสินใจที่จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาซอฟต์แวร์สตรีมมิ่งบนอุปกรณ์อื่นๆ มากกว่าที่จะเป็นผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ด้วยตนเอง
การเกิดของ Roku (2008-2010)
ในปี 2008 Netflix ตัดสินใจขายสิทธิ์ในเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวข้องกับ Netflix Player ให้กับบริษัทใหม่ที่ก่อตั้งขึ้นโดย Samuel Sheng ซึ่งบริษัทนี้มีชื่อว่า Roku, Inc. Roku ได้รับการก่อตั้งขึ้นด้วยวิสัยทัศน์ที่จะเป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งแบบเปิด ซึ่งอนุญาตให้ผู้ให้บริการวิดีโอรายอื่นๆ นอกเหนือจาก Netflix สามารถนำเสนอแอปพลิเคชันของตนเองบนอุปกรณ์ Roku ได้
Roku ได้เปิดตัวอุปกรณ์แรกของตนเองภายใต้แบรนด์ Roku ในปี 2009 ซึ่งเป็นกล่องสตรีมมิ่งขนาดเล็กที่รองรับการสตรีมมิ่งจากบริการต่างๆ เช่น Netflix, Amazon Video, และ Pandora อุปกรณ์นี้ได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ราคาไม่แพง และเข้าถึงเนื้อหาที่หลากหลาย ทำให้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในหมู่ผู้บริโภค
ในช่วงปี 2010 Roku ได้ขยายสายผลิตภัณฑ์ของตนเองด้วยการเปิดตัว Roku 2 ซึ่งมีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นและคุณสมบัติใหม่ๆ เช่น ช่องทาง (Channels) ที่สามารถดาวน์โหลดได้จาก Roku Channel Store ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็น ระบบนิเวศ ของแอปพลิเคชันสตรีมมิ่ง
การขยายตัวของแพลตฟอร์ม (2011-2015)
ในช่วงปี 2011-2015 Roku ได้มุ่งเน้นไปที่การขยายแพลตฟอร์มของตนเองและเพิ่มจำนวนช่องทางที่มีให้เลือกใช้ Roku ได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการวิดีโอรายใหญ่หลายราย เช่น HBO, Showtime, และ ESPN เพื่อนำเสนอช่องทางสตรีมมิ่งของตนเองบนอุปกรณ์ Roku นอกจากนี้ Roku ยังได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การค้นหาด้วยเสียงและการควบคุมระยะไกลแบบปรับปรุง เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานสำหรับผู้บริโภค
Roku ยังได้เปิดตัวอุปกรณ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึง Roku 3 ซึ่งรองรับการสตรีมมิ่งความละเอียดสูง 4K และ Roku Streaming Stick ซึ่งเป็นอุปกรณ์สตรีมมิ่งขนาดเล็กที่เสียบเข้ากับพอร์ต HDMI ของโทรทัศน์ได้โดยตรง
ในช่วงเวลานี้ Roku ได้เริ่มสร้างรายได้จากหลายแหล่งที่มา ได้แก่ การขายอุปกรณ์ การสมัครสมาชิกช่องทางพรีเมียม และการโฆษณาภายในช่องทางต่างๆ
การเติบโตอย่างรวดเร็วและการเสนอขายหุ้น IPO (2016-2017)
ในช่วงปี 2016-2017 Roku ประสบกับการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีการขยายตัวของตลาดสตรีมมิ่งวิดีโอโดยรวม Roku ได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้บริโภคที่ต้องการตัดสายเคเบิล (Cord-Cutting) และเปลี่ยนไปใช้บริการสตรีมมิ่งแทน
ในปี 2017 Roku ได้เสนอขายหุ้น IPO (Initial Public Offering) บนตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ภายใต้สัญลักษณ์ ROKU การเสนอขายหุ้น IPO นี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก และทำให้ Roku กลายเป็นบริษัทมหาชน
การเป็นผู้นำในตลาดสตรีมมิ่ง (2018-ปัจจุบัน)
ตั้งแต่ปี 2018 จนถึงปัจจุบัน Roku ได้รักษาตำแหน่งของตนเองในฐานะผู้นำในตลาดสตรีมมิ่ง Roku ได้ลงทุนอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาแพลตฟอร์มของตนเอง การขยายสายผลิตภัณฑ์ และการสร้างพันธมิตรกับผู้ให้บริการวิดีโอรายต่างๆ
Roku ได้เปิดตัว Roku OS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่ขับเคลื่อนอุปกรณ์ Roku ทั้งหมด Roku OS ได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานง่าย มีความยืดหยุ่น และสามารถรองรับแอปพลิเคชันสตรีมมิ่งที่หลากหลาย
Roku ยังได้ขยายสายผลิตภัณฑ์ของตนเองด้วยการเปิดตัว Roku TVs ซึ่งเป็นโทรทัศน์ที่ติดตั้ง Roku OS มาโดยตรง Roku TVs ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงบริการสตรีมมิ่งต่างๆ ได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้กล่องสตรีมมิ่งเพิ่มเติม
นอกจากนี้ Roku ยังได้ลงทุนในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การโฆษณาที่กำหนดเป้าหมาย (Targeted Advertising) และการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานสำหรับผู้บริโภคและเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท
ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
Roku มีผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมโทรทัศน์และการสตรีมมิ่ง โดยมีส่วนช่วยในการเปลี่ยนแปลงวิธีการที่ผู้บริโภคเข้าถึงและรับชมเนื้อหา Roku ได้ทำให้การสตรีมมิ่งวิดีโอเป็นเรื่องง่าย สะดวก และราคาไม่แพงสำหรับผู้บริโภคจำนวนมาก และได้ช่วยเร่งการเปลี่ยนแปลงจากโทรทัศน์แบบดั้งเดิมไปสู่โทรทัศน์แบบสตรีมมิ่ง
Roku ยังได้สร้างแรงกดดันต่อผู้ให้บริการเคเบิลและผู้ให้บริการวิดีโอรายอื่นๆ ให้ปรับตัวเข้ากับยุคดิจิทัล และนำเสนอเนื้อหาและบริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
กลยุทธ์ทางธุรกิจของ Roku
Roku ใช้กลยุทธ์ทางธุรกิจที่หลากหลายเพื่อรักษาตำแหน่งของตนเองในตลาดสตรีมมิ่ง ได้แก่
- **แพลตฟอร์มแบบเปิด:** Roku อนุญาตให้ผู้ให้บริการวิดีโอรายอื่นๆ สามารถนำเสนอแอปพลิเคชันของตนเองบนอุปกรณ์ Roku ได้ ซึ่งช่วยให้ Roku มีช่องทางที่หลากหลายและดึงดูดผู้บริโภคจำนวนมาก
- **ราคาที่แข่งขันได้:** Roku เสนออุปกรณ์สตรีมมิ่งในราคาที่แข่งขันได้ ซึ่งทำให้เข้าถึงได้ง่ายสำหรับผู้บริโภคจำนวนมาก
- **ประสบการณ์การใช้งานที่ใช้งานง่าย:** Roku ได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานง่ายและมีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ซึ่งช่วยให้ผู้บริโภคสามารถค้นหาและรับชมเนื้อหาที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว
- **การสร้างรายได้จากหลายแหล่งที่มา:** Roku สร้างรายได้จากหลายแหล่งที่มา ได้แก่ การขายอุปกรณ์ การสมัครสมาชิกช่องทางพรีเมียม และการโฆษณาภายในช่องทางต่างๆ
- **การลงทุนในการวิจัยและพัฒนา:** Roku ลงทุนอย่างต่อเนื่องในการวิจัยและพัฒนาเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ และปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานสำหรับผู้บริโภค
การวิเคราะห์ทางเทคนิคและปริมาณการซื้อขาย
การวิเคราะห์หุ้น Roku (ROKU) จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยหลายประการ รวมถึงแนวโน้มของอุตสาหกรรมสตรีมมิ่ง การแข่งขัน และผลประกอบการของบริษัท การวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถช่วยระบุแนวโน้มราคาและระดับแนวรับ/แนวต้านที่สำคัญได้
- **การวิเคราะห์แนวโน้ม (Trend Analysis):** การวิเคราะห์แนวโน้มราคาในอดีตสามารถช่วยระบุทิศทางของราคาในอนาคตได้ หากราคาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น อาจเป็นสัญญาณของการซื้อ หากราคาอยู่ในแนวโน้มขาลง อาจเป็นสัญญาณของการขาย
- **การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis):** การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายสามารถช่วยยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้มราคาได้ หากราคาเพิ่มขึ้นพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น แสดงว่าแนวโน้มขาขึ้นแข็งแกร่ง หากราคาลดลงพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น แสดงว่าแนวโน้มขาลงแข็งแกร่ง
- **ตัวชี้วัดทางเทคนิค (Technical Indicators):** ตัวชี้วัดทางเทคนิค เช่น Moving Averages, Relative Strength Index (RSI), และ Moving Average Convergence Divergence (MACD) สามารถช่วยระบุสัญญาณการซื้อขายได้
- **การวิเคราะห์เชิงปริมาณ (Quantitative Analysis):** การวิเคราะห์เชิงปริมาณเกี่ยวข้องกับการใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์และสถิติเพื่อประเมินมูลค่าหุ้นและทำนายราคาในอนาคต
กลยุทธ์การซื้อขายไบนารี่ออปชั่นที่เกี่ยวข้อง
แม้ว่า Roku จะเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในตลาดหุ้น แต่แนวคิดบางอย่างที่ใช้ในการวิเคราะห์หุ้นสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับ ไบนารี่ออปชั่น ได้เช่นกัน:
- **การซื้อขายตามแนวโน้ม (Trend Following):** ในไบนารี่ออปชั่น คุณสามารถคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์จะขึ้นหรือลงภายในระยะเวลาที่กำหนด การระบุแนวโน้มที่แข็งแกร่งและทำการซื้อขายตามแนวโน้มนั้นสามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้
- **การซื้อขายตามช่วง (Range Trading):** หากราคาของสินทรัพย์เคลื่อนที่อยู่ในช่วงที่กำหนด คุณสามารถซื้อตัวเลือก Call เมื่อราคาเข้าใกล้ระดับต่ำสุดของช่วง และซื้อตัวเลือก Put เมื่อราคาเข้าใกล้ระดับสูงสุดของช่วง
- **การซื้อขายตามข่าว (News Trading):** ข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญสามารถส่งผลกระทบต่อราคาของสินทรัพย์ได้ การซื้อขายตามข่าวเกี่ยวข้องกับการคาดการณ์ว่าข่าวสารจะส่งผลกระทบต่อราคาอย่างไร
- **การใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิค (Technical Indicator Strategies):** ตัวชี้วัดทางเทคนิค เช่น RSI และ MACD สามารถใช้เพื่อสร้างสัญญาณการซื้อขายในไบนารี่ออปชั่นได้
สรุป
Roku ได้พัฒนาจากโครงการภายใน Netflix มาเป็นผู้นำในตลาดสตรีมมิ่ง การเติบโตของ Roku ได้รับแรงหนุนจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาสตรีมมิ่งวิดีโอมากขึ้น และความสามารถของ Roku ในการสร้างแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย ราคาไม่แพง และมีเนื้อหาที่หลากหลาย ในอนาคต Roku มีแนวโน้มที่จะยังคงเป็นผู้เล่นสำคัญในอุตสาหกรรมโทรทัศน์และการสตรีมมิ่งต่อไป
การลงทุน ใน Roku และการทำความเข้าใจกลยุทธ์การซื้อขายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปริมาณการซื้อขาย สามารถช่วยให้นักลงทุนและเทรดเดอร์ตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด
การตลาดดิจิทัล และ การวิเคราะห์ข้อมูล มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของ Roku และ การจัดการความเสี่ยง ก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับทั้งบริษัทและนักลงทุน
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ของ Roku ควรพิจารณาถึงรายได้, การเติบโตของผู้ใช้งาน, และความสามารถในการแข่งขันในตลาด
การประเมินมูลค่า ของหุ้น Roku สามารถทำได้โดยใช้แบบจำลองทางการเงินต่างๆ เช่น Discounted Cash Flow (DCF)
การวางแผนทางการเงิน เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้น Roku หรือสินทรัพย์อื่นๆ
การบริหารจัดการพอร์ตการลงทุน ช่วยให้นักลงทุนสามารถกระจายความเสี่ยงและเพิ่มผลตอบแทน
การวิเคราะห์ความเสี่ยง ช่วยให้นักลงทุนเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในหุ้น Roku
การตัดสินใจลงทุน ควรพิจารณาถึงเป้าหมายทางการเง
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น
