ประวัติเครดิต

1. 1. ประวัติ เครดิต (Credit History)

ประวัติเครดิต คือบันทึกข้อมูลทางการเงินของบุคคล ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการชำระหนี้สินตามกำหนดเวลา ข้อมูลเหล่านี้ถูกรวบรวมโดยบริษัทข้อมูลเครดิต (Credit Bureau) และถูกนำไปใช้โดยสถาบันการเงินต่างๆ เช่น ธนาคาร บริษัทบัตรเครดิต และบริษัทสินเชื่อ เพื่อประเมินความเสี่ยงในการให้สินเชื่อแก่ผู้ขอสินเชื่อ การมีประวัติเครดิตที่ดีมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆ รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า

1. 1. 1. ความสำคัญของประวัติเครดิต

ประวัติเครดิตมีผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตทางการเงินของเรา ไม่ว่าจะเป็นการขอสินเชื่อบ้าน สินเชื่อบ้าน บัตรเครดิต บัตรเครดิต สินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อรถยนต์ หรือแม้แต่การเช่าบ้าน การเช่าบ้าน สถาบันการเงินจะพิจารณาประวัติเครดิตเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจอนุมัติสินเชื่อ และกำหนดอัตราดอกเบี้ย หากมีประวัติเครดิตที่ดี จะมีโอกาสได้รับการอนุมัติสินเชื่อและได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า ซึ่งจะช่วยประหยัดเงินในระยะยาวได้

นอกจากนี้ ประวัติเครดิตยังอาจมีผลต่อการสมัครงาน การสมัครงาน บางตำแหน่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการเงิน หรือตำแหน่งที่ต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับทรัพย์สินของบริษัท หรือแม้แต่การขอประกันภัย ประกันภัย บางประเภท

1. 1. 1. องค์ประกอบของประวัติเครดิต

ประวัติเครดิตประกอบด้วยข้อมูลหลายส่วน ได้แก่

• **ข้อมูลส่วนตัว:** ชื่อ ที่อยู่ วันเกิด เลขประจำตัวประชาชน
• **ประวัติการชำระหนี้:** ข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีสินเชื่อต่างๆ ที่เคยมี รวมถึงประเภทของสินเชื่อ ยอดหนี้คงเหลือ ประวัติการชำระหนี้ (ตรงเวลา ล่าช้า หรือค้างชำระ)
• **ข้อมูลการเป็นหนี้:** ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนหนี้สินทั้งหมดที่มีอยู่
• **ข้อมูลการขอสินเชื่อ:** ข้อมูลเกี่ยวกับการขอสินเชื่อในช่วงเวลาที่ผ่านมา
• **ข้อมูลการล้มละลาย หรือการถูกฟ้องร้อง:** ข้อมูลเกี่ยวกับการล้มละลาย หรือการถูกฟ้องร้องเกี่ยวกับการชำระหนี้

ข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำมาคำนวณเป็นคะแนนเครดิต (Credit Score) ซึ่งเป็นตัวเลขที่แสดงถึงความน่าเชื่อถือทางการเงินของบุคคล

1. 1. 1. คะแนนเครดิต (Credit Score)

คะแนนเครดิตเป็นตัวเลขที่สรุปประวัติเครดิตของบุคคล โดยทั่วไปแล้ว คะแนนเครดิตจะอยู่ในช่วง 300-850 คะแนน ยิ่งคะแนนสูง แสดงว่ามีความน่าเชื่อถือทางการเงินสูง และมีโอกาสได้รับการอนุมัติสินเชื่อและได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่า

ปัจจัยที่มีผลต่อการคำนวณคะแนนเครดิต ได้แก่

• **ประวัติการชำระหนี้ (35%):** เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการคำนวณคะแนนเครดิต การชำระหนี้ตรงเวลาทุกครั้งจะช่วยเพิ่มคะแนนเครดิต
• **จำนวนหนี้สิน (30%):** ยอดหนี้สินรวมเมื่อเทียบกับวงเงินเครดิตทั้งหมด (Credit Utilization Ratio) มีผลต่อคะแนนเครดิต การมีหนี้สินมากเกินไปอาจทำให้คะแนนเครดิตลดลง
• **ระยะเวลาของประวัติเครดิต (15%):** ยิ่งมีประวัติเครดิตที่ยาวนาน แสดงว่ามีข้อมูลให้ประเมินความเสี่ยงมากขึ้น
• **ประเภทของสินเชื่อ (10%):** การมีสินเชื่อหลากหลายประเภท (เช่น บัตรเครดิต สินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อบ้าน) อาจช่วยเพิ่มคะแนนเครดิต
• **การขอสินเชื่อ (10%):** การขอสินเชื่อบ่อยครั้งในช่วงเวลาสั้นๆ อาจทำให้คะแนนเครดิตลดลง

1. 1. 1. การตรวจสอบประวัติเครดิต

บุคคลทั่วไปมีสิทธิในการตรวจสอบประวัติเครดิตของตนเองได้ฟรีปีละ 1 ครั้ง จากบริษัทข้อมูลเครดิตที่ได้รับการรับรองในประเทศไทย ได้แก่

• **บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB):** [1](https://www.ncb.co.th/)
• **บริษัท เครดิตบูโร จำกัด (CBR):** [2](https://www.cbr.co.th/)

การตรวจสอบประวัติเครดิตเป็นประจำจะช่วยให้ทราบถึงข้อมูลที่ถูกต้อง และสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้

1. 1. 1. การสร้างและรักษาประวัติเครดิตที่ดี

• **เริ่มต้นด้วยการมีบัญชีเครดิต:** หากยังไม่มีประวัติเครดิต ควรเริ่มต้นด้วยการสมัครบัตรเครดิต หรือสินเชื่อขนาดเล็ก
• **ชำระหนี้ตรงเวลา:** ชำระหนี้ขั้นต่ำ หรือยอดเต็มจำนวนของบัตรเครดิตและสินเชื่อทุกครั้งภายในกำหนดเวลา
• **รักษาระดับหนี้สินให้ต่ำ:** พยายามรักษาระดับหนี้สินให้ต่ำกว่า 30% ของวงเงินเครดิตทั้งหมด
• **หลีกเลี่ยงการขอสินเชื่อหลายแห่งในเวลาเดียวกัน:** การขอสินเชื่อหลายแห่งในเวลาเดียวกันอาจทำให้คะแนนเครดิตลดลง
• **ตรวจสอบประวัติเครดิตเป็นประจำ:** ตรวจสอบประวัติเครดิตเป็นประจำเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล และแก้ไขข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น

1. 1. 1. ผลกระทบของประวัติเครดิตต่อการลงทุน (เชื่อมโยงกับไบนารี่ออปชั่น)

แม้ว่าประวัติเครดิตจะไม่ได้มีผลโดยตรงต่อการลงทุนใน ไบนารี่ออปชั่น แต่การมีประวัติเครดิตที่ดีจะช่วยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในการลงทุนได้ง่ายขึ้น และได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า หากต้องการใช้เงินกู้เพื่อลงทุนในไบนารี่ออปชั่น การมีประวัติเครดิตที่ดีจะเพิ่มโอกาสในการได้รับการอนุมัติเงินกู้ และได้รับเงื่อนไขที่ดีกว่า

นอกจากนี้ การมีวินัยทางการเงินที่แสดงให้เห็นผ่านประวัติเครดิตที่ดี ยังเป็นคุณสมบัติที่สำคัญสำหรับนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จในตลาดไบนารี่ออปชั่น การบริหารจัดการความเสี่ยง การบริหารจัดการความเสี่ยง การวางแผนการลงทุน แผนการลงทุน และการควบคุมอารมณ์ การควบคุมอารมณ์ ล้วนเป็นทักษะที่เกี่ยวข้องกับวินัยทางการเงิน

1. 1. 1. กลยุทธ์การลงทุนที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยง (เชื่อมโยงกับไบนารี่ออปชั่น)

• **Martingale Strategy:** กลยุทธ์ที่เพิ่มจำนวนเงินลงทุนเป็นสองเท่าหลังจากการสูญเสีย แต่ต้องระวังความเสี่ยงสูง
• **Anti-Martingale Strategy:** กลยุทธ์ที่เพิ่มจำนวนเงินลงทุนหลังจากการชนะ แต่ความเสี่ยงต่ำกว่า
• **Fibonacci Strategy:** กลยุทธ์ที่ใช้ลำดับฟีโบนักชีเพื่อกำหนดขนาดการลงทุน
• **Hedging Strategy:** กลยุทธ์ที่ลดความเสี่ยงโดยการเปิดสถานะที่ตรงข้ามกัน

1. 1. 1. การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) และการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis)

• **Moving Averages:** การใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เพื่อระบุแนวโน้มของราคา
• **Relative Strength Index (RSI):** ตัวชี้วัดที่วัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มราคา
• **Bollinger Bands:** แถบที่แสดงความผันผวนของราคา
• **Volume Weighted Average Price (VWAP):** ราคาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักตามปริมาณการซื้อขาย

1. 1. 1. แนวโน้ม (Trends) และรูปแบบ (Patterns) ในตลาดไบนารี่ออปชั่น

• **Uptrend:** แนวโน้มราคาขาขึ้น
• **Downtrend:** แนวโน้มราคาขาลง
• **Sideways Trend:** แนวโน้มราคา sideway
• **Head and Shoulders Pattern:** รูปแบบราคาที่บ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้ม
• **Double Top/Bottom Pattern:** รูปแบบราคาที่บ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้ม

1. 1. 1. ตัวชี้วัด (Indicators) ที่ใช้ในการวิเคราะห์ไบนารี่ออปชั่น

• **MACD (Moving Average Convergence Divergence):** ตัวชี้วัดที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สองเส้น
• **Stochastic Oscillator:** ตัวชี้วัดที่แสดงตำแหน่งของราคาปัจจุบันเมื่อเทียบกับช่วงราคาในช่วงเวลาที่กำหนด
• **Pivot Points:** จุดสำคัญที่ใช้ในการกำหนดแนวรับและแนวต้าน

1. 1. 1. ความเสี่ยงในการลงทุนไบนารี่ออปชั่น

การลงทุนในไบนารี่ออปชั่นมีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน และลงทุนเฉพาะเงินที่สามารถรับความสูญเสียได้เท่านั้น

1. 1. 1. สรุป

ประวัติเครดิตเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิตทางการเงินของเรา การมีประวัติเครดิตที่ดีจะช่วยให้เข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆ ได้ง่ายขึ้น และได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่า การสร้างและรักษาประวัติเครดิตที่ดีต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอ แต่ผลตอบแทนที่จะได้รับนั้นคุ้มค่าอย่างแน่นอน

ตัวอย่างคะแนนเครดิตและระดับความน่าเชื่อถือ

คะแนนเครดิต	ระดับความน่าเชื่อถือ
300-529	แย่มาก
530-669	ย่ำแย่
670-739	ดี
740-799	ดีมาก
800-850	ยอดเยี่ยม

• • คำเตือน:** การลงทุนในไบนารี่ออปชั่นมีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน และลงทุนเฉพาะเงินที่สามารถรับความสูญเสียได้เท่านั้น

การวางแผนทางการเงิน การลงทุน การบริหารความเสี่ยง การออมเงิน หนี้สิน การเงินส่วนบุคคล ตลาดทุน การวิเคราะห์ตลาด การเทรด การลงทุนระยะยาว การลงทุนระยะสั้น กลยุทธ์การลงทุน [[การจัดการพอร์ตการลงทุน]

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น