ทำความเข้าใจค่า Spread

ทำความเข้าใจค่า Spread

ค่า Spread เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่สุดที่นักเทรด ไบนารี่ออปชั่น จำเป็นต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ การไม่ตระหนักถึงผลกระทบของ Spread ต่อผลกำไรและความเสี่ยงในการเทรด อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดและสูญเสียเงินทุนได้ บทความนี้จะอธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับค่า Spread ในไบนารี่ออปชั่น ตั้งแต่ความหมาย วิธีการคำนวณ ผลกระทบต่อการเทรด ไปจนถึงกลยุทธ์ในการจัดการ Spread เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

ค่า Spread คืออะไร?

ในบริบทของไบนารี่ออปชั่น ค่า Spread หมายถึง ความแตกต่างระหว่างราคา สินทรัพย์อ้างอิง ที่เสนอโดยโบรกเกอร์ ณ เวลาที่เปิดตำแหน่ง (Trade) กับราคาจริงของสินทรัพย์นั้นๆ ในตลาดโลก กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันคือค่าธรรมเนียมที่โบรกเกอร์เรียกเก็บจากนักเทรดสำหรับบริการที่โบรกเกอร์มอบให้ในการเข้าถึงตลาดและดำเนินการเทรด

ค่า Spread ไม่ได้แสดงออกมาเป็นจำนวนเงินโดยตรงเหมือนกับค่าคอมมิชชั่น (Commission) แต่ถูกซ่อนอยู่ในราคาเสนอซื้อ (Bid Price) และราคาเสนอขาย (Ask Price) ของสินทรัพย์อ้างอิง โดยทั่วไปแล้ว ราคาเสนอขายจะสูงกว่าราคาเสนอซื้อเสมอ และส่วนต่างระหว่างสองราคานี้คือค่า Spread

วิธีการคำนวณค่า Spread

การคำนวณค่า Spread ในไบนารี่ออปชั่นค่อนข้างง่าย

ค่า Spread = ราคาเสนอขาย (Ask Price) – ราคาเสนอซื้อ (Bid Price)

ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการเทรดคู่สกุลเงิน EUR/USD และโบรกเกอร์เสนอ:

ราคาเสนอซื้อ (Bid Price): 1.1000
ราคาเสนอขาย (Ask Price): 1.1005

ค่า Spread จะเท่ากับ 1.1005 – 1.1000 = 0.0005 หรือ 5 pips

ความสำคัญของค่า Spread ในไบนารี่ออปชั่น

แม้ว่าค่า Spread จะดูเหมือนเป็นจำนวนเงินที่น้อย แต่ก็มีผลกระทบอย่างมากต่อผลกำไรและความเสี่ยงในการเทรดไบนารี่ออปชั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักเทรดที่ใช้กลยุทธ์ Scalping หรือเทรดในกรอบเวลาสั้นๆ เนื่องจากจำนวนเงินที่ได้จากแต่ละครั้งของการเทรดมีน้อย

ผลกระทบต่อกำไร: ค่า Spread จะลดจำนวนเงินที่คุณสามารถทำกำไรได้ในแต่ละเทรด หากค่า Spread สูง หมายความว่าคุณจะต้องเคลื่อนไหวของราคามากกว่าเดิมเพื่อที่จะทำกำไรให้คุ้มค่ากับค่า Spread ที่จ่ายไป
ผลกระทบต่อความเสี่ยง: ค่า Spread เพิ่มต้นทุนในการเทรดของคุณ ทำให้คุณมีความเสี่ยงมากขึ้นในการขาดทุน หากราคาเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่คุณคาดการณ์ไว้ แม้เพียงเล็กน้อย คุณอาจขาดทุนเนื่องจากค่า Spread

ประเภทของ Spread

ค่า Spread ในไบนารี่ออปชั่นสามารถแบ่งออกได้หลายประเภท ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ได้แก่

Fixed Spread (Spread คงที่): เป็นค่า Spread ที่โบรกเกอร์กำหนดไว้คงที่ โดยไม่เปลี่ยนแปลงตามความผันผวนของตลาด เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการความแน่นอนในการคำนวณต้นทุนการเทรด
Variable Spread (Spread แปรผัน): เป็นค่า Spread ที่เปลี่ยนแปลงไปตามความผันผวนของตลาด ในช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวนสูง ค่า Spread มักจะกว้างขึ้น ในขณะที่ในช่วงเวลาที่ตลาดสงบ ค่า Spread มักจะแคบลง เหมาะสำหรับนักเทรดที่สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้
Floating Spread (Spread ลอยตัว): คล้ายกับ Variable Spread แต่มีการเปลี่ยนแปลงที่บ่อยและรวดเร็วกว่า มักพบในตลาดที่มีสภาพคล่องสูง
Exotic Spread (Spread แปลกใหม่): เป็นค่า Spread ที่ใช้กับสินทรัพย์อ้างอิงที่หายากหรือมีความซับซ้อน เช่น สินค้าโภคภัณฑ์ หรือดัชนีหุ้นเฉพาะ

ปัจจัยที่มีผลต่อขนาดของ Spread

มีหลายปัจจัยที่สามารถส่งผลต่อขนาดของ Spread ในไบนารี่ออปชั่น ได้แก่

สภาพคล่องของตลาด: ตลาดที่มีสภาพคล่องสูง (มีปริมาณการซื้อขายมาก) มักจะมี Spread ที่แคบกว่าตลาดที่มีสภาพคล่องต่ำ
ความผันผวนของตลาด: ตลาดที่มีความผันผวนสูงมักจะมี Spread ที่กว้างกว่าตลาดที่มีความผันผวนต่ำ
เวลาทำการของตลาด: Spread มักจะกว้างขึ้นในช่วงเวลาที่ตลาดเปิดใหม่หรือปิดทำการ เนื่องจากมีผู้ซื้อและผู้ขายจำนวนน้อย
โบรกเกอร์: แต่ละโบรกเกอร์มีนโยบายการกำหนด Spread ที่แตกต่างกัน บางโบรกเกอร์อาจเสนอ Spread ที่แคบกว่า แต่มีค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่สูงกว่า

กลยุทธ์ในการจัดการ Spread

การจัดการ Spread อย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเทรดไบนารี่ออปชั่นทุกคน ต่อไปนี้เป็นกลยุทธ์บางประการที่คุณสามารถนำไปใช้ได้

เลือกโบรกเกอร์ที่มี Spread ต่ำ: เปรียบเทียบ Spread ที่เสนอโดยโบรกเกอร์ต่างๆ ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมกับคุณ
เทรดในช่วงเวลาที่ Spread แคบ: หลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงเวลาที่ Spread กว้าง เช่น ช่วงเวลาที่ตลาดเปิดใหม่หรือปิดทำการ
ใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม: เลือกกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสมกับสภาพตลาดและ Spread ที่คุณเผชิญอยู่ ตัวอย่างเช่น หาก Spread กว้าง คุณอาจต้องใช้กลยุทธ์ที่เน้นการเทรดระยะยาวมากกว่า Day Trading
ใช้คำสั่ง Limit Order: คำสั่ง Limit Order ช่วยให้คุณสามารถกำหนดราคาที่คุณต้องการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิงได้ ซึ่งสามารถช่วยลดผลกระทบของ Spread ได้
เพิ่มขนาดของการเทรด: หากคุณมั่นใจในการวิเคราะห์ของคุณ และ Spread มีขนาดเล็ก คุณอาจพิจารณาเพิ่มขนาดของการเทรดเพื่อเพิ่มผลกำไรของคุณ

การวิเคราะห์ Spread ร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ

การวิเคราะห์ Spread เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการตัดสินใจเทรดที่มีประสิทธิภาพ นักเทรดควรพิจารณา Spread ร่วมกับเครื่องมือและเทคนิคการวิเคราะห์อื่นๆ เช่น

การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis): ใช้เครื่องมือทางเทคนิค เช่น Moving Averages, MACD, RSI, และ Fibonacci Retracements เพื่อระบุแนวโน้มและรูปแบบราคา
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis): วิเคราะห์ปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมือง และข่าวสารที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิง
การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis): ตรวจสอบปริมาณการซื้อขายเพื่อประเมินความแข็งแกร่งของแนวโน้มและยืนยันสัญญาณการเทรด
การจัดการความเสี่ยง (Risk Management): กำหนดขนาดของการเทรดที่เหมาะสมและใช้ Stop-Loss Order เพื่อจำกัดความเสี่ยงของคุณ

ตัวอย่างการคำนวณผลกระทบของ Spread

สมมติว่าคุณต้องการเทรดคู่สกุลเงิน GBP/USD และคุณคาดการณ์ว่าราคาจะสูงขึ้น คุณเปิดตำแหน่ง Buy (Call Option) ด้วยเงื่อนไขดังนี้:

ราคาเสนอซื้อ (Bid Price): 1.2500
ราคาเสนอขาย (Ask Price): 1.2505
ค่า Spread: 0.0005 หรือ 5 pips
ผลตอบแทน (Payout): 80%
เงินลงทุน: 100 USD

หากราคา GBP/USD สูงขึ้นถึง 1.2510 (สูงกว่าราคาเสนอขาย 5 pips) คุณจะได้รับผลตอบแทน 80 USD (100 USD x 80%) ซึ่งหมายความว่ากำไรสุทธิของคุณคือ 80 USD – 5 pips (ค่า Spread) = 79.95 USD

แต่หากราคา GBP/USD ลดลงถึง 1.2495 (ต่ำกว่าราคาเสนอซื้อ 5 pips) คุณจะเสียเงินลงทุน 100 USD ซึ่งหมายความว่าขาดทุนสุทธิของคุณคือ 100 USD + 5 pips (ค่า Spread) = 100.05 USD

จากตัวอย่างนี้ คุณจะเห็นว่าค่า Spread สามารถมีผลกระทบอย่างมากต่อผลกำไรและความเสี่ยงในการเทรดของคุณ

กลยุทธ์การเทรดที่คำนึงถึง Spread

**Breakout Strategy:** รอให้ราคา Breakout เหนือ Spread ก่อนที่จะเปิดตำแหน่ง Buy (Call) หรือ Breakout ใต้ Spread ก่อนที่จะเปิดตำแหน่ง Sell (Put)
**Range Trading:** เทรดภายในกรอบราคาที่แคบ โดยคำนึงถึง Spread เพื่อให้แน่ใจว่าคุณสามารถทำกำไรได้แม้ว่าราคาจะเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย
**Trend Following:** เทรดตามแนวโน้มหลัก โดยคำนึงถึง Spread เพื่อให้แน่ใจว่าคุณสามารถทำกำไรได้จากแนวโน้มที่แข็งแกร่ง
**News Trading:** เทรดตามข่าวสารสำคัญ โดยคำนึงถึง Spread ที่อาจกว้างขึ้นในช่วงเวลาที่มีข่าวสาร
**Straddle Strategy:** ซื้อทั้ง Call Option และ Put Option พร้อมกัน โดยหวังว่าราคาจะเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง (Spread จะเป็นปัจจัยสำคัญในการคำนวณจุดคุ้มทุน)

สรุป

ค่า Spread เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่นักเทรดไบนารี่ออปชั่นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ การทำความเข้าใจความหมาย วิธีการคำนวณ ผลกระทบ และกลยุทธ์ในการจัดการ Spread จะช่วยให้คุณสามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงในการเทรดได้ อย่าลืมที่จะวิเคราะห์ Spread ร่วมกับเครื่องมือและเทคนิคการวิเคราะห์อื่นๆ เพื่อให้การตัดสินใจเทรดของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การเลือกโบรกเกอร์ที่มี Spread ที่แข่งขันได้และมีสภาพคล่องสูงก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น