ตัวชี้วัดความผันผวน

1. ตัวชี้วัดความผันผวน

บทนำ

ในโลกของการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาด ไบนารี่ออปชั่น ความเข้าใจในเรื่อง “ความผันผวน” (Volatility) เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือผู้มีประสบการณ์ ความผันผวนไม่ได้หมายถึงทิศทางของราคา แต่เป็นระดับความไม่แน่นอนหรือการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์ในช่วงเวลาหนึ่ง การวัดและวิเคราะห์ความผันผวนอย่างถูกต้องจะช่วยให้นักลงทุนสามารถประเมินความเสี่ยงและโอกาสในการทำกำไรได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น บทความนี้จะอธิบายถึงความหมายของความผันผวน ประเภทของตัวชี้วัดความผันผวนที่นิยมใช้ และวิธีการนำไปประยุกต์ใช้ในการเทรดไบนารี่ออปชั่น

ความผันผวนคืออะไร?

ความผันผวน (Volatility) เป็นมาตรวัดที่แสดงถึงระดับการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์ในช่วงเวลาที่กำหนด โดยทั่วไปแล้ว ความผันผวนสูงหมายถึงราคามีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง ในขณะที่ความผันผวนต่ำหมายถึงราคามีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวอย่างราบรื่นและมีเสถียรภาพ ความผันผวนได้รับอิทธิพลจากปัจจัยหลายประการ เช่น ข่าวสารเศรษฐกิจ เหตุการณ์ทางการเมือง ผลประกอบการของบริษัท และอารมณ์ของนักลงทุน

ในบริบทของ ไบนารี่ออปชั่น ความผันผวนมีผลกระทบโดยตรงต่อโอกาสในการทำกำไรและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากไบนารี่ออปชั่นเป็นการลงทุนที่ต้องคาดการณ์ทิศทางของราคาภายในระยะเวลาที่กำหนด หากราคามีความผันผวนสูง โอกาสในการทำกำไรก็จะสูงขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ความเสี่ยงในการขาดทุนก็สูงขึ้นเช่นกัน

ประเภทของตัวชี้วัดความผันผวน

มีตัวชี้วัดความผันผวนหลายประเภทที่นักลงทุนสามารถใช้ในการวิเคราะห์ตลาด แต่ละตัวชี้วัดมีวิธีการคำนวณและข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป ตัวชี้วัดที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ได้แก่:

**Historical Volatility (HV):** ความผันผวนในอดีต คำนวณจากข้อมูลราคาในอดีตของสินทรัพย์ในช่วงเวลาที่กำหนด HV เป็นตัวบ่งชี้ที่ง่ายต่อการคำนวณและเข้าใจ แต่มีข้อจำกัดคือไม่สามารถคาดการณ์ความผันผวนในอนาคตได้อย่างแม่นยำ
**Implied Volatility (IV):** ความผันผวนที่ตลาดคาดการณ์ไว้ในอนาคต คำนวณจากราคาของ ออปชั่น IV สะท้อนถึงความคาดหวังของนักลงทุนเกี่ยวกับความผันผวนของสินทรัพย์ในอนาคต และมักถูกใช้เป็นตัวบ่งชี้ความเสี่ยงที่สำคัญ
**Average True Range (ATR):** ตัวชี้วัดที่วัดช่วงราคาที่แท้จริงของสินทรัพย์ในช่วงเวลาที่กำหนด ATR คำนวณจากราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด และราคาปิดของสินทรัพย์ และสามารถใช้เพื่อวัดความผันผวนของราคาและระบุโอกาสในการเทรด
**Bollinger Bands:** แถบที่สร้างขึ้นโดยการเพิ่มและลดค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) จากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) Bollinger Bands สามารถใช้เพื่อระบุสภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) และขายมากเกินไป (Oversold) รวมถึงการ breakout ของราคา
**VIX (Volatility Index):** ดัชนีที่วัดความผันผวนของตลาดหุ้น S&P 500 VIX มักถูกเรียกว่า "ดัชนีความกลัว" เนื่องจากมีความสัมพันธ์เชิงลบกับตลาดหุ้น เมื่อตลาดหุ้นตก VIX มักจะสูงขึ้น และในทางกลับกัน

การประยุกต์ใช้ตัวชี้วัดความผันผวนในไบนารี่ออปชั่น

การทำความเข้าใจและใช้ตัวชี้วัดความผันผวนอย่างถูกต้องสามารถช่วยให้นักลงทุนไบนารี่ออปชั่นตัดสินใจเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างวิธีการนำตัวชี้วัดความผันผวนไปประยุกต์ใช้:

**การเลือกสินทรัพย์:** สินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงเหมาะสำหรับการเทรดไบนารี่ออปชั่นที่มีระยะเวลาสั้น ในขณะที่สินทรัพย์ที่มีความผันผวนต่ำเหมาะสำหรับการเทรดไบนารี่ออปชั่นที่มีระยะยาว
**การกำหนดขนาดการลงทุน:** หากความผันผวนสูง นักลงทุนควรลดขนาดการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงในการขาดทุน ในขณะที่หากความผันผวนต่ำ นักลงทุนสามารถเพิ่มขนาดการลงทุนเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
**การเลือกกลยุทธ์การเทรด:** กลยุทธ์การเทรดบางประเภท เช่น กลยุทธ์ Straddle และ กลยุทธ์ Strangle เหมาะสำหรับการเทรดในสภาวะที่ความผันผวนสูง ในขณะที่กลยุทธ์การเทรดอื่นๆ เช่น กลยุทธ์ Trend Following เหมาะสำหรับการเทรดในสภาวะที่ความผันผวนต่ำ
**การตั้งค่าระดับราคาเป้าหมาย (Strike Price):** การวิเคราะห์ IV สามารถช่วยนักลงทุนในการตั้งค่าระดับราคาเป้าหมายที่เหมาะสมสำหรับไบนารี่ออปชั่น
**การบริหารความเสี่ยง:** การติดตามความผันผวนอย่างสม่ำเสมอสามารถช่วยนักลงทุนในการบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การวิเคราะห์เชิงลึกของตัวชี้วัดความผันผวน

1. 1. 1. Historical Volatility (HV)

การคำนวณ HV เริ่มจากการหาผลตอบแทนรายวันของสินทรัพย์ (Daily Returns) จากนั้นจึงคำนวณค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ของผลตอบแทนเหล่านั้นในช่วงเวลาที่กำหนด ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานที่ได้คือ HV โดยปกติจะแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อปี

การคำนวณ Historical Volatility
Description \|	(Today’s Price – Yesterday’s Price) / Yesterday’s Price \|	ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของผลตอบแทนรายวัน \|	Standard Deviation * √252 (โดยที่ 252 คือจำนวนวันทำการในหนึ่งปี) \|

ข้อดีของ HV คือความเรียบง่ายในการคำนวณและเข้าใจ แต่ข้อเสียคือ HV เป็นข้อมูลในอดีต และไม่สามารถรับประกันได้ว่าความผันผวนในอนาคตจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

1. 1. 1. Implied Volatility (IV)

IV เป็นตัวเลขที่ได้จากการนำราคาของออปชั่นไปคำนวณโดยใช้แบบจำลองราคาออปชั่น เช่น Black-Scholes Model IV สะท้อนถึงความคาดหวังของตลาดเกี่ยวกับความผันผวนในอนาคต IV ที่สูงแสดงว่าตลาดคาดว่าราคาของสินทรัพย์จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง

การเปรียบเทียบ IV ของออปชั่นที่มีวันหมดอายุ (Expiration Date) ต่างกันสามารถช่วยให้นักลงทุนเข้าใจถึงความคาดหวังของตลาดเกี่ยวกับความผันผวนในระยะสั้นและระยะยาวได้

1. 1. 1. Average True Range (ATR)

ATR คำนวณจาก True Range (TR) ซึ่งเป็นค่าสูงสุดระหว่าง:

1. ราคาปัจจุบัน – ราคาต่ำสุดของวันก่อนหน้า 2. ราคาสูงสุดของวันก่อนหน้า – ราคาปัจจุบัน 3. ราคาปัจจุบัน – ราคาต่ำสุดของวันก่อนหน้า

จากนั้น ATR คือค่าเฉลี่ยของ TR ในช่วงเวลาที่กำหนด (โดยทั่วไปคือ 14 วัน)

ATR ไม่ได้ระบุทิศทางของราคา แต่จะช่วยให้นักลงทุนเข้าใจถึงขนาดของการเคลื่อนไหวของราคา

1. 1. 1. Bollinger Bands

Bollinger Bands ประกอบด้วยสามเส้น:

1. เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) 2. แถบบน (Upper Band) ซึ่งคำนวณจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ + (ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน * จำนวนช่วง) 3. แถบล่าง (Lower Band) ซึ่งคำนวณจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ – (ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน * จำนวนช่วง)

โดยทั่วไป จำนวนช่วงที่ใช้คือ 2

Bollinger Bands สามารถใช้เพื่อระบุสภาวะซื้อมากเกินไปและขายมากเกินไปได้ หากราคาแตะหรือทะลุแถบบน แสดงว่าสินทรัพย์อาจอยู่ในสภาวะซื้อมากเกินไป และหากราคาแตะหรือทะลุแถบล่าง แสดงว่าสินทรัพย์อาจอยู่ในสภาวะขายมากเกินไป

กลยุทธ์การเทรดไบนารี่ออปชั่นโดยใช้ตัวชี้วัดความผันผวน

**Straddle Strategy:** ซื้อ Call Option และ Put Option ที่มีราคา Strike Price เดียวกันและวันหมดอายุเดียวกัน กลยุทธ์นี้ทำกำไรเมื่อราคาของสินทรัพย์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง เหมาะสำหรับการเทรดในสภาวะที่ IV สูง
**Strangle Strategy:** ซื้อ Call Option และ Put Option ที่มีราคา Strike Price ต่างกัน (Call Option มี Strike Price สูงกว่าราคาปัจจุบัน และ Put Option มี Strike Price ต่ำกว่าราคาปัจจุบัน) และวันหมดอายุเดียวกัน กลยุทธ์นี้ทำกำไรเมื่อราคาของสินทรัพย์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง เหมาะสำหรับการเทรดในสภาวะที่ IV สูง
**Volatility Breakout Strategy:** ใช้ Bollinger Bands เพื่อระบุการ breakout ของราคา หากราคาทะลุแถบบนหรือแถบล่างของ Bollinger Bands แสดงว่าเป็นสัญญาณของการ breakout และสามารถใช้เพื่อเปิดสถานะไบนารี่ออปชั่นในทิศทางของการ breakout ได้
**ATR Trailing Stop Loss:** ใช้ ATR เพื่อกำหนดระดับ Stop Loss ที่เหมาะสมสำหรับไบนารี่ออปชั่น โดยการเพิ่มหรือลด ATR จากราคาปัจจุบัน

การบริหารความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความผันผวน

การเทรดไบนารี่ออปชั่นที่มีความผันผวนสูงมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น นักลงทุนควรใช้เทคนิคการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม เช่น:

**Position Sizing:** กำหนดขนาดการลงทุนที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่รับได้
**Stop Loss:** ตั้งค่า Stop Loss เพื่อจำกัดการขาดทุน
**Diversification:** กระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์หลายประเภทเพื่อลดความเสี่ยง
**Risk/Reward Ratio:** เลือกเทรดที่มี Risk/Reward Ratio ที่เหมาะสม (เช่น 1:2 หรือ 1:3)

สรุป

ความผันผวนเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเทรดไบนารี่ออปชั่น การทำความเข้าใจและใช้ตัวชี้วัดความผันผวนอย่างถูกต้องสามารถช่วยให้นักลงทุนประเมินความเสี่ยงและโอกาสในการทำกำไรได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การเทรดไบนารี่ออปชั่นมีความเสี่ยงสูง นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลและฝึกฝนอย่างรอบคอบก่อนที่จะเริ่มเทรดจริง

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น