การใช้ trailing stop
- การใช้ Trailing Stop ในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น
Trailing stop เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงที่สำคัญและมีประสิทธิภาพสำหรับนักลงทุนในตลาดการเงิน รวมถึงตลาด ไบนารี่ออปชั่น ด้วย บทความนี้จะอธิบายถึงหลักการทำงานของ trailing stop, วิธีการใช้งาน, ข้อดีข้อเสีย, และกลยุทธ์การนำไปประยุกต์ใช้ในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่นสำหรับผู้เริ่มต้น
- Trailing Stop คืออะไร?
Trailing stop เป็นคำสั่งที่ใช้ในการจำกัดการขาดทุน (stop-loss) แต่มีความพิเศษตรงที่ระดับราคา stop จะเคลื่อนที่ตามราคาปัจจุบันของสินทรัพย์ในทิศทางที่เอื้อประโยชน์ต่อผู้ซื้อขาย กล่าวคือ หากราคาเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่คาดหวัง ระดับ stop จะถูกปรับขึ้น (สำหรับ long position) หรือปรับลง (สำหรับ short position) ตามไปด้วย แต่หากราคาเคลื่อนที่สวนทาง ระดับ stop จะยังคงอยู่ที่เดิม ทำให้ผู้ซื้อขายสามารถจำกัดการขาดทุนได้
ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง stop-loss ทั่วไปและ trailing stop คือ stop-loss ทั่วไปจะถูกตั้งไว้ที่ระดับราคาคงที่ ในขณะที่ trailing stop จะปรับเปลี่ยนตามราคา ทำให้สามารถล็อคผลกำไรที่เกิดขึ้นแล้วและป้องกันการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นได้
- หลักการทำงานของ Trailing Stop
Trailing stop ทำงานโดยอาศัยค่าเปอร์เซ็นต์ (percentage) หรือจำนวนแต้ม (pips) ที่กำหนดไว้จากราคาปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น หากเราตั้ง trailing stop ไว้ที่ 5% จากราคาปัจจุบัน และราคาของสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 10% ระดับ stop จะถูกปรับขึ้นไป 5% จากราคาปัจจุบันเช่นกัน แต่หากราคาลดลง 2% ระดับ stop จะยังคงอยู่ที่เดิม
- **Long Position:** หากราคาขึ้น ระดับ stop จะถูกปรับขึ้นตามไปด้วย แต่หากราคาลง ระดับ stop จะยังคงอยู่ที่เดิม
- **Short Position:** หากราคาลง ระดับ stop จะถูกปรับลงตามไปด้วย แต่หากราคาขึ้น ระดับ stop จะยังคงอยู่ที่เดิม
- วิธีการตั้งค่า Trailing Stop ในไบนารี่ออปชั่น
แพลตฟอร์มการซื้อขายไบนารี่ออปชั่นส่วนใหญ่มักจะมีตัวเลือกในการตั้งค่า trailing stop อย่างไรก็ตาม วิธีการและรูปแบบการตั้งค่าอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละแพลตฟอร์ม โดยทั่วไปแล้ว ผู้ซื้อขายสามารถตั้งค่า trailing stop ได้โดยระบุ:
1. **ประเภทของ Position:** Long หรือ Short 2. **Trailing Amount:** กำหนดเป็นเปอร์เซ็นต์ (%) หรือจำนวนแต้ม (pips) 3. **Activation Price:** ราคาที่ trailing stop จะเริ่มทำงาน (บางแพลตฟอร์ม)
- ตัวอย่าง:**
สมมติว่าเราซื้อไบนารี่ออปชั่นที่ราคา 100 บาท และต้องการตั้ง trailing stop ไว้ที่ 5% จากราคาปัจจุบัน เราจะตั้งค่าดังนี้:
- **ประเภท:** Long
- **Trailing Amount:** 5%
หากราคาขึ้นไปเป็น 105 บาท ระดับ stop จะถูกปรับขึ้นไปที่ 100 บาท (105 - 5% = 100) แต่หากราคาลดลงไปที่ 102 บาท ระดับ stop จะยังคงอยู่ที่ 100 บาท
- ข้อดีของการใช้ Trailing Stop
- **จำกัดการขาดทุน:** Trailing stop ช่วยจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
- **ล็อคผลกำไร:** เมื่อราคาเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่เอื้อประโยชน์ trailing stop จะช่วยล็อคผลกำไรที่เกิดขึ้นแล้ว
- **ลดความเสี่ยง:** การใช้ trailing stop ช่วยลดความเสี่ยงโดยรวมในการซื้อขาย
- **ไม่ต้องเฝ้าหน้าจอ:** Trailing stop สามารถทำงานโดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้ซื้อขายไม่ต้องเฝ้าหน้าจอตลอดเวลา
- **เพิ่มโอกาสในการทำกำไร:** โดยการล็อคผลกำไรที่เกิดขึ้นแล้ว trailing stop ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในระยะยาว
- ข้อเสียของการใช้ Trailing Stop
- **อาจถูก Stop Out เร็วเกินไป:** หากราคาเกิดการผันผวนอย่างรวดเร็ว trailing stop อาจถูก trigger ก่อนที่ราคาจะกลับมาเป็นไปในทิศทางที่คาดหวัง
- **ต้องปรับตั้งค่าให้เหมาะสม:** การตั้งค่า trailing amount ที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้พลาดโอกาสในการทำกำไร หรือถูก stop out เร็วเกินไป
- **ไม่เหมาะกับทุกสถานการณ์:** Trailing stop อาจไม่เหมาะกับการซื้อขายในตลาดที่มีความผันผวนสูง หรือตลาดที่ไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจน
- กลยุทธ์การใช้ Trailing Stop ในไบนารี่ออปชั่น
1. **Trailing Stop ตามแนวโน้ม (Trend Following):** ใช้ trailing stop เพื่อล็อคผลกำไรจากการซื้อขายตามแนวโน้มของราคา หากราคาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (uptrend) ให้ใช้ trailing stop เพื่อล็อคผลกำไรเมื่อราคาปรับตัวขึ้น และหากราคาอยู่ในแนวโน้มขาลง (downtrend) ให้ใช้ trailing stop เพื่อล็อคผลกำไรเมื่อราคาปรับตัวลง กลยุทธ์นี้เหมาะกับการใช้ร่วมกับ การวิเคราะห์แนวโน้ม (Trend Analysis) และ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) 2. **Trailing Stop ตามระดับแนวรับแนวต้าน (Support and Resistance):** ใช้ trailing stop เพื่อล็อคผลกำไรเมื่อราคาทะลุระดับแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญ หากราคาทะลุระดับแนวต้าน ให้ใช้ trailing stop เพื่อล็อคผลกำไร และหากราคาทะลุระดับแนวรับ ให้ใช้ trailing stop เพื่อล็อคผลกำไร กลยุทธ์นี้เหมาะกับการใช้ร่วมกับ การวิเคราะห์แนวรับแนวต้าน (Support and Resistance Analysis) และ รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns) 3. **Trailing Stop ตามตัวบ่งชี้ทางเทคนิค (Technical Indicators):** ใช้ trailing stop เพื่อล็อคผลกำไรตามสัญญาณที่ได้จากตัวบ่งชี้ทางเทคนิค เช่น Bollinger Bands, MACD, หรือ RSI หากตัวบ่งชี้ทางเทคนิคให้สัญญาณซื้อ ให้ใช้ trailing stop เพื่อล็อคผลกำไร และหากตัวบ่งชี้ทางเทคนิคให้สัญญาณขาย ให้ใช้ trailing stop เพื่อล็อคผลกำไร 4. **Trailing Stop แบบผสมผสาน (Combined Trailing Stop):** ผสมผสาน trailing stop กับ stop-loss แบบคงที่ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยง ตัวอย่างเช่น ตั้ง trailing stop ไว้ที่ 5% จากราคาปัจจุบัน และตั้ง stop-loss ไว้ที่ 10% จากราคาปัจจุบัน 5. **การใช้ร่วมกับกลยุทธ์ Martingale:** ระมัดระวังอย่างยิ่งในการใช้ trailing stop ร่วมกับ กลยุทธ์ Martingale เนื่องจากอาจทำให้เกิดการขาดทุนที่สูงมากหากราคาเคลื่อนที่สวนทางอย่างต่อเนื่อง
- การเลือกค่า Trailing Amount ที่เหมาะสม
การเลือกค่า trailing amount ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ trailing stop ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่มีสูตรตายตัวในการกำหนดค่า trailing amount ที่เหมาะสม แต่มีปัจจัยหลายอย่างที่ควรพิจารณา:
- **ความผันผวนของตลาด:** หากตลาดมีความผันผวนสูง ควรใช้ trailing amount ที่สูงขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการถูก stop out เร็วเกินไป แต่หากตลาดมีความผันผวนต่ำ ควรใช้ trailing amount ที่ต่ำลง เพื่อล็อคผลกำไรได้อย่างรวดเร็ว
- **กรอบเวลา (Timeframe):** หากใช้กรอบเวลาสั้น ควรใช้ trailing amount ที่ต่ำลง และหากใช้กรอบเวลาที่ยาว ควรใช้ trailing amount ที่สูงขึ้น
- **สไตล์การซื้อขาย:** หากเป็นนักซื้อขายระยะสั้น ควรใช้ trailing amount ที่ต่ำลง และหากเป็นนักซื้อขายระยะยาว ควรใช้ trailing amount ที่สูงขึ้น
- **ความเสี่ยงที่ยอมรับได้:** หากยอมรับความเสี่ยงได้สูง ควรใช้ trailing amount ที่ต่ำลง และหากยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ ควรใช้ trailing amount ที่สูงขึ้น
โดยทั่วไปแล้ว นักซื้อขายส่วนใหญ่มักจะใช้ trailing amount อยู่ในช่วง 2-10%
- การบริหารความเสี่ยงเมื่อใช้ Trailing Stop
แม้ว่า trailing stop จะช่วยบริหารความเสี่ยงได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะสามารถป้องกันการขาดทุนได้ทั้งหมด ดังนั้น การบริหารความเสี่ยงยังคงเป็นสิ่งสำคัญ:
- **กำหนดขนาด Position ที่เหมาะสม:** ไม่ควรลงทุนเกินกว่าที่คุณสามารถยอมรับการสูญเสียได้
- **กระจายความเสี่ยง:** ไม่ควรลงทุนในสินทรัพย์เพียงอย่างเดียว
- **ติดตามข่าวสาร:** ติดตามข่าวสารและเหตุการณ์ที่อาจมีผลกระทบต่อตลาด
- **เรียนรู้และปรับปรุง:** เรียนรู้จากประสบการณ์และปรับปรุงกลยุทธ์การซื้อขายของคุณอยู่เสมอ
- สรุป
Trailing stop เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับนักลงทุนในตลาดไบนารี่ออปชั่น ช่วยจำกัดการขาดทุน ล็อคผลกำไร และลดความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม การใช้งาน trailing stop อย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัยความเข้าใจในหลักการทำงาน การตั้งค่าที่เหมาะสม และการบริหารความเสี่ยงที่ดี ผู้เริ่มต้นควรศึกษาและทดลองใช้ trailing stop ในบัญชีทดลอง (demo account) ก่อนที่จะนำไปใช้ในการซื้อขายจริง
การวิเคราะห์ทางเทคนิค | การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน | การบริหารความเสี่ยง | กลยุทธ์การซื้อขายไบนารี่ออปชั่น | การวิเคราะห์กราฟราคา | แนวโน้ม (Trend) | แนวรับแนวต้าน (Support and Resistance) | Bollinger Bands | MACD | RSI | Moving Averages | Candlestick Patterns | กลยุทธ์ Martingale | การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis) | การซื้อขายตามข่าวสาร (News Trading) | การซื้อขายช่วงเวลา (Time-Based Trading) | การซื้อขายตามฤดูกาล (Seasonal Trading) | การซื้อขายแบบ Scalping | การซื้อขายแบบ Day Trading | การซื้อขายแบบ Swing Trading
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น
