การใช้ Trend Following
การใช้ Trend Following
การซื้อขายไบนารี่ออปชั่น (Binary Options) เป็นรูปแบบการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง แต่ก็มีศักยภาพในการทำกำไรที่น่าสนใจ หนึ่งในกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมและถือว่ามีประสิทธิภาพคือการใช้กลยุทธ์ Trend Following หรือ การติดตามแนวโน้ม ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่อาศัยการสังเกตและทำกำไรจากแนวโน้มราคาที่เกิดขึ้นในตลาด บทความนี้จะอธิบายกลยุทธ์ Trend Following อย่างละเอียดสำหรับผู้เริ่มต้น โดยครอบคลุมตั้งแต่แนวคิดพื้นฐาน การระบุแนวโน้ม เครื่องมือที่ใช้ และข้อควรระวังในการนำไปใช้งานจริง
แนวคิดพื้นฐานของ Trend Following
Trend Following เป็นกลยุทธ์ที่เชื่อว่าราคาของสินทรัพย์จะเคลื่อนที่ไปในทิศทางหนึ่งเป็นระยะเวลานานกว่าที่ตลาดจะคาดการณ์ไว้ ดังนั้น นักเทรดที่ใช้กลยุทธ์นี้จะพยายามระบุแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้น และเข้าซื้อ (Call Option) หากแนวโน้มเป็นขาขึ้น (Uptrend) หรือเข้าขาย (Put Option) หากแนวโน้มเป็นขาลง (Downtrend) หัวใจสำคัญของกลยุทธ์นี้คือการ “ไปกับกระแส” แทนที่จะพยายามคาดการณ์จุดกลับตัวของราคา ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ยากและมีความเสี่ยงสูง
การซื้อขายตามแนวโน้มไม่ได้หมายความว่าราคาจะเคลื่อนที่ในทิศทางเดียวตลอดเวลา ราคาอาจมีการปรับตัวขึ้นลง (Pullback) หรือ Sideways ในระหว่างแนวโน้มหลัก แต่ผู้ใช้กลยุทธ์ Trend Following จะมองว่าการปรับตัวเหล่านี้เป็นโอกาสในการเข้าซื้อหรือขายในราคาที่ดีขึ้น
การวิเคราะห์ทางเทคนิค เป็นเครื่องมือสำคัญในการระบุแนวโน้ม ราคา และจุดเข้าออกที่เหมาะสม การทำความเข้าใจ รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns) และ เส้นแนวโน้ม (Trend Lines) จะช่วยให้คุณสามารถประเมินทิศทางของราคาได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
การระบุแนวโน้ม (Identifying Trends)
การระบุแนวโน้มเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดในการใช้กลยุทธ์ Trend Following มีหลายวิธีในการระบุแนวโน้ม ได้แก่
- การสังเกตด้วยสายตา: เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด โดยการพิจารณากราฟราคา หากราคาสร้างจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นเรื่อยๆ แสดงว่าเป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) ในทางกลับกัน หากราคาสร้างจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่ต่ำลงเรื่อยๆ แสดงว่าเป็นแนวโน้มขาลง (Downtrend)
- การใช้เส้นแนวโน้ม: วาดเส้นเชื่อมต่อจุดต่ำสุดในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend Line) หรือจุดสูงสุดในแนวโน้มขาลง (Downtrend Line) เส้นแนวโน้มจะช่วยยืนยันแนวโน้มและใช้เป็นแนวรับ (Support) หรือแนวต้าน (Resistance)
- การใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages): เป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมในการระบุแนวโน้ม โดยคำนวณจากราคาเฉลี่ยในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน หรือ 200 วัน การเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สองเส้นที่มีระยะเวลาแตกต่างกัน (เช่น 50 วัน และ 200 วัน) สามารถช่วยระบุแนวโน้มได้ หากเส้นระยะสั้นตัดขึ้นเหนือเส้นระยะยาว แสดงว่าเป็นสัญญาณซื้อ (Golden Cross) และหากเส้นระยะสั้นตัดลงใต้เส้นระยะยาว แสดงว่าเป็นสัญญาณขาย (Death Cross)
- การใช้ Indicators: มี Indicators หลายชนิดที่สามารถช่วยระบุแนวโน้มได้ เช่น MACD (Moving Average Convergence Divergence), RSI (Relative Strength Index), และ ADX (Average Directional Index)
เครื่องมือที่ใช้ในการซื้อขาย Trend Following
นอกเหนือจากการระบุแนวโน้มแล้ว การเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมก็มีความสำคัญเช่นกัน เครื่องมือที่ใช้ในการซื้อขาย Trend Following ประกอบด้วย
- เส้นแนวโน้ม (Trend Lines): ใช้เพื่อยืนยันแนวโน้มและกำหนดจุดเข้าออก
- ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages): ใช้เพื่อระบุแนวโน้มและกรองสัญญาณรบกวน
- Indicators: MACD, RSI, ADX, Bollinger Bands และอื่นๆ ใช้เพื่อยืนยันแนวโน้มและสร้างสัญญาณซื้อขาย
- รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns): ใช้เพื่อระบุสัญญาณกลับตัวของแนวโน้ม หรือยืนยันแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้น เช่น Doji, Engulfing Pattern, และ Hammer
- ระดับแนวรับและแนวต้าน (Support and Resistance Levels): ใช้เพื่อกำหนดจุดเข้าออกที่เหมาะสม
กลยุทธ์ Trend Following ในไบนารี่ออปชั่น
มีหลายกลยุทธ์ Trend Following ที่สามารถนำไปใช้ในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่นได้ ตัวอย่างเช่น
- Moving Average Crossover: เมื่อเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้นตัดขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาว ให้เปิด Call Option (ซื้อ) และเมื่อเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้นตัดลงใต้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาว ให้เปิด Put Option (ขาย)
- Trend Line Breakout: เมื่อราคาตัดผ่านเส้นแนวโน้มขาขึ้น ให้เปิด Call Option และเมื่อราคาตัดผ่านเส้นแนวโน้มขาลง ให้เปิด Put Option
- MACD Crossover: เมื่อเส้น MACD ตัดขึ้นเหนือเส้น Signal ให้เปิด Call Option และเมื่อเส้น MACD ตัดลงใต้เส้น Signal ให้เปิด Put Option
- Bollinger Bands Squeeze: เมื่อ Bollinger Bands แคบลง แสดงว่าความผันผวนของราคาต่ำ และอาจมีแนวโน้มที่จะเกิดการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ให้รอการ Breakout และเปิดออปชั่นตามทิศทางของการ Breakout
ตารางต่อไปนี้แสดงตัวอย่างการใช้กลยุทธ์ Moving Average Crossover ในไบนารี่ออปชั่น:
| ระยะเวลา | เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ | สัญญาณ | การดำเนินการ |
|---|---|---|---|
| 5 นาที | 10 | ตัดขึ้น | เปิด Call Option |
| 5 นาที | 10 | ตัดลง | เปิด Put Option |
| 15 นาที | 50 | ตัดขึ้น | เปิด Call Option |
| 15 นาที | 50 | ตัดลง | เปิด Put Option |
การจัดการความเสี่ยง (Risk Management)
การซื้อขายไบนารี่ออปชั่นมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น การจัดการความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการใช้กลยุทธ์ Trend Following ควรปฏิบัติตามหลักการดังต่อไปนี้
- กำหนดขนาดการลงทุนต่อการเทรด: ไม่ควรลงทุนเกิน 1-5% ของเงินทุนทั้งหมดในการเทรดแต่ละครั้ง
- ใช้ Stop Loss: แม้ว่าไบนารี่ออปชั่นจะไม่มี Stop Loss แบบดั้งเดิม แต่คุณสามารถจำกัดความเสี่ยงได้โดยการเลือกระยะเวลาหมดอายุ (Expiration Time) ที่สั้นลง
- กระจายความเสี่ยง: อย่าลงทุนในสินทรัพย์เพียงอย่างเดียว กระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์ต่างๆ
- อย่าไล่ตามราคา: หากคุณพลาดโอกาสในการเข้าเทรด อย่าพยายามไล่ตามราคา เพราะอาจทำให้คุณตัดสินใจผิดพลาด
- ควบคุมอารมณ์: อย่าปล่อยให้อารมณ์เข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจซื้อขาย
ข้อควรระวังในการใช้ Trend Following
แม้ว่ากลยุทธ์ Trend Following จะมีประสิทธิภาพ แต่ก็มีข้อควรระวังบางประการที่ควรทราบ
- แนวโน้มอาจเปลี่ยนแปลง: แนวโน้มไม่ได้คงอยู่ตลอดไป แนวโน้มอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ดังนั้น คุณต้องพร้อมที่จะปรับกลยุทธ์ของคุณตามสถานการณ์
- สัญญาณหลอก (False Signals): Indicators อาจสร้างสัญญาณหลอกได้ ดังนั้น คุณควรยืนยันสัญญาณด้วยเครื่องมืออื่นๆ ก่อนตัดสินใจซื้อขาย
- ความล่าช้าของ Indicators: Indicators บางชนิดอาจมีความล่าช้าในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของราคา
- การ Sideways Market: กลยุทธ์ Trend Following ไม่เหมาะกับการซื้อขายในตลาด Sideways หรือตลาดที่ราคาเคลื่อนที่ในกรอบแคบๆ
สรุป
Trend Following เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น แต่ต้องอาศัยความเข้าใจในแนวคิดพื้นฐาน การระบุแนวโน้ม การเลือกเครื่องมือที่เหมาะสม และการจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ การฝึกฝนและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องจะช่วยให้คุณสามารถใช้กลยุทธ์นี้ได้อย่างประสบความสำเร็จ
การศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis) จะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในเรื่องของความแข็งแกร่งของแนวโน้มได้อีกด้วย การใช้ Fibonacci Retracement เพื่อหาจุดเข้าซื้อขายในแนวโน้มก็เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่น่าสนใจ
กลยุทธ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง: Price Action, Breakout Trading, Reversal Trading, Scalping, Day Trading, Swing Trading, Hedging, Arbitrage, News Trading, Elliott Wave Theory, Harmonic Patterns, Ichimoku Cloud, Pivot Points, Three Line Break, Parabolic SAR.
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น
