การใช้ TradingView

1. การใช้ TradingView สำหรับเทรดไบนารี่ออปชั่น

TradingView เป็นแพลตฟอร์มแผนภูมิและการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่นักเทรดทั่วโลก ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเทรด ไบนารี่ออปชั่น มือใหม่หรือมืออาชีพ TradingView มีเครื่องมือมากมายที่สามารถช่วยคุณในการตัดสินใจเทรดได้อย่างมีข้อมูลและแม่นยำยิ่งขึ้น บทความนี้จะนำเสนอการใช้งาน TradingView สำหรับผู้เริ่มต้น โดยจะครอบคลุมตั้งแต่การตั้งค่าพื้นฐาน การใช้เครื่องมือวาดภาพ การเพิ่ม ตัวชี้วัดทางเทคนิค และการวิเคราะห์กราฟเพื่อวางแผนการเทรด ไบนารี่ออปชั่น ที่มีประสิทธิภาพ

การเริ่มต้นใช้งาน TradingView

1. การสร้างบัญชี: เริ่มต้นด้วยการสร้างบัญชีบนเว็บไซต์ TradingView ([1](https://www.tradingview.com/)) คุณสามารถเลือกสร้างบัญชีด้วยอีเมล, บัญชี Google หรือบัญชี Facebook 2. การเลือกสินทรัพย์: เมื่อเข้าสู่ระบบแล้ว คุณจะต้องเลือกสินทรัพย์ที่คุณต้องการเทรด เช่น คู่สกุลเงิน Forex ดัชนีหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ หรือสกุลเงินดิจิทัล TradingView รองรับสินทรัพย์หลากหลายประเภทจากทั่วโลก 3. การเลือกไทม์เฟรม: กำหนดช่วงเวลาที่คุณต้องการวิเคราะห์กราฟ เช่น 1 นาที 5 นาที 15 นาที 1 ชั่วโมง 1 วัน หรือ 1 สัปดาห์ การเลือกไทม์เฟรมที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การเทรดของคุณ หากคุณใช้กลยุทธ์ Scalping คุณอาจต้องการใช้ไทม์เฟรมที่สั้นกว่า ในขณะที่หากคุณใช้กลยุทธ์ Swing Trading คุณอาจต้องการใช้ไทม์เฟรมที่ยาวกว่า 4. การปรับแต่งแผนภูมิ: TradingView มีตัวเลือกการปรับแต่งแผนภูมิมากมาย คุณสามารถเปลี่ยนสีของแท่งเทียน พื้นหลัง เส้นแนวโน้ม และตัวชี้วัดต่างๆ เพื่อให้แผนภูมิของคุณอ่านง่ายและสะดวกต่อการวิเคราะห์

เครื่องมือวาดภาพ (Drawing Tools)

TradingView มีเครื่องมือวาดภาพที่หลากหลาย ซึ่งช่วยให้คุณสามารถระบุแนวโน้ม แนวรับ แนวต้าน และรูปแบบกราฟต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ

• เส้นแนวโน้ม (Trend Lines): ใช้เพื่อระบุทิศทางของแนวโน้ม แนวโน้ม สามารถเป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend), แนวโน้มขาลง (Downtrend) หรือแนวโน้มด้านข้าง (Sideways Trend)
• แนวรับและแนวต้าน (Support and Resistance): แนวรับคือระดับราคาที่คาดว่าจะมีการซื้อเข้ามา ทำให้ราคามีแนวโน้มที่จะไม่ลดลงต่ำกว่าระดับนั้น ในขณะที่แนวต้านคือระดับราคาที่คาดว่าจะมีการขายออกมา ทำให้ราคามีแนวโน้มที่จะไม่เพิ่มขึ้นสูงกว่าระดับนั้น การระบุแนวรับและแนวต้านช่วยให้คุณสามารถวางแผนการเข้าและออกจากการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• ช่องแนวโน้ม (Channels): ใช้เพื่อระบุช่วงราคาที่ราคาเคลื่อนที่อยู่ ช่องแนวโน้มสามารถเป็นช่องขาขึ้น (Ascending Channel), ช่องขาลง (Descending Channel) หรือช่องด้านข้าง (Sideways Channel)
• รูปแบบกราฟ (Chart Patterns): TradingView ช่วยให้คุณสามารถระบุรูปแบบกราฟต่างๆ เช่น Head and Shoulders, Double Top, Double Bottom, Triangles และ Flags การระบุรูปแบบกราฟเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณคาดการณ์ทิศทางของราคาในอนาคตได้
• เครื่องมือ Fibonacci (Fibonacci Tools): ใช้เพื่อระบุระดับ Fibonacci Retracements และ Fibonacci Extensions ซึ่งเป็นระดับราคาที่คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทิศทางของราคา

การเพิ่มตัวชี้วัดทางเทคนิค (Technical Indicators)

TradingView มีตัวชี้วัดทางเทคนิคมากมายที่สามารถช่วยคุณในการวิเคราะห์กราฟและตัดสินใจเทรดได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้น

• Moving Averages (MA): ใช้เพื่อหาแนวโน้มและระดับแนวรับแนวต้านที่เปลี่ยนแปลงไปตามเวลา มีทั้งแบบ Simple Moving Average (SMA) และ Exponential Moving Average (EMA) EMA ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาได้เร็วกว่า SMA
• Relative Strength Index (RSI): ใช้เพื่อวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม RSI มีค่าระหว่าง 0 ถึง 100 โดยทั่วไป หาก RSI สูงกว่า 70 แสดงว่าสินทรัพย์นั้นอยู่ในสภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) และหาก RSI ต่ำกว่า 30 แสดงว่าสินทรัพย์นั้นอยู่ในสภาวะขายมากเกินไป (Oversold)
• Moving Average Convergence Divergence (MACD): ใช้เพื่อระบุการเปลี่ยนแปลงของแรงผลักดันของแนวโน้ม MACD คำนวณจากความแตกต่างระหว่าง Moving Averages สองเส้น
• Bollinger Bands: ใช้เพื่อวัดความผันผวนของราคา Bollinger Bands ประกอบด้วยเส้น Moving Average และเส้น Upper และ Lower Bands ที่อยู่ห่างจากเส้น Moving Average เป็นจำนวน Standard Deviations ที่กำหนดไว้
• Ichimoku Cloud: ใช้เพื่อระบุแนวโน้ม แนวรับ แนวต้าน และสัญญาณการซื้อขาย Ichimoku Cloud ประกอบด้วยเส้นต่างๆ หลายเส้นที่สร้างเป็น "Cloud"

การวิเคราะห์กราฟเพื่อวางแผนการเทรดไบนารี่ออปชั่น

เมื่อคุณได้เรียนรู้วิธีการใช้เครื่องมือวาดภาพและตัวชี้วัดทางเทคนิคแล้ว คุณสามารถเริ่มวิเคราะห์กราฟเพื่อวางแผนการเทรด ไบนารี่ออปชั่น ได้

1. การระบุแนวโน้ม: เริ่มต้นด้วยการระบุแนวโน้มของสินทรัพย์ที่คุณต้องการเทรด คุณสามารถใช้เส้นแนวโน้ม ช่องแนวโน้ม หรือ Moving Averages เพื่อช่วยในการระบุแนวโน้ม 2. การหาระดับแนวรับและแนวต้าน: ระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่สำคัญบนกราฟ ระดับเหล่านี้สามารถใช้เป็นจุดเข้าและออกจากการเทรด 3. การวิเคราะห์ตัวชี้วัดทางเทคนิค: ใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิคเพื่อยืนยันแนวโน้มและหาระดับการซื้อขายที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น หากคุณระบุแนวโน้มขาขึ้นและ RSI บ่งชี้ว่าสินทรัพย์อยู่ในสภาวะซื้อมากเกินไป คุณอาจพิจารณาขายเพื่อทำกำไร 4. การเลือกประเภทของไบนารี่ออปชั่น: เลือกประเภทของไบนารี่ออปชั่นที่เหมาะสมกับกลยุทธ์การเทรดของคุณ เช่น High/Low, Touch/No Touch หรือ Range 5. การกำหนดระยะเวลาหมดอายุ: กำหนดระยะเวลาหมดอายุของไบนารี่ออปชั่นของคุณ ระยะเวลาหมดอายุที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับไทม์เฟรมที่คุณกำลังวิเคราะห์และกลยุทธ์การเทรดของคุณ 6. การบริหารความเสี่ยง: กำหนดจำนวนเงินที่คุณเต็มใจที่จะเสี่ยงในการเทรดแต่ละครั้ง การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเทรด ไบนารี่ออปชั่น

ตัวอย่างการวิเคราะห์กราฟ

สมมติว่าคุณต้องการเทรดคู่สกุลเงิน EUR/USD บนไทม์เฟรม 15 นาที คุณสังเกตเห็นว่าราคาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง คุณวาดเส้นแนวโน้มเพื่อระบุแนวโน้มและพบว่ามีระดับแนวรับที่ 1.1000 และระดับแนวต้านที่ 1.1100 คุณเพิ่มตัวชี้วัด RSI และพบว่า RSI มีค่าอยู่ที่ 60 ซึ่งบ่งชี้ว่าสินทรัพย์ยังไม่เข้าสู่สภาวะซื้อมากเกินไป

จากข้อมูลเหล่านี้ คุณสามารถวางแผนการเทรดดังนี้:

• ประเภทของไบนารี่ออปชั่น: High/Low
• ทิศทางการเทรด: Call (ซื้อ)
• ราคาเข้า: 1.1050 (เหนือระดับแนวรับเล็กน้อย)
• ราคาเป้าหมาย: 1.1090 (ใกล้กับระดับแนวต้าน)
• ระยะเวลาหมดอายุ: 30 นาที

กลยุทธ์การเทรดที่ใช้ร่วมกับ TradingView

• กลยุทธ์ Breakout: ใช้เมื่อราคา Breakout เหนือแนวต้านหรือต่ำกว่าแนวรับ
• กลยุทธ์ Reversal: ใช้เมื่อราคามีสัญญาณการกลับตัวจากแนวรับหรือแนวต้าน
• กลยุทธ์ Moving Average Crossover: ใช้เมื่อเส้น Moving Average สองเส้นตัดกัน
• กลยุทธ์ RSI Divergence: ใช้เมื่อ RSI แสดงการ Divergence กับราคา
• กลยุทธ์ Price Action: ใช้เพื่อวิเคราะห์รูปแบบแท่งเทียนและรูปแบบราคาอื่นๆ

การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis)

การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายเป็นส่วนสำคัญของการวิเคราะห์ทางเทคนิค การเพิ่มปริมาณการซื้อขายเมื่อราคามีแนวโน้มขึ้นเป็นสัญญาณยืนยันแนวโน้มที่แข็งแกร่ง ในขณะที่ปริมาณการซื้อขายที่ลดลงเมื่อราคามีแนวโน้มขึ้นอาจบ่งชี้ถึงการขาดแรงผลักดัน

การใช้ Alert บน TradingView

TradingView ช่วยให้คุณสามารถตั้งค่า Alert เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อราคาถึงระดับที่คุณกำหนดไว้ คุณสามารถตั้งค่า Alert สำหรับระดับแนวรับ แนวต้าน การ Breakout หรือสัญญาณจากตัวชี้วัดทางเทคนิค

การปรับปรุงทักษะการใช้ TradingView

• ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ: การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาทักษะการใช้ TradingView
• เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ: เข้าร่วมกลุ่มหรือฟอรัมการเทรดเพื่อเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ
• ทดลองกลยุทธ์ต่างๆ: ทดลองกลยุทธ์การเทรดต่างๆ เพื่อค้นหากลยุทธ์ที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด
• ใช้บัญชี Demo: ฝึกฝนการเทรดด้วยบัญชี Demo ก่อนที่จะเริ่มเทรดด้วยเงินจริง

ตัวอย่างการตั้งค่า Indicator

! Indicator	! การตั้งค่า	! คำอธิบาย
Period: 20 | หาแนวโน้มระยะกลาง
Period: 14, Overbought: 70, Oversold: 30 | ระบุสภาวะซื้อมากเกินไปและขายมากเกินไป
Fast Length: 12, Slow Length: 26, Signal Length: 9 | ระบุการเปลี่ยนแปลงของแรงผลักดัน
Period: 20, Standard Deviation: 2 | วัดความผันผวน

สรุป

TradingView เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับนักเทรด ไบนารี่ออปชั่น ทุกระดับ ด้วยเครื่องมือวาดภาพ ตัวชี้วัดทางเทคนิค และคุณสมบัติการวิเคราะห์กราฟที่หลากหลาย TradingView สามารถช่วยให้คุณตัดสินใจเทรดได้อย่างมีข้อมูลและแม่นยำยิ่งขึ้น การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและการเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณสามารถใช้ประโยชน์จาก TradingView ได้อย่างเต็มที่

การบริหารเงินทุน || การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน || ความเสี่ยงในการเทรด || กลยุทธ์ Martingale || กลยุทธ์ Anti-Martingale || กลยุทธ์ Fibonacci || กลยุทธ์ Price Action || กลยุทธ์ Moving Average || กลยุทธ์ RSI || กลยุทธ์ MACD || การเทรดตามข่าว || การเทรดช่วงเวลา || การเทรดช่วงตลาดเปิด || การวิเคราะห์รูปแบบแท่งเทียน || การวิเคราะห์ Volume Spread Analysis

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น