การใช้ Fibonacci Retracement ในการซื้อขาย
- การใช้ Fibonacci Retracement ในการซื้อขาย
Fibonacci Retracement เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่ผู้ซื้อขายในตลาดการเงิน รวมถึงตลาด ไบนารี่ออปชั่น ด้วย เครื่องมือนี้อาศัยหลักการทางคณิตศาสตร์ของลำดับ Fibonacci ซึ่งค้นพบโดยนักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลีชื่อ Leonardo Pisano หรือที่รู้จักกันในชื่อ Fibonacci ในศตวรรษที่ 13 แม้ว่าลำดับ Fibonacci จะถูกค้นพบมานานแล้ว แต่การนำมาประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคเพิ่งได้รับความสนใจในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา บทความนี้จะอธิบายหลักการทำงานของ Fibonacci Retracement การใช้งานในตลาดไบนารี่ออปชั่น รวมถึงกลยุทธ์และข้อควรระวังต่างๆ สำหรับผู้เริ่มต้น
- หลักการของลำดับ Fibonacci และอัตราส่วน Fibonacci
ลำดับ Fibonacci เริ่มต้นด้วย 0 และ 1 จากนั้นตัวเลขถัดไปในลำดับจะเท่ากับผลรวมของตัวเลขสองตัวก่อนหน้า: 0, 1, 1, 2, 3, 5, 8, 13, 21, 34, 55, 89, 144, ... และเป็นเช่นนี้ต่อไป
สิ่งที่สำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิคไม่ใช่ตัวเลขในลำดับ Fibonacci เอง แต่เป็นอัตราส่วนที่ได้จากการหารตัวเลขหนึ่งในลำดับด้วยตัวเลขถัดไป เมื่อลำดับ Fibonacci มีขนาดใหญ่ขึ้น อัตราส่วนเหล่านี้จะลู่เข้าสู่ค่าคงที่ที่เรียกว่า Golden Ratio หรืออัตราส่วนทองคำ ซึ่งมีค่าประมาณ 1.618
อัตราส่วน Fibonacci ที่สำคัญที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคมีดังนี้:
- **23.6%**: ได้จากการหารตัวเลขในลำดับด้วยตัวเลขถัดไปหลังจากนั้นสามตำแหน่ง
- **38.2%**: ได้จากการหารตัวเลขในลำดับด้วยตัวเลขถัดไปหลังจากนั้นสองตำแหน่ง
- **50%**: ไม่ใช่อัตราส่วน Fibonacci ที่แท้จริง แต่ถูกรวมเข้ามาเนื่องจากเป็นระดับที่สำคัญทางจิตวิทยาในตลาด
- **61.8%**: ได้จากการหารตัวเลขในลำดับด้วยตัวเลขถัดไปหลังจากนั้นหนึ่งตำแหน่ง (Golden Ratio)
- **78.6%**: ได้จากการหารตัวเลขในลำดับด้วยตัวเลขถัดไปหลังจากนั้นหนึ่งตำแหน่ง โดยใช้รากที่สองของ Golden Ratio
- Fibonacci Retracement คืออะไร?
Fibonacci Retracement คือเครื่องมือที่ใช้ในการระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่เป็นไปได้ในตลาด โดยอิงจากอัตราส่วน Fibonacci แนวคิดพื้นฐานคือ หลังจากที่ราคาเคลื่อนที่อย่างมีนัยสำคัญในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง (เป็น แนวโน้ม ที่ชัดเจน) ราคาจะปรับตัวย้อนกลับ (Retrace) ก่อนที่จะกลับไปเคลื่อนที่ต่อในทิศทางเดิม Fibonacci Retracement จะช่วยให้ผู้ซื้อขายคาดการณ์ว่าราคาจะปรับตัวย้อนกลับไปสู่ระดับใดก่อนที่จะกลับไปเคลื่อนที่ต่อ
ในการสร้าง Fibonacci Retracement บนกราฟราคา ผู้ซื้อขายนิยมเลือกจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของแนวโน้มที่ชัดเจน จากนั้นเครื่องมือจะวาดเส้นระดับที่สอดคล้องกับอัตราส่วน Fibonacci ที่กล่าวมาข้างต้น เส้นเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นระดับแนวรับและแนวต้านที่เป็นไปได้
- วิธีการใช้ Fibonacci Retracement ในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น
การใช้ Fibonacci Retracement ในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่นมีหลายวิธี แต่หลักการพื้นฐานคือการใช้ระดับ Fibonacci เพื่อระบุจุดเข้าซื้อขาย (Entry Point) และจุดหมดอายุ (Expiry Time) ที่เหมาะสม
- 1. การระบุแนวโน้ม:**
ขั้นตอนแรกคือการระบุแนวโน้มที่ชัดเจนในตลาด หากเป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) ให้เลือกจุดต่ำสุดล่าสุดและจุดสูงสุดล่าสุดเพื่อสร้าง Fibonacci Retracement หากเป็นแนวโน้มขาลง (Downtrend) ให้เลือกจุดสูงสุดล่าสุดและจุดต่ำสุดล่าสุด
- 2. การระบุระดับแนวรับและแนวต้าน:**
เมื่อสร้าง Fibonacci Retracement แล้ว เครื่องมือจะวาดเส้นระดับที่ 23.6%, 38.2%, 50%, 61.8% และ 78.6% เส้นเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นระดับแนวรับในแนวโน้มขาขึ้น และระดับแนวต้านในแนวโน้มขาลง
- 3. การตัดสินใจเข้าซื้อขาย:**
- **แนวโน้มขาขึ้น:** ผู้ซื้อขายสามารถพิจารณาเข้าซื้อ (Call Option) เมื่อราคาปรับตัวย้อนกลับลงมาที่ระดับ Fibonacci ที่สำคัญ เช่น 38.2%, 50% หรือ 61.8% และมีสัญญาณการกลับตัวขึ้น (เช่น รูปแบบแท่งเทียน กลับตัว, การเกิด Divergence ใน RSI หรือ MACD)
- **แนวโน้มขาลง:** ผู้ซื้อขายสามารถพิจารณาเข้าขาย (Put Option) เมื่อราคาปรับตัวย้อนกลับขึ้นมาที่ระดับ Fibonacci ที่สำคัญ และมีสัญญาณการกลับตัวลง
- 4. การตั้งค่าจุดหมดอายุ:**
จุดหมดอายุควรถูกตั้งค่าให้สอดคล้องกับกรอบเวลาที่คาดหวังของการเคลื่อนที่ของราคา หากคาดว่าราคาจะกลับตัวอย่างรวดเร็ว อาจตั้งค่าจุดหมดอายุในระยะสั้นๆ เช่น 5 นาที หรือ 15 นาที แต่หากคาดว่าราคาจะใช้เวลาในการกลับตัว อาจตั้งค่าจุดหมดอายุในระยะยาวกว่านั้น
- กลยุทธ์การซื้อขายไบนารี่ออปชั่นโดยใช้ Fibonacci Retracement
มีกลยุทธ์การซื้อขายไบนารี่ออปชั่นมากมายที่ใช้ Fibonacci Retracement ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างบางส่วน:
- **Fibonacci Retracement + แนวรับแนวต้าน:** ใช้ระดับ Fibonacci ร่วมกับระดับแนวรับและแนวต้านที่สำคัญอื่นๆ เพื่อยืนยันสัญญาณการซื้อขาย
- **Fibonacci Retracement + เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average):** ใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เพื่อยืนยันแนวโน้มและใช้ระดับ Fibonacci เพื่อระบุจุดเข้าซื้อขายที่แม่นยำ
- **Fibonacci Retracement + รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns):** ใช้รูปแบบแท่งเทียนกลับตัวที่ระดับ Fibonacci เพื่อยืนยันสัญญาณการซื้อขาย
- **Fibonacci Retracement + RSI Divergence:** ใช้การเกิด Divergence ใน RSI ร่วมกับระดับ Fibonacci เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณการซื้อขาย
- **Fibonacci Retracement + MACD Crossover:** ใช้การเกิด Crossover ใน MACD ร่วมกับระดับ Fibonacci เพื่อยืนยันแนวโน้มและระบุจุดเข้าซื้อขาย
| ! กลยุทธ์ | ! คำอธิบาย | ! ระดับความเสี่ยง |
| รอให้ราคาปรับตัวย้อนกลับ (Pullback) ไปยังระดับ Fibonacci ที่สำคัญ (เช่น 61.8%) ในแนวโน้มที่แข็งแกร่ง แล้วเข้าซื้อ (Call) หรือขาย (Put) ตามทิศทางของแนวโน้ม| ปานกลาง | ||
| รอให้ราคาทะลุ (Breakout) ระดับ Fibonacci ที่สำคัญ (เช่น 38.2% หรือ 50%) แล้วเข้าซื้อ (Call) หรือขาย (Put) ตามทิศทางของการทะลุ| สูง | ||
| ใช้ระดับ Fibonacci ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ (เช่น แนวรับแนวต้าน, เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่) เพื่อยืนยันสัญญาณการซื้อขาย| ต่ำ |
- ข้อควรระวังในการใช้ Fibonacci Retracement
แม้ว่า Fibonacci Retracement จะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ แต่ผู้ซื้อขายควรระลึกถึงข้อควรระวังดังต่อไปนี้:
- **ไม่ใช่เครื่องมือที่แม่นยำ 100%:** Fibonacci Retracement เป็นเพียงเครื่องมือช่วยในการวิเคราะห์ ไม่สามารถรับประกันผลกำไรได้เสมอไป
- **ต้องใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ:** ควรใช้ Fibonacci Retracement ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ เพื่อยืนยันสัญญาณการซื้อขาย
- **การเลือกจุดสูงสุดและต่ำสุดที่เหมาะสม:** การเลือกจุดสูงสุดและต่ำสุดที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ หากเลือกจุดที่ไม่ถูกต้อง จะทำให้ระดับ Fibonacci ที่ได้ไม่แม่นยำ
- **ความผันผวนของตลาด:** ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง ระดับ Fibonacci อาจไม่สามารถทำหน้าที่เป็นแนวรับและแนวต้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- **การจัดการความเสี่ยง (Risk Management):** ควรมีการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการตั้ง Stop Loss หรือการลงทุนในจำนวนเงินที่เหมาะสม
- การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis) ร่วมกับ Fibonacci Retracement
การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายสามารถช่วยยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้มและสัญญาณการกลับตัวที่ระดับ Fibonacci ได้ ตัวอย่างเช่น:
- **ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นเมื่อราคาเด้งกลับจากระดับ Fibonacci:** แสดงว่ามีแรงซื้อหรือแรงขายที่แข็งแกร่งสนับสนุนการกลับตัว
- **ปริมาณการซื้อขายลดลงเมื่อราคาเข้าใกล้ระดับ Fibonacci:** อาจบ่งบอกว่าการกลับตัวนั้นอ่อนแอและอาจไม่สามารถเกิดขึ้นได้
- สรุป
Fibonacci Retracement เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีประโยชน์สำหรับผู้ซื้อขายในตลาดไบนารี่ออปชั่น เมื่อใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ และมีการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม จะสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ซื้อขายควรตระหนักถึงข้อจำกัดของเครื่องมือนี้ และไม่ควรพึ่งพา Fibonacci Retracement เพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจซื้อขาย
การวิเคราะห์ทางเทคนิค | แนวโน้ม | รูปแบบแท่งเทียน | RSI | MACD | แนวรับแนวต้าน | เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ | การจัดการความเสี่ยง | กลยุทธ์การซื้อขายไบนารี่ออปชั่น | Divergence | Volume Analysis | Fibonacci Sequence | Golden Ratio | Call Option | Put Option | Trading Psychology | Market Sentiment | Support and Resistance Levels | Trend Following | Swing Trading
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น

