การเทรด Futures
- การ เทรด Futures
การเทรด Futures หรือตลาดซื้อขายล่วงหน้า เป็นตลาดการเงินที่มีความซับซ้อนและมีโอกาสทำกำไรสูง แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงเช่นกัน บทความนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ความรู้เบื้องต้นสำหรับผู้เริ่มต้นที่สนใจจะทำความเข้าใจและเริ่มต้นเทรด Futures โดยจะครอบคลุมตั้งแต่ความหมายของ Futures, กลไกการทำงาน, ข้อดีข้อเสีย, ความเสี่ยง, และกลยุทธ์ต่างๆ ที่สามารถนำไปใช้ได้
- Futures คืออะไร?
Futures คือสัญญาซื้อขายที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า ณ ปัจจุบัน เพื่อซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิง (Underlying Asset) ในวันที่กำหนดในอนาคต ราคาของสัญญา Futures ถูกกำหนดโดยความคาดหวังของตลาดเกี่ยวกับราคาของสินทรัพย์อ้างอิงในอนาคต สินทรัพย์อ้างอิงนั้นอาจเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) เช่น น้ำมันดิบ ทองคำ ข้าวโพด หรืออาจเป็นตราสารทางการเงิน เช่น ดัชนีหุ้น อัตราแลกเปลี่ยน หรือพันธบัตรรัฐบาล
- ความแตกต่างระหว่าง Futures กับ Spot Market:**
- **Spot Market:** การซื้อขายสินทรัพย์จริง ณ ราคาปัจจุบัน และส่งมอบทันที
- **Futures Market:** การซื้อขายสัญญาเพื่อซื้อหรือขายสินทรัพย์ในอนาคต ณ ราคาที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า
- กลไกการทำงานของตลาด Futures
1. **ผู้ซื้อ (Long Position):** เชื่อว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะสูงขึ้นในอนาคต จึงซื้อสัญญา Futures เพื่อทำกำไรจากการเพิ่มขึ้นของราคา 2. **ผู้ขาย (Short Position):** เชื่อว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะลดลงในอนาคต จึงขายสัญญา Futures เพื่อทำกำไรจากการลดลงของราคา 3. **หลักประกัน (Margin):** เนื่องจาก Futures เป็นสัญญาผูกพัน ผู้เทรดไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเต็มจำนวนของสัญญา แต่จะต้องวางหลักประกันจำนวนหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า Margin เพื่อเป็นหลักประกันความเสี่ยง หากราคาเคลื่อนไหวในทิศทางที่ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ ผู้เทรดอาจต้องเติม Margin เพิ่มเติม (Margin Call) 4. **การส่งมอบ (Delivery):** เมื่อถึงวันที่ครบกำหนดสัญญา (Expiration Date) ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของสัญญา ซึ่งอาจเป็นการส่งมอบสินทรัพย์จริง หรือชำระส่วนต่างของราคา (Cash Settlement) 5. **Clearing House:** เป็นองค์กรกลางที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการรับประกันการทำสัญญา และลดความเสี่ยงของ Counterparty Risk (ความเสี่ยงที่คู่สัญญาจะไม่ปฏิบัติตามสัญญา)
- ข้อดีและข้อเสียของการเทรด Futures
- ข้อดี:**
- **Leverage:** Futures ให้ Leverage สูง ทำให้ผู้เทรดสามารถควบคุมสัญญาที่มีมูลค่าสูงได้ด้วยเงินทุนที่น้อยกว่า
- **โอกาสในการทำกำไรทั้งขาขึ้นและขาลง:** สามารถทำกำไรได้ทั้งจากการซื้อ (Long) และขาย (Short)
- **สภาพคล่องสูง:** ตลาด Futures มีสภาพคล่องสูง ทำให้สามารถซื้อขายได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
- **Hedging:** สามารถใช้ Futures เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา เช่น ผู้ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์สามารถใช้ Futures เพื่อล็อคราคาขายล่วงหน้า
- **ความโปร่งใส:** ราคา Futures ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน ทำให้มีความโปร่งใสในการซื้อขาย
- ข้อเสีย:**
- **ความเสี่ยงสูง:** Leverage ที่สูงทำให้ความเสี่ยงก็สูงตามไปด้วย การเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้เกิดผลกำไรหรือขาดทุนจำนวนมาก
- **Margin Call:** หากราคาเคลื่อนไหวในทิศทางที่ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ อาจต้องเติม Margin เพิ่มเติม หากไม่สามารถทำได้ อาจถูกบังคับปิดสถานะ (Liquidation)
- **ความซับซ้อน:** การทำความเข้าใจกลไกการทำงานของ Futures และปัจจัยที่มีผลต่อราคาอาจต้องใช้เวลาและความเชี่ยวชาญ
- **ค่าธรรมเนียม:** มีค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเทรด Futures เช่น ค่าคอมมิชชั่น ค่า Clearing Fee และค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยน
- ความเสี่ยงในการเทรด Futures
- **Market Risk:** ความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของราคาในตลาด
- **Leverage Risk:** ความเสี่ยงที่เกิดจากการใช้ Leverage ซึ่งสามารถขยายผลทั้งกำไรและขาดทุน
- **Liquidity Risk:** ความเสี่ยงที่เกิดจากสภาพคล่องในตลาดไม่เพียงพอ ทำให้ไม่สามารถปิดสถานะได้ในราคาที่ต้องการ
- **Counterparty Risk:** ความเสี่ยงที่คู่สัญญาจะไม่ปฏิบัติตามสัญญา (แม้ว่า Clearing House จะช่วยลดความเสี่ยงนี้แล้ว)
- **Basis Risk:** ความเสี่ยงที่เกิดจากความแตกต่างระหว่างราคา Futures และราคา Spot ของสินทรัพย์อ้างอิง
- กลยุทธ์การเทรด Futures
มีกลยุทธ์การเทรด Futures มากมายที่ผู้เทรดสามารถนำไปใช้ได้ ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นในทิศทางของราคา และระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ตัวอย่างกลยุทธ์ที่นิยมใช้ ได้แก่:
- **Trend Following:** การเทรดตามแนวโน้มของราคา Trend Analysis
- **Breakout Trading:** การเทรดเมื่อราคาทะลุแนวต้านหรือแนวรับ Support and Resistance
- **Range Trading:** การเทรดภายในกรอบราคาที่กำหนด Trading Range
- **Scalping:** การทำกำไรจากความผันผวนของราคาในระยะสั้น
- **Day Trading:** การเปิดและปิดสถานะภายในวันเดียวกัน
- **Swing Trading:** การถือครองสถานะเป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์
- **Arbitrage:** การหาประโยชน์จากความแตกต่างของราคาในตลาดต่างๆ
- **Spread Trading:** การซื้อและขายสัญญา Futures ที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์อ้างอิงเดียวกัน แต่มีวันที่ครบกำหนดที่แตกต่างกัน
- **Calendar Spread:** การซื้อและขายสัญญา Futures ที่มีวันที่ครบกำหนดที่แตกต่างกันของสินทรัพย์อ้างอิงเดียวกัน
- **Intermarket Spread:** การซื้อและขายสัญญา Futures ที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์อ้างอิงที่แตกต่างกัน แต่มีความสัมพันธ์กัน
- **Hedging Strategies:** การใช้ Futures เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา
- **Options Strategies on Futures:** การใช้ Options ร่วมกับ Futures เพื่อสร้างกลยุทธ์ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น Options Trading
- **Statistical Arbitrage:** การใช้แบบจำลองทางสถิติเพื่อหากำไรจากความผิดปกติของราคา
- **Mean Reversion:** การเทรดโดยคาดหวังว่าราคาจะกลับสู่ค่าเฉลี่ย Mean Reversion Strategy
- **Momentum Trading:** การเทรดโดยอาศัยแรงส่งของราคา Momentum Trading
- การวิเคราะห์เพื่อการเทรด Futures
การวิเคราะห์ตลาด Futures เป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจเทรด ผู้เทรดสามารถใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค Technical Analysis และการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน Fundamental Analysis เพื่อประเมินแนวโน้มของราคา
- การวิเคราะห์ทางเทคนิค:**
- **Chart Patterns:** การศึกษา Chart Patterns เพื่อระบุสัญญาณการซื้อขาย Chart Patterns
- **Technical Indicators:** การใช้ Technical Indicators เช่น Moving Averages, RSI, MACD เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มและความแข็งแกร่งของราคา Technical Indicators
- **Volume Analysis:** การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายเพื่อยืนยันแนวโน้มและสัญญาณการซื้อขาย Volume Analysis
- **Fibonacci Retracements:** การใช้ Fibonacci Retracements เพื่อระบุแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ
- **Elliott Wave Theory:** การใช้ Elliott Wave Theory เพื่อวิเคราะห์รูปแบบของราคา
- การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน:**
- **Supply and Demand:** การวิเคราะห์อุปสงค์และอุปทานของสินทรัพย์อ้างอิง
- **Economic Indicators:** การติดตามตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่อาจมีผลต่อราคา
- **Geopolitical Events:** การติดตามเหตุการณ์ทางการเมืองที่อาจมีผลต่อราคา
- **Weather Conditions:** การติดตามสภาพอากาศที่อาจมีผลต่อผลผลิตของสินค้าเกษตร
- **Inventory Levels:** การติดตามระดับสต็อกสินค้าโภคภัณฑ์
- การบริหารความเสี่ยงในการเทรด Futures
การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเทรด Futures เนื่องจาก Leverage ที่สูงอาจทำให้เกิดผลขาดทุนจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว
- **Stop-Loss Orders:** การตั้ง Stop-Loss Orders เพื่อจำกัดผลขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น
- **Position Sizing:** การกำหนดขนาดของ Position ให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
- **Diversification:** การกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ที่หลากหลาย
- **Risk-Reward Ratio:** การพิจารณา Risk-Reward Ratio ก่อนตัดสินใจเทรด
- **Margin Management:** การบริหารจัดการ Margin อย่างรอบคอบเพื่อหลีกเลี่ยง Margin Call
- **Emotional Control:** การควบคุมอารมณ์และหลีกเลี่ยงการตัดสินใจตามสัญชาตญาณ
- แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
- Chicago Mercantile Exchange (CME): [1](https://www.cmegroup.com/)
- Intercontinental Exchange (ICE): [2](https://www.ice.com/)
- Investopedia: [3](https://www.investopedia.com/)
- สรุป
การเทรด Futures เป็นตลาดที่มีศักยภาพในการทำกำไรสูง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน ผู้ที่สนใจจะเริ่มต้นเทรด Futures ควรศึกษาและทำความเข้าใจกลไกการทำงานของตลาด, กลยุทธ์ต่างๆ, การวิเคราะห์ตลาด, และการบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ การฝึกฝนและเรียนรู้จากประสบการณ์จริงเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาทักษะการเทรด Futures ให้ประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ การติดตามข่าวสารและเหตุการณ์ที่อาจมีผลต่อตลาดเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจเทรด
| สินทรัพย์อ้างอิง | สัญลักษณ์ | Exchange | |
|---|---|---|---|
| น้ำมันดิบ (Crude Oil) | CL | NYMEX | |
ทองคำ (Gold
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5) เข้าร่วมชุมชนของเราสมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น |
