การเทรดแบบ Straddle

1. 1. การเทรดแบบ Straddle ในไบนารี่ออปชั่น: คู่มือสำหรับผู้เริ่มต้น

การเทรดแบบ ไบนารี่ออปชั่น เป็นรูปแบบการลงทุนที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยความเรียบง่ายในการทำความเข้าใจและศักยภาพในการทำกำไรที่สูง อย่างไรก็ตาม การประสบความสำเร็จในการเทรดไบนารี่ออปชั่นไม่ได้ขึ้นอยู่กับโชคเท่านั้น แต่ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจในกลยุทธ์การเทรดที่หลากหลาย หนึ่งในกลยุทธ์ที่น่าสนใจและเป็นที่นิยมคือการเทรดแบบ “Straddle” ซึ่งบทความนี้จะอธิบายอย่างละเอียดสำหรับผู้เริ่มต้น

1. 1. 1. Straddle คืออะไร?

Straddle เป็นกลยุทธ์การเทรดที่เกี่ยวข้องกับการซื้อ ออปชั่น ทั้งแบบ Call และแบบ Put ที่มีราคาใช้สิทธิ (Strike Price) และวันหมดอายุ (Expiration Date) เดียวกัน กลยุทธ์นี้ถูกใช้เมื่อนักเทรดคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะมีความผันผวนอย่างมาก แต่ไม่แน่ใจว่าราคาจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางใด

• **Call Option:** สิทธิ์ในการซื้อสินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
• **Put Option:** สิทธิ์ในการขายสินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า

• • ทำไมถึงต้องใช้ Straddle?**

Straddle เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่ตลาดคาดว่าจะเกิดข่าวสำคัญ หรือเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิง เช่น การประกาศผลประกอบการของบริษัทขนาดใหญ่ การประชุมของธนาคารกลาง หรือการเลือกตั้งครั้งสำคัญ ในสถานการณ์เหล่านี้ ราคาอาจเคลื่อนที่ไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็วและรุนแรง และกลยุทธ์ Straddle จะช่วยให้นักเทรดสามารถทำกำไรได้ไม่ว่าราคาจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางใดก็ตาม

1. 1. 1. หลักการทำงานของ Straddle

เพื่อให้เข้าใจหลักการทำงานของ Straddle ได้ดีขึ้น ลองพิจารณาสถานการณ์ต่อไปนี้:

สมมติว่าคุณเชื่อว่าราคาของหุ้น ABC จะมีความผันผวนอย่างมากในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า แต่คุณไม่แน่ใจว่าราคาจะขึ้นหรือลง คุณสามารถใช้กลยุทธ์ Straddle ได้ดังนี้:

1. **ซื้อ Call Option:** ซื้อ Call Option ของหุ้น ABC ที่มีราคาใช้สิทธิ 100 บาท และวันหมดอายุในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า สมมติว่าราคาของ Call Option คือ 5 บาท 2. **ซื้อ Put Option:** ซื้อ Put Option ของหุ้น ABC ที่มีราคาใช้สิทธิ 100 บาท และวันหมดอายุในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า สมมติว่าราคาของ Put Option คือ 5 บาท

• • ต้นทุนรวม:** 5 บาท (Call Option) + 5 บาท (Put Option) = 10 บาท

• • สถานการณ์ที่เป็นไปได้:**

• **สถานการณ์ที่ 1: ราคาหุ้น ABC เพิ่มขึ้น:** หากราคาหุ้น ABC เพิ่มขึ้นเป็น 110 บาท ในวันหมดอายุ Call Option จะมีมูลค่า 10 บาท (110 - 100) และ Put Option จะหมดมูลค่า (Out of the Money) คุณจะทำกำไร 10 บาท (มูลค่า Call Option) - 10 บาท (ต้นทุนรวม) = 0 บาท (กำไรเท่าทุน) หากราคาขึ้นสูงกว่า 110 บาท คุณจะเริ่มทำกำไร
• **สถานการณ์ที่ 2: ราคาหุ้น ABC ลดลง:** หากราคาหุ้น ABC ลดลงเป็น 90 บาท ในวันหมดอายุ Put Option จะมีมูลค่า 10 บาท (100 - 90) และ Call Option จะหมดมูลค่า (Out of the Money) คุณจะทำกำไร 10 บาท (มูลค่า Put Option) - 10 บาท (ต้นทุนรวม) = 0 บาท (กำไรเท่าทุน) หากราคาลงต่ำกว่า 90 บาท คุณจะเริ่มทำกำไร
• **สถานการณ์ที่ 3: ราคาหุ้น ABC ไม่เปลี่ยนแปลง:** หากราคาหุ้น ABC ยังคงอยู่ที่ 100 บาท ในวันหมดอายุ ทั้ง Call Option และ Put Option จะหมดมูลค่า (At the Money) คุณจะขาดทุน 10 บาท (ต้นทุนรวม)

จากสถานการณ์ข้างต้น จะเห็นได้ว่ากลยุทธ์ Straddle จะทำกำไรได้เมื่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิงเคลื่อนที่ไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างรุนแรง แต่จะขาดทุนหากราคาไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก

1. 1. 1. ข้อดีและข้อเสียของกลยุทธ์ Straddle

| ข้อดี | ข้อเสีย | | ----------------------------------- | ----------------------------------- | | ทำกำไรได้ไม่ว่าราคาจะขึ้นหรือลง | ขาดทุนหากราคาไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก | | เหมาะสำหรับตลาดที่มีความผันผวนสูง | ต้นทุนรวมสูงกว่าการซื้อออปชั่นเพียงอย่างเดียว | | จำกัดความเสี่ยงสูงสุดไว้ที่ต้นทุนรวม | ต้องคาดการณ์ความผันผวนได้แม่นยำ |

1. 1. 1. การเลือกราคาใช้สิทธิและวันหมดอายุ

การเลือกราคาใช้สิทธิ (Strike Price) และวันหมดอายุ (Expiration Date) ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเทรดแบบ Straddle:

• **ราคาใช้สิทธิ:** โดยทั่วไป นักเทรดมักจะเลือกราราใช้สิทธิที่ใกล้เคียงกับราคาปัจจุบันของสินทรัพย์อ้างอิง (At the Money) เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไร หากคุณคาดการณ์ว่าราคาจะเคลื่อนที่ไปอย่างรุนแรง คุณอาจพิจารณาเลือกราราใช้สิทธิที่สูงหรือต่ำกว่าราคาปัจจุบันเล็กน้อย (Out of the Money)
• **วันหมดอายุ:** วันหมดอายุควรสอดคล้องกับระยะเวลาที่คุณคาดการณ์ว่าราคาจะมีความผันผวน หากคุณคาดการณ์ว่าข่าวสำคัญจะถูกประกาศในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า คุณควรเลือกวันหมดอายุที่ใกล้เคียงกับวันที่ข่าวจะถูกประกาศ

1. 1. 1. การจัดการความเสี่ยงในการเทรดแบบ Straddle

แม้ว่ากลยุทธ์ Straddle จะมีศักยภาพในการทำกำไรสูง แต่ก็มีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเทรดแบบ Straddle:

• **กำหนดขนาดการลงทุน:** อย่าลงทุนเกินกว่าที่คุณสามารถรับความเสี่ยงได้
• **ตั้ง Stop-Loss:** ตั้ง Stop-Loss เพื่อจำกัดความเสี่ยงในกรณีที่ราคาเคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่คุณคาดการณ์
• **ติดตามข่าวสาร:** ติดตามข่าวสารและเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิง
• **ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค:** ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่น Bollinger Bands, Moving Averages, และ Relative Strength Index (RSI) เพื่อช่วยในการตัดสินใจ

1. 1. 1. กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง

• **Strangle:** คล้ายกับ Straddle แต่ใช้ราคาใช้สิทธิที่ Out of the Money ทั้งคู่
• **Butterfly Spread:** กลยุทธ์ที่ใช้ Call หรือ Put Options สามตัวที่มีราคาใช้สิทธิที่แตกต่างกัน
• **Iron Condor:** กลยุทธ์ที่ใช้ Call และ Put Options สี่ตัวที่มีราคาใช้สิทธิที่แตกต่างกัน
• **Covered Call:** การขาย Call Option บนหุ้นที่คุณถืออยู่
• **Protective Put:** การซื้อ Put Option เพื่อป้องกันความเสี่ยงของหุ้นที่คุณถืออยู่

1. 1. 1. การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์พื้นฐาน

การใช้ การวิเคราะห์ทางเทคนิค และ การวิเคราะห์พื้นฐาน ร่วมกันจะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการเทรดแบบ Straddle:

• **การวิเคราะห์ทางเทคนิค:** ใช้เพื่อระบุแนวโน้มของราคาและระดับแนวรับแนวต้าน
• **การวิเคราะห์พื้นฐาน:** ใช้เพื่อประเมินมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์อ้างอิง

1. 1. 1. การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis)

การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายสามารถช่วยยืนยันแนวโน้มของราคาและระบุจุดกลับตัวที่อาจเกิดขึ้น:

• **ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น:** มักจะยืนยันแนวโน้มของราคา
• **ปริมาณการซื้อขายที่ลดลง:** อาจบ่งบอกถึงการสิ้นสุดของแนวโน้ม

1. 1. 1. ตัวอย่างการเทรด Straddle ในไบนารี่ออปชั่น

สมมติว่าคุณกำลังเทรดไบนารี่ออปชั่นบนแพลตฟอร์มที่เสนอออปชั่นแบบ Straddle คุณสังเกตเห็นว่าหุ้น XYZ มีแนวโน้มที่จะมีความผันผวนสูงเนื่องจากจะมีการประกาศผลประกอบการในอีก 2 วันข้างหน้า

คุณตัดสินใจใช้กลยุทธ์ Straddle โดยเลือกราคาใช้สิทธิที่ 50 บาท และวันหมดอายุในอีก 2 วันข้างหน้า

• **ต้นทุนรวม:** 100 บาท (สมมติว่าราคา Call และ Put Option เท่ากันคือ 50 บาท)
• **ผลตอบแทน:** หากราคาหุ้น XYZ เคลื่อนที่เกิน 50 บาท ไม่ว่าจะเป็นขึ้นหรือลง คุณจะได้รับผลตอบแทน 80% (สมมติว่าแพลตฟอร์มเสนอผลตอบแทน 80%)

หากราคาหุ้น XYZ เคลื่อนที่เกิน 50 บาท คุณจะได้รับผลตอบแทน 80% ของเงินลงทุน 100 บาท ซึ่งเท่ากับ 80 บาท

1. 1. 1. สรุป

การเทรดแบบ Straddle เป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจสำหรับนักเทรดไบนารี่ออปชั่นที่คาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะมีความผันผวนอย่างมาก แต่ไม่แน่ใจว่าราคาจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางใด การทำความเข้าใจหลักการทำงาน ข้อดีข้อเสีย และวิธีการจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการประสบความสำเร็จในการเทรดแบบ Straddle นอกจากนี้ การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค การวิเคราะห์พื้นฐาน และการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายร่วมกันจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรของคุณ

ตัวอย่างสรุปผลกำไร/ขาดทุนของ Straddle

ราคาหุ้น XYZ ในวันหมดอายุ	กำไร/ขาดทุน
40 บาท	-100 บาท (ขาดทุนสูงสุด)
50 บาท	-100 บาท (ขาดทุนสูงสุด)
51 บาท	80 บาท (กำไร)
60 บาท	80 บาท (กำไร)

การบริหารเงินทุน เป็นสิ่งสำคัญในการเทรดไบนารี่ออปชั่นเสมอ และการทำความเข้าใจ ความเสี่ยงในการเทรด ก็สำคัญเช่นกัน การฝึกฝนและเรียนรู้จากประสบการณ์จะช่วยพัฒนาทักษะการเทรดของคุณให้ดียิ่งขึ้น

การวิเคราะห์ความผันผวน (Volatility Analysis) เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยในการตัดสินใจใช้กลยุทธ์ Straddle ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การใช้ Indicators ในไบนารี่ออปชั่น สามารถช่วยยืนยันสัญญาณการซื้อขายและเพิ่มความแม่นยำในการคาดการณ์ทิศทางราคา

การเทรดตามข่าวสาร (News Trading) เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่สามารถใช้ร่วมกับ Straddle เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

การทำความเข้าใจ Gamma และ การทำความเข้าใจ Theta จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาออปชั่น

การใช้เครื่องคำนวณออปชั่น (Option Calculator) จะช่วยให้คุณคำนวณราคาออปชั่นและต้นทุนรวมของกลยุทธ์ Straddle ได้อย่างแม่นยำ

การเทรดด้วยความรู้สึก (Emotional Trading) ควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาด

การสร้างแผนการเทรด (Trading Plan) เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความมีวินัยและบรรลุเป้าหมายในการเทรด

การเลือกโบรกเกอร์ไบนารี่ออปชั่น (Choosing a Binary Option Broker) ที่น่าเชื่อถือและมีสภาพคล่องสูงเป็นสิ่งสำคัญ

การทำความเข้าใจ Spread ในตลาดออปชั่นจะช่วยให้คุณเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างราคาซื้อและราคาขาย

การจัดการความเสี่ยงด้วย Hedging สามารถใช้เพื่อลดความเสี่ยงในการเทรดแบบ Straddle

การวิเคราะห์ Chart Patterns สามารถช่วยระบุโอกาสในการเทรดและยืนยันสัญญาณการซื้อขาย

การใช้ Fibonacci Retracement สามารถช่วยระบุระดับแนวรับแนวต้านที่สำคัญ

การทำความเข้าใจ Candlestick Patterns สามารถช่วยให้คุณเข้าใจถึงพฤติกรรมของราคาและคาดการณ์ทิศทางราคาในอนาคต

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น