การเทรดตามเหตุการณ์
- การ เทรด ตาม เหตุการณ์
บทนำ
การเทรดตามเหตุการณ์ (Event-Driven Trading) เป็นกลยุทธ์การเทรด ไบนารี่ออปชั่น ที่อาศัยการคาดการณ์ทิศทางราคาของสินทรัพย์อ้างอิงโดยพิจารณาจากเหตุการณ์สำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อราคา เหตุการณ์เหล่านี้อาจรวมถึงการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ข่าวสารทางการเมือง การรายงานผลประกอบการของบริษัท หรือแม้แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เช่น ภัยพิบัติทางธรรมชาติ กลยุทธ์นี้แตกต่างจาก การวิเคราะห์ทางเทคนิค หรือ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ที่เน้นการศึกษาจากข้อมูลในอดีต แต่เน้นไปที่การวิเคราะห์ผลกระทบของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อราคา
บทความนี้จะนำเสนอแนวคิดพื้นฐานของการเทรดตามเหตุการณ์ในไบนารี่ออปชั่น รวมถึงขั้นตอนการวิเคราะห์และกลยุทธ์ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงสำหรับผู้เริ่มต้น
หลักการพื้นฐานของการเทรดตามเหตุการณ์
หัวใจสำคัญของการเทรดตามเหตุการณ์คือการระบุเหตุการณ์ที่มีศักยภาพในการสร้างความผันผวน (Volatility) ในราคาของสินทรัพย์อ้างอิง ความผันผวนนี้เองที่ทำให้เกิดโอกาสในการทำกำไรจากการเทรดไบนารี่ออปชั่น ผู้เทรดจำเป็นต้องเข้าใจว่าเหตุการณ์ต่างๆ มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อราคาอย่างไร และสามารถประเมินความน่าจะเป็นของผลลัพธ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้
- การระบุเหตุการณ์สำคัญ: ขั้นตอนแรกคือการติดตามข่าวสารและปฏิทินเศรษฐกิจเพื่อระบุเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาด ตัวอย่างเช่น การประกาศอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง เฟด (Federal Reserve) การประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Non-Farm Payrolls) หรือการประชุมสุดยอดของกลุ่มประเทศ G20
- การประเมินผลกระทบ: หลังจากระบุเหตุการณ์แล้ว ผู้เทรดต้องประเมินว่าเหตุการณ์นั้นมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อราคาอย่างไร การประเมินนี้อาจต้องอาศัยความรู้เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจ การเมือง และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
- การกำหนดความน่าจะเป็น: การประเมินความน่าจะเป็นของผลลัพธ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นเป็นสิ่งสำคัญ ตัวอย่างเช่น หากมีข่าวลือว่าธนาคารกลางจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย ผู้เทรดอาจประเมินว่ามีโอกาส 70% ที่ธนาคารกลางจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย และ 30% ที่จะไม่ขึ้น
- การเลือกไบนารี่ออปชั่นที่เหมาะสม: ผู้เทรดต้องเลือกไบนารี่ออปชั่นที่เหมาะสมกับความคาดหวังของตนเอง เช่น หากคาดว่าราคาจะสูงขึ้น ก็ควรเลือก Call Option หากคาดว่าราคาจะลดลง ก็ควรเลือก Put Option นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาถึงระยะเวลาหมดอายุ (Expiry Time) ของออปชั่นด้วย
ปฏิทินเศรษฐกิจและแหล่งข้อมูล
การเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องและทันเวลาเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการเทรดตามเหตุการณ์ แหล่งข้อมูลที่สำคัญ ได้แก่:
- ปฏิทินเศรษฐกิจ: เว็บไซต์ต่างๆ เช่น Forex Factory หรือ DailyFX นำเสนอปฏิทินเศรษฐกิจที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญจากทั่วโลก
- ข่าวสารทางการเงิน: เว็บไซต์ข่าวสารทางการเงิน เช่น Reuters หรือ Bloomberg นำเสนอข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับเศรษฐกิจ การเมือง และตลาดการเงิน
- เว็บไซต์ธนาคารกลาง: เว็บไซต์ของธนาคารกลางต่างๆ เช่น เฟด (Federal Reserve) หรือ ธนาคารกลางยุโรป (European Central Bank) นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายการเงินและการตัดสินใจต่างๆ
- รายงานผลประกอบการของบริษัท: เว็บไซต์ของบริษัทจดทะเบียน หรือเว็บไซต์ข่าวสารทางการเงินนำเสนอรายงานผลประกอบการของบริษัทต่างๆ
กลยุทธ์การเทรดตามเหตุการณ์ที่นิยมใช้
มีกลยุทธ์การเทรดตามเหตุการณ์หลายรูปแบบที่ผู้เทรดสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่ยอมรับได้และสไตล์การเทรดของแต่ละบุคคล
1. Straddle: กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่คาดว่าราคาจะมีความผันผวนสูง แต่ไม่แน่ใจว่าราคาจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางใด ผู้เทรดจะซื้อทั้ง Call Option และ Put Option ที่มีราคาใช้สิทธิ (Strike Price) และระยะเวลาหมดอายุเดียวกัน 2. Strangle: คล้ายกับ Straddle แต่มีราคาใช้สิทธิที่แตกต่างกัน โดย Call Option จะมีราคาใช้สิทธิสูงกว่าราคาปัจจุบัน และ Put Option จะมีราคาใช้สิทธิต่ำกว่าราคาปัจจุบัน กลยุทธ์นี้มีต้นทุนที่ต่ำกว่า Straddle แต่ต้องมีการเคลื่อนที่ของราคาที่มากกว่าเพื่อให้ได้กำไร 3. News Release Trading: เป็นกลยุทธ์ที่นิยมใช้กันมากที่สุด โดยผู้เทรดจะเปิด Position ก่อนหรือหลังการประกาศข่าวสารสำคัญ โดยอาศัยการคาดการณ์ว่าข่าวสารนั้นจะส่งผลกระทบต่อราคาอย่างไร ตัวอย่างเช่น หากคาดว่าการประกาศตัวเลขการจ้างงานจะดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ก็สามารถเปิด Call Option ได้ 4. Breakout Trading: กลยุทธ์นี้อาศัยการคาดการณ์ว่าราคาจะทะลุแนวต้านหรือแนวรับหลังจากมีการประกาศข่าวสารสำคัญ 5. Fade the Move: กลยุทธ์นี้เป็นการเดิมพันว่าการเคลื่อนที่ของราคาในช่วงแรกหลังการประกาศข่าวสารนั้นเป็นการตอบสนองที่มากเกินไป และราคาจะกลับสู่ระดับเดิมในที่สุด
การจัดการความเสี่ยงในการเทรดตามเหตุการณ์
การเทรดตามเหตุการณ์มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงหลังจากการประกาศข่าวสารสำคัญ การจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
- การกำหนดขนาด Position: ผู้เทรดควรจำกัดขนาด Position ให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยทั่วไปไม่ควรลงทุนเกิน 1-2% ของเงินทุนทั้งหมดในแต่ละ Position
- การใช้ Stop Loss: แม้ว่าไบนารี่ออปชั่นจะไม่มี Stop Loss แบบดั้งเดิม แต่ผู้เทรดสามารถใช้กลยุทธ์การเทรดหลาย Position เพื่อลดความเสี่ยงได้
- การกระจายความเสี่ยง: ผู้เทรดควรกระจายความเสี่ยงโดยการเทรดสินทรัพย์อ้างอิงหลายประเภท และไม่ควรลงทุนในเหตุการณ์เดียวมากเกินไป
- การติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด: ผู้เทรดควรติดตามข่าวสารและสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อปรับปรุงการวิเคราะห์และตัดสินใจ
การวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อเสริมการเทรดตามเหตุการณ์
แม้ว่าการเทรดตามเหตุการณ์จะเน้นการวิเคราะห์ปัจจัยภายนอก แต่การใช้ การวิเคราะห์ทางเทคนิค สามารถช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้
- แนวรับและแนวต้าน: การระบุแนวรับและแนวต้านสามารถช่วยให้ผู้เทรดกำหนดจุดเข้าและจุดออก Position ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- รูปแบบแท่งเทียน: การศึกษา รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns) สามารถช่วยให้ผู้เทรดเข้าใจถึงความรู้สึกของตลาดและคาดการณ์การเคลื่อนที่ของราคาได้
- ตัวชี้วัดทางเทคนิค: การใช้ ตัวชี้วัดทางเทคนิค (Technical Indicators) เช่น Moving Average หรือ RSI สามารถช่วยยืนยันแนวโน้มและสัญญาณการซื้อขายได้
การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis)
การวิเคราะห์ ปริมาณการซื้อขาย (Trading Volume) สามารถช่วยให้ผู้เทรดประเมินความแข็งแกร่งของแนวโน้มและยืนยันสัญญาณการซื้อขายได้
- Volume Spike: การเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขายอย่างรวดเร็ว (Volume Spike) มักจะบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในตลาด
- Volume Confirmation: การยืนยันแนวโน้มด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นสามารถช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเทรดได้
- Divergence: การเบี่ยงเบนระหว่างราคาและปริมาณการซื้อขายอาจบ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้ม
ตารางสรุปกลยุทธ์การเทรดตามเหตุการณ์
| กลยุทธ์ | คำอธิบาย | ความเสี่ยง | ผลตอบแทนที่คาดหวัง | เหมาะสำหรับ |
|---|---|---|---|---|
| Straddle | ซื้อทั้ง Call และ Put Option ที่ราคาใช้สิทธิและระยะเวลาหมดอายุเดียวกัน | สูง | สูง (หากราคาผันผวนมาก) | ผู้ที่คาดว่าราคาจะผันผวนสูง |
| Strangle | ซื้อ Call และ Put Option ที่ราคาใช้สิทธิที่แตกต่างกัน | ปานกลาง | ปานกลาง (หากราคาผันผวนมาก) | ผู้ที่ต้องการต้นทุนที่ต่ำกว่า Straddle |
| News Release Trading | เปิด Position ก่อนหรือหลังการประกาศข่าวสาร | สูง | สูง (หากคาดการณ์ถูกต้อง) | ผู้ที่มีความเข้าใจในตลาดและข่าวสาร |
| Breakout Trading | คาดการณ์ว่าราคาจะทะลุแนวต้านหรือแนวรับ | ปานกลาง | ปานกลาง | ผู้ที่สามารถระบุแนวรับและแนวต้านได้อย่างแม่นยำ |
| Fade the Move | เดิมพันว่าการเคลื่อนที่ของราคาในช่วงแรกเป็นการตอบสนองที่มากเกินไป | สูง | สูง (หากราคาปรับตัวกลับ) | ผู้ที่มีประสบการณ์และเข้าใจถึงความผันผวนของตลาด |
ข้อควรระวัง
- การเทรดตามเหตุการณ์มีความเสี่ยงสูง และไม่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ไม่คุ้นเคยกับตลาดการเงิน
- ควรศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจเทรด
- ควรมีการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการสูญเสียเงินทุน
- ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้รับประกันผลการดำเนินงานในอนาคต
สรุป
การเทรดตามเหตุการณ์เป็นกลยุทธ์ที่ท้าทายแต่มีศักยภาพในการทำกำไรสูงสำหรับผู้ที่สามารถวิเคราะห์และคาดการณ์ผลกระทบของเหตุการณ์สำคัญต่อราคาได้อย่างแม่นยำ การศึกษาอย่างละเอียด การจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม และการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ต่างๆ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการเทรดไบนารี่ออปชั่นตามเหตุการณ์
การเทรดไบนารี่ออปชั่น การวิเคราะห์ตลาด กลยุทธ์การเทรด การบริหารจัดการเงินทุน การอ่านกราฟ การวิเคราะห์แนวโน้ม การวิเคราะห์ความผันผวน การใช้ตัวชี้วัด การเทรดตามข่าว การเทรดระยะสั้น การเทรดระยะยาว การเทรดแบบ Scalping การเทรดแบบ Day Trading การเทรดแบบ Swing Trading การเทรดตามฤดูกาล การเทรดตาม Pattern Fibonacci Retracement Bollinger Bands MACD Stochastic Oscillator
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น
