การเทรดด้วย Renko

การเทรดด้วย Renko สำหรับผู้เริ่มต้น

บทความนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเทรดด้วยแผนภูมิ Renko สำหรับผู้ที่สนใจในการเทรด ไบนารี่ออปชั่น หรือตลาดการเงินอื่นๆ โดยจะครอบคลุมตั้งแต่พื้นฐานของแผนภูมิ Renko, ข้อดีข้อเสีย, วิธีการใช้งาน, กลยุทธ์ที่ใช้ร่วมกัน และข้อควรระวังในการเทรด

Renko คืออะไร?

แผนภูมิ Renko (ออกเสียงว่า “เรน-โกะ”) เป็นประเภทของแผนภูมิที่กรองสัญญาณรบกวนราคาออกไป โดยจะแสดงการเปลี่ยนแปลงของราคาตามขนาดของ “อิฐ” (Bricks) ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ไม่เหมือนกับ แผนภูมิแท่งเทียน หรือ แผนภูมิเส้น ที่แสดงการเปลี่ยนแปลงของราคาตามเวลา แผนภูมิ Renko จะวาดอิฐขึ้นเมื่อราคาเคลื่อนที่ตามขนาดที่กำหนดไว้เท่านั้น

แนวคิดหลักของ Renko คือการตัดสัญญาณรบกวนที่ไม่จำเป็นออกไป ทำให้เทรดเดอร์สามารถมองเห็นแนวโน้มที่ชัดเจนขึ้น และลดความถี่ในการเกิดสัญญาณหลอก (False Signals) ได้ดีกว่าแผนภูมิแบบดั้งเดิม

หลักการทำงานของแผนภูมิ Renko

แผนภูมิ Renko สร้างขึ้นโดยการพิจารณาการเปลี่ยนแปลงของราคาเท่านั้น เมื่อราคาเคลื่อนที่เท่ากับขนาดของอิฐที่กำหนดไว้ แผนภูมิจะวาดอิฐใหม่ขึ้น โดย:

**อิฐขาขึ้น (Uptick Brick):** เกิดขึ้นเมื่อราคาสูงขึ้นเท่ากับขนาดของอิฐที่กำหนด
**อิฐขาลง (Downtick Brick):** เกิดขึ้นเมื่อราคาลดลงเท่ากับขนาดของอิฐที่กำหนด

แผนภูมิ Renko จะไม่วาดอิฐใหม่จนกว่าราคาจะเคลื่อนที่ถึงขนาดที่กำหนด ทำให้เกิดความล่าช้าเล็กน้อยในการแสดงการเปลี่ยนแปลงของราคา แต่ก็ช่วยลดสัญญาณรบกวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อดีและข้อเสียของการเทรดด้วย Renko

ข้อดี:

**ลดสัญญาณรบกวน:** แผนภูมิ Renko กรองสัญญาณรบกวนราคาที่ไม่จำเป็นออกไป ทำให้มองเห็นแนวโน้มที่ชัดเจนขึ้น
**ระบุแนวโน้มได้ง่าย:** การวาดอิฐขึ้นลงอย่างชัดเจนช่วยให้ระบุแนวโน้มของราคาได้ง่าย
**ลดความถี่ในการเทรด:** เนื่องจากแผนภูมิ Renko ไม่วาดอิฐใหม่ทุกการเปลี่ยนแปลงของราคา ทำให้ลดความถี่ในการเทรด และลดค่าธรรมเนียมการซื้อขายได้
**เหมาะกับการเทรดในกรอบเวลาที่ยาว:** แผนภูมิ Renko เหมาะสำหรับการเทรดในกรอบเวลาที่ยาว เช่น รายวัน หรือรายสัปดาห์

ข้อเสีย:

**ความล่าช้า:** เนื่องจากแผนภูมิ Renko ไม่วาดอิฐใหม่ทุกการเปลี่ยนแปลงของราคา จึงมีความล่าช้าในการแสดงการเปลี่ยนแปลงของราคา
**การพลาดโอกาส:** ความล่าช้าอาจทำให้พลาดโอกาสในการทำกำไรในระยะสั้น
**การปรับขนาดอิฐ:** การกำหนดขนาดของอิฐที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ หากขนาดอิฐเล็กเกินไป อาจเกิดสัญญาณรบกวนมากเกินไป หากขนาดอิฐใหญ่เกินไป อาจพลาดการเปลี่ยนแปลงของราคาที่สำคัญ
**ไม่เหมาะกับการเทรดระยะสั้นมาก:** สำหรับการเทรดระยะสั้นมาก (Scalping) แผนภูมิ Renko อาจไม่เหมาะสม เนื่องจากความล่าช้าในการแสดงราคา

การตั้งค่าและใช้งานแผนภูมิ Renko

การตั้งค่าแผนภูมิ Renko สามารถทำได้ในโปรแกรมกราฟ (Charting Software) ส่วนใหญ่ที่ใช้ในการเทรด เช่น MetaTrader, TradingView, หรือโปรแกรมที่โบรกเกอร์ไบนารี่ออปชั่นให้บริการ โดยทั่วไปจะมีการตั้งค่าดังนี้:

**ขนาดของอิฐ (Brick Size):** กำหนดขนาดของการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ต้องเกิดขึ้นก่อนที่จะวาดอิฐใหม่ ตัวอย่างเช่น หากกำหนดขนาดอิฐเป็น 10 จุด (Pips) แผนภูมิจะวาดอิฐใหม่เมื่อราคาเคลื่อนที่ขึ้นหรือลง 10 จุด
**ประเภทของราคา (Price Type):** เลือกประเภทของราคาที่ใช้ในการสร้างแผนภูมิ Renko เช่น ราคาเปิด, ราคาสูงสุด, ราคาต่ำสุด, หรือราคาปิด
**กรอบเวลา (Timeframe):** เลือกกรอบเวลาที่ต้องการใช้ในการวิเคราะห์ เช่น รายวัน, รายสัปดาห์, หรือรายเดือน

เมื่อตั้งค่าแผนภูมิ Renko เรียบร้อยแล้ว คุณจะเห็นอิฐที่วาดขึ้นและลงตามการเปลี่ยนแปลงของราคา โดยสามารถใช้แผนภูมิ Renko ในการวิเคราะห์แนวโน้มและตัดสินใจในการเทรดได้

กลยุทธ์การเทรดด้วย Renko

มีกลยุทธ์การเทรดด้วย Renko หลายรูปแบบที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ ขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดและความเสี่ยงที่รับได้ ตัวอย่างกลยุทธ์ที่นิยมใช้กัน:

1. **Breakout Strategy:** มองหาการทะลุแนวรับหรือแนวต้านที่เกิดจากอิฐ Renko เมื่อราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้าน อาจเป็นสัญญาณการเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่ 2. **Double Top/Bottom Strategy:** มองหารูปแบบ Double Top หรือ Double Bottom ที่เกิดจากอิฐ Renko รูปแบบเหล่านี้มักเป็นสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้ม 3. **Trend Following Strategy:** เทรดตามแนวโน้มที่แสดงบนแผนภูมิ Renko หากมีอิฐขาขึ้นต่อเนื่องกันหลายอิฐ อาจเป็นสัญญาณของแนวโน้มขาขึ้น และสามารถเปิดสถานะซื้อ (Call) ใน ไบนารี่ออปชั่น ได้ 4. **Reversal Strategy:** มองหาการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มที่เกิดจากอิฐ Renko หากแนวโน้มขาขึ้นเปลี่ยนเป็นแนวโน้มขาลง อาจเป็นสัญญาณของการกลับตัว และสามารถเปิดสถานะขาย (Put) ใน ไบนารี่ออปชั่น ได้ 5. **Renko with Moving Averages:** ใช้ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) ร่วมกับแผนภูมิ Renko เพื่อยืนยันแนวโน้มและลดสัญญาณหลอก ตัวอย่างเช่น หากราคาตัดขึ้นเหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ และมีอิฐขาขึ้นต่อเนื่องกันหลายอิฐ อาจเป็นสัญญาณการซื้อที่แข็งแกร่ง 6. **Renko with RSI:** ใช้ ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (Relative Strength Index - RSI) ร่วมกับแผนภูมิ Renko เพื่อระบุภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold) 7. **Renko with MACD:** ใช้ MACD (Moving Average Convergence Divergence) ร่วมกับแผนภูมิ Renko เพื่อยืนยันแนวโน้มและหาจุดเข้า-ออกที่แม่นยำ 8. **Three-Brick Breakout:** รอให้เกิดอิฐสามอิฐต่อเนื่องกันในทิศทางเดียวกัน แล้วจึงเข้าเทรดตามทิศทางนั้น 9. **Renko Channel Breakout:** สร้างช่อง (Channel) โดยใช้เส้นเชื่อมต่อจุดสูงสุดและต่ำสุดของอิฐ Renko และเข้าเทรดเมื่อราคา breakout ออกจากช่อง 10. **Renko and Fibonacci Retracement:** ใช้ Fibonacci Retracement ร่วมกับแผนภูมิ Renko เพื่อหาจุดเข้าซื้อหรือขายที่เหมาะสม 11. **Renko with Volume Analysis:** วิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Trading Volume) ร่วมกับแผนภูมิ Renko เพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้ม 12. **Renko and Support/Resistance Levels:** ระบุแนวรับและแนวต้านบนแผนภูมิ Renko และใช้เป็นจุดเข้า-ออกในการเทรด 13. **Renko and Candlestick Patterns:** มองหารูปแบบ แท่งเทียน (Candlestick Patterns) บนแผนภูมิ Renko เพื่อหาสัญญาณการกลับตัวหรือการต่อเนื่องของแนวโน้ม 14. **Renko with Bollinger Bands:** ใช้ Bollinger Bands ร่วมกับแผนภูมิ Renko เพื่อระบุภาวะผันผวนและหาจุดเข้า-ออกที่เหมาะสม 15. **Renko and Ichimoku Cloud:** ใช้ Ichimoku Cloud ร่วมกับแผนภูมิ Renko เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มและหาจุดเข้า-ออกที่แม่นยำ

ตัวอย่างการตั้งค่าขนาดอิฐ Renko
คู่เงิน	ขนาดอิฐ	กรอบเวลา
EUR/USD	10 Pips	รายวัน		GBP/USD	15 Pips	รายสัปดาห์		USD/JPY	5 Pips	ราย 4 ชั่วโมง		AUD/USD	8 Pips	รายวัน

ข้อควรระวังในการเทรดด้วย Renko

**การเลือกขนาดอิฐที่เหมาะสม:** การเลือกขนาดอิฐที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ ควรทดลองใช้ขนาดอิฐต่างๆ เพื่อหาขนาดที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดและตลาดที่คุณเทรด
**การยืนยันสัญญาณ:** ไม่ควรตัดสินใจเทรดเพียงจากแผนภูมิ Renko เพียงอย่างเดียว ควรใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ ร่วมด้วยเพื่อยืนยันสัญญาณ
**การบริหารความเสี่ยง:** การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญในการเทรดทุกรูปแบบ กำหนดขนาดของการลงทุนในแต่ละครั้งให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่คุณรับได้
**การทดสอบกลยุทธ์:** ก่อนที่จะใช้กลยุทธ์การเทรดด้วย Renko ในการเทรดจริง ควรทดสอบกลยุทธ์นั้นๆ ในบัญชีทดลอง (Demo Account) ก่อน
**ความเข้าใจในตลาด:** ทำความเข้าใจในตลาดที่คุณเทรด รวมถึงปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของราคา

สรุป

แผนภูมิ Renko เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการลดสัญญาณรบกวนและมองเห็นแนวโน้มที่ชัดเจนขึ้น อย่างไรก็ตาม การเทรดด้วย Renko ก็มีข้อเสียอยู่บ้าง เช่น ความล่าช้าและความจำเป็นในการเลือกขนาดอิฐที่เหมาะสม ดังนั้น เทรดเดอร์ควรศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับแผนภูมิ Renko อย่างละเอียดก่อนที่จะนำไปใช้ในการเทรดจริง และอย่าลืมบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสมเสมอ

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น