การ ยื่น ภาษี สำหรับ ผู้ เริ่มต้น

การยื่นภาษีเป็นหน้าที่ของพลเมืองทุกคนที่ได้รับรายได้ ไม่ว่ารายได้นั้นจะมาจากแหล่งใดก็ตาม สำหรับนักลงทุนใน ไบนารี่ออปชั่น เองก็เช่นกัน การทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาษีที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายไบนารี่ออปชั่นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายและวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการยื่นภาษีสำหรับผู้เริ่มต้น โดยเน้นที่ประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น

1. ทำไมต้องยื่นภาษี ?

การยื่นภาษีมีความสำคัญเนื่องจากเป็นกลไกหลักในการหารายได้ของรัฐบาล เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศและให้บริการประชาชน การหลีกเลี่ยงการยื่นภาษีหรือการยื่นข้อมูลเท็จถือเป็นความผิดทางกฎหมายและอาจมีบทลงโทษรุนแรง การยื่นภาษีอย่างถูกต้องและตรงเวลาแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและช่วยสร้างความโปร่งใสในการบริหารประเทศ

2. รายได้จากการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น จัดอยู่ในประเภทใด ?

รายได้จากการซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น ถือเป็นรายได้ประเภท **เงินได้จากการลงทุน** ซึ่งตามประมวลรัษฎากรไทย จัดอยู่ในหมวดหมู่ประเภทต่างๆ ดังนี้:

**เงินได้ตามมาตรา 40:** ครอบคลุมดอกเบี้ย เงินปันผล และรายได้จากการลงทุนอื่นๆ รวมถึงกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งรวมถึงไบนารี่ออปชั่นด้วย
**เงินได้ตามมาตรา 39:** เป็นเงินได้ที่เกิดขึ้นจากการประกอบธุรกิจหรือวิชาชีพ หากการซื้อขายไบนารี่ออปชั่นของคุณมีลักษณะเป็นการประกอบธุรกิจหรือวิชาชีพอย่างสม่ำเสมอ เช่น มีการซื้อขายเป็นประจำ มีการวางแผนการลงทุนอย่างชัดเจน และมีเจตนาในการแสวงหากำไรเป็นหลัก รายได้ของคุณอาจถูกจัดเป็นเงินได้ตามมาตรา 39

การจำแนกประเภทของรายได้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากมีผลต่อวิธีการคำนวณภาษีและอัตราภาษีที่ต้องชำระ

3. การคำนวณภาษีสำหรับรายได้จากไบนารี่ออปชั่น

วิธีการคำนวณภาษีจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของรายได้ที่คุณได้รับ:

**กรณีรายได้ตามมาตรา 40:** จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย โดยผู้จ่ายเงิน (โบรกเกอร์) จะทำการหักภาษีไว้ 3% ของรายได้รวม และนำส่งให้กรมสรรพากร คุณไม่จำเป็นต้องนำรายได้นี้ไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอีก
**กรณีรายได้ตามมาตรา 39:** คุณจะต้องนำรายได้จากการซื้อขายไบนารี่ออปชั่นไปรวมกับรายได้อื่นๆ ในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยสามารถนำค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนมาหักลดหย่อนได้ เช่น ค่าธรรมเนียมโบรกเกอร์ ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าไฟฟ้า (ในส่วนที่ใช้สำหรับการซื้อขาย) และค่าหนังสือหรือหลักสูตรการเรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุน

4. ค่าใช้จ่ายที่สามารถนำมาหักลดหย่อนได้

การหักลดหย่อนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนสามารถช่วยลดจำนวนภาษีที่คุณต้องชำระได้ ค่าใช้จ่ายที่สามารถนำมาหักลดหย่อนได้ ได้แก่:

**ค่าธรรมเนียมโบรกเกอร์:** ค่าธรรมเนียมที่จ่ายให้กับโบรกเกอร์สำหรับการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น
**ค่าอินเทอร์เน็ต:** ค่าบริการอินเทอร์เน็ตที่ใช้สำหรับการซื้อขาย
**ค่าไฟฟ้า:** ค่าไฟฟ้าในส่วนที่ใช้สำหรับการซื้อขาย
**ค่าหนังสือและหลักสูตรการเรียนรู้:** ค่าใช้จ่ายในการซื้อหนังสือหรือเข้าร่วมหลักสูตรการเรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุน
**ค่าโปรแกรมและเครื่องมือ:** ค่าใช้จ่ายในการซื้อโปรแกรมหรือเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ตลาด เช่น Technical Analysis tools

- ข้อควรระวัง:** คุณต้องมีหลักฐานการจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ เพื่อนำมาประกอบการยื่นภาษี

5. เอกสารที่ต้องใช้ในการยื่นภาษี

เอกสารที่ต้องใช้ในการยื่นภาษีสำหรับรายได้จากไบนารี่ออปชั่น ได้แก่:

**แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 90 หรือ ภ.ง.ด. 91):** ขึ้นอยู่กับประเภทของรายได้และจำนวนรายได้ของคุณ
**หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ):** ที่ออกโดยโบรกเกอร์
**เอกสารประกอบการหักลดหย่อน:** เช่น ใบเสร็จค่าธรรมเนียมโบรกเกอร์ ใบเสร็จค่าอินเทอร์เน็ต ใบเสร็จค่าไฟฟ้า ใบเสร็จค่าหนังสือและหลักสูตรการเรียนรู้
**หลักฐานแสดงแหล่งที่มาของรายได้:** เช่น สัญญาซื้อขายไบนารี่ออปชั่น รายงานการซื้อขาย (Statement) จากโบรกเกอร์

6. กำหนดเวลาในการยื่นภาษี

กำหนดเวลาในการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคือ ภายในเดือนมีนาคมของปีถัดไป ตัวอย่างเช่น รายได้ที่ได้รับในปี 2567 ต้องยื่นภาษีภายในเดือนมีนาคม 2568 คุณสามารถยื่นภาษีได้ผ่านช่องทางต่างๆ ดังนี้:

**ยื่นผ่านอินเทอร์เน็ต:** ผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร ([1](https://www.rd.go.th/))
**ยื่นด้วยตนเอง:** ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา
**ยื่นผ่านตัวแทน:** เช่น ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต

7. การวางแผนภาษีสำหรับนักลงทุนไบนารี่ออปชั่น

การวางแผนภาษีล่วงหน้าสามารถช่วยลดภาระภาษีของคุณได้ ตัวอย่างเช่น:

**การเลือกโบรกเกอร์:** เลือกโบรกเกอร์ที่สามารถออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน
**การเก็บรวบรวมเอกสาร:** เก็บรวบรวมเอกสารประกอบการหักลดหย่อนต่างๆ อย่างเป็นระบบ
**การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ:** ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อวางแผนภาษีให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณ
**การใช้ประโยชน์จากสิทธิลดหย่อน:** ใช้ประโยชน์จากสิทธิลดหย่อนต่างๆ ที่กฎหมายกำหนด เช่น การลดหย่อนค่าลดหย่อนส่วนตัว การลดหย่อนค่าเบี้ยประกันชีวิต และการลดหย่อนเงินบริจาค

8. กลยุทธ์การซื้อขายที่อาจมีผลต่อภาษี

กลยุทธ์การซื้อขายบางประเภทอาจมีผลต่อการคำนวณภาษี ตัวอย่างเช่น:

**Scalping:** การซื้อขายระยะสั้นๆ จำนวนมาก อาจทำให้เกิดรายได้บ่อยครั้งและต้องคำนวณภาษีบ่อยขึ้น
**Swing Trading:** การถือครองสัญญาไบนารี่ออปชั่นไว้นานขึ้น อาจทำให้เกิดกำไรหรือขาดทุนที่มากขึ้น และมีผลต่อการคำนวณภาษี
**Hedging:** การป้องกันความเสี่ยงโดยการเปิดสถานะตรงข้าม อาจทำให้เกิดกำไรหรือขาดทุนสุทธิที่แตกต่างกัน และมีผลต่อการคำนวณภาษี
**Martingale:** กลยุทธ์การเพิ่มเงินเดิมพันเมื่อขาดทุน อาจทำให้เกิดกำไรหรือขาดทุนที่ผันผวน และมีผลต่อการคำนวณภาษี

การทำความเข้าใจผลกระทบของกลยุทธ์การซื้อขายต่อภาษีเป็นสิ่งสำคัญในการวางแผนการลงทุน

9. การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนภาษี

การวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่น การใช้ Moving Averages, MACD, Bollinger Bands, และ Fibonacci Retracements สามารถช่วยในการตัดสินใจซื้อขาย ซึ่งมีผลต่อรายได้และภาษีที่ต้องชำระ การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis) เช่น On Balance Volume (OBV) และ Volume Price Trend (VPT) สามารถช่วยในการประเมินความแข็งแกร่งของแนวโน้ม และช่วยในการตัดสินใจซื้อขาย ซึ่งมีผลต่อรายได้และภาษีที่ต้องชำระ

10. การติดตามข่าวสารและกฎหมายภาษีที่เกี่ยวข้อง

กฎหมายภาษีมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การติดตามข่าวสารและกฎหมายภาษีที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้คุณสามารถปรับตัวและปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง

11. แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

**กรมสรรพากร:** [2](https://www.rd.go.th/)
**เว็บไซต์เกี่ยวกับการลงทุน:** เช่น Investopedia, TradingView, BabyPips
**ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี:** ที่ปรึกษาด้านภาษี หรือนักบัญชี

ตัวอย่างการคำนวณภาษี (กรณีรายได้ตามมาตรา 40)
รายได้จากการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น (รวม)	100,000 บาท
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย (3%)	3,000 บาท
รายได้สุทธิที่ต้องนำไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา	0 บาท (เนื่องจากถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายแล้ว)

ตัวอย่างการคำนวณภาษี (กรณีรายได้ตามมาตรา 39)
รายได้จากการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น (รวม)	100,000 บาท
ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง (ค่าธรรมเนียม, อินเทอร์เน็ต, ฯลฯ)	10,000 บาท
รายได้สุทธิที่ต้องนำไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา	90,000 บาท
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ตามอัตราภาษี)	ขึ้นอยู่กับฐานภาษีและอัตราภาษีที่กำหนด

กลยุทธ์เพิ่มเติมที่อาจมีผลต่อภาษี

การวิเคราะห์ทางเทคนิคเพิ่มเติม

การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายเพิ่มเติม

การซื้อขายไบนารี่ออปชั่นมีความเสี่ยงสูง โปรดศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจความเสี่ยงก่อนทำการลงทุน การวางแผนภาษีเป็นส่วนสำคัญของการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น

การยื่นภาษี

Contents