การบล็อก
- การ บล็อก ใน ไบนารี่ ออปชั่น
บทนำ
การบล็อก (Blocking) ในบริบทของ ไบนารี่ ออปชั่น เป็นกลยุทธ์การเทรดที่มุ่งเน้นการใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่ราคาของสินทรัพย์อ้างอิงไม่เคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญ หรือเคลื่อนที่อยู่ในกรอบราคาที่จำกัด กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับผู้เทรดที่คาดการณ์ว่าตลาดจะอยู่ในสภาวะ Sideways หรือ Consolidation และไม่คาดว่าจะมีการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรงในระยะเวลาอันสั้น กลยุทธ์การบล็อกต้องอาศัยการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการจัดการความเสี่ยงที่รอบคอบเพื่อให้ประสบความสำเร็จ บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับกลยุทธ์การบล็อก รวมถึงวิธีการใช้งาน ข้อดี ข้อเสีย และเทคนิคเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
หลักการพื้นฐานของการบล็อก
แนวคิดหลักของการบล็อกคือการเปิดออปชั่นหลายรายการ (Multiple Contracts) ในทิศทางตรงกันข้าม เพื่อสร้าง "บล็อก" ของออปชั่นที่ครอบคลุมช่วงราคาที่คาดว่าสินทรัพย์อ้างอิงจะเคลื่อนที่อยู่ภายใน ตัวอย่างเช่น หากนักเทรดคาดว่าราคาจะอยู่ในช่วง 1.2000 ถึง 1.2100 พวกเขาอาจเปิดออปชั่น Call ที่ราคา 1.2050 และออปชั่น Put ที่ราคา 1.2050 พร้อมกัน โดยมีวันหมดอายุที่สอดคล้องกับระยะเวลาที่คาดว่าราคาจะอยู่ในช่วงดังกล่าว
เป้าหมายของการบล็อกไม่ใช่การทำกำไรจากออปชั่นใดออปชั่นหนึ่งโดยเฉพาะ แต่เป็นการทำกำไรจากค่าธรรมเนียม (Premium) ที่ได้รับจากการขายออปชั่นทั้งสองรายการ หากราคาของสินทรัพย์อ้างอิงยังคงอยู่ในช่วงที่กำหนด ออปชั่นทั้งสองรายการจะหมดอายุโดยไม่มีการจ่ายผลตอบแทน (Out of the Money) และนักเทรดจะเก็บค่าธรรมเนียมไว้เป็นกำไร
วิธีการใช้งานกลยุทธ์การบล็อก
1. **การระบุช่วงราคา (Range Identification):** ขั้นตอนแรกคือการระบุช่วงราคาที่คาดว่าสินทรัพย์อ้างอิงจะเคลื่อนที่อยู่ภายใน สามารถใช้เครื่องมือทางเทคนิคต่างๆ เช่น Support and Resistance, Bollinger Bands, Fibonacci Retracement หรือ Average True Range (ATR) เพื่อช่วยในการระบุช่วงราคา 2. **การเลือกราคา Strike (Strike Price Selection):** เมื่อระบุช่วงราคาได้แล้ว นักเทรดจะต้องเลือกระดับราคา Strike ที่เหมาะสม โดยปกติจะเลือกราคา Strike ที่อยู่กึ่งกลางช่วงราคา เพื่อให้มีโอกาสที่ออปชั่นทั้งสองรายการจะหมดอายุ Out of the Money สูงสุด 3. **การกำหนดวันหมดอายุ (Expiration Date Selection):** วันหมดอายุควรสอดคล้องกับระยะเวลาที่คาดว่าราคาจะอยู่ในช่วงที่กำหนด หากคาดว่าราคาจะอยู่ในช่วงดังกล่าวเป็นเวลาสั้นๆ ควรเลือกวันหมดอายุที่สั้นลง และในทางกลับกัน หากคาดว่าราคาจะอยู่ในช่วงดังกล่าวเป็นเวลานานขึ้น ควรเลือกวันหมดอายุที่ยาวขึ้น 4. **การเปิดออปชั่น (Contract Opening):** เปิดออปชั่น Call และ Put พร้อมกัน ที่ราคา Strike เดียวกัน และมีวันหมดอายุเดียวกัน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าขนาดของออปชั่น (Contract Size) เป็นไปตามแผนการจัดการความเสี่ยง 5. **การจัดการความเสี่ยง (Risk Management):** กำหนดจุด Stop Loss ที่เหมาะสม เพื่อจำกัดความเสี่ยงหากราคาของสินทรัพย์อ้างอิงทะลุช่วงราคาที่คาดการณ์ไว้
ตัวอย่างการใช้งานกลยุทธ์การบล็อก
สมมติว่าราคาปัจจุบันของ EUR/USD คือ 1.1000 และนักเทรดสังเกตเห็นว่าราคาได้เคลื่อนที่อยู่ในช่วง 1.0980 ถึง 1.1020 เป็นเวลาหลายชั่วโมง พวกเขาคาดว่าราคาจะยังคงอยู่ในช่วงนี้ต่อไปอีกสักพัก
- **ช่วงราคา:** 1.0980 – 1.1020
- **ราคา Strike:** 1.1000
- **วันหมดอายุ:** 1 ชั่วโมง
- **การเปิดออปชั่น:**
* ซื้อออปชั่น Call ที่ราคา Strike 1.1000 * ซื้อออปชั่น Put ที่ราคา Strike 1.1000
- **ผลลัพธ์:** หากราคา EUR/USD ยังคงอยู่ระหว่าง 1.0980 ถึง 1.1020 เมื่อถึงวันหมดอายุ ออปชั่นทั้งสองรายการจะหมดอายุ Out of the Money และนักเทรดจะได้รับกำไรจากค่าธรรมเนียมที่ได้รับจากการขายออปชั่นทั้งสองรายการ
ข้อดีและข้อเสียของกลยุทธ์การบล็อก
| ข้อดี | ข้อเสีย | | :---------------------------------------- | :--------------------------------------- | | กำไรจากตลาด Sideways | ความเสี่ยงหากราคาทะลุช่วงราคาที่กำหนด | | ความเสี่ยงจำกัด (หากมีการจัดการความเสี่ยงที่ดี) | ต้องใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคที่แม่นยำ | | สามารถทำกำไรได้แม้ว่าตลาดจะไม่แน่นอน | อาจต้องใช้เงินทุนจำนวนมากในการเปิดออปชั่นหลายรายการ | | เหมาะสำหรับผู้เทรดที่มีความอดทน | ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายอาจส่งผลต่อกำไร |
กลยุทธ์เพิ่มเติมเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
- **การใช้ Indicator ประกอบ:** ใช้ Moving Averages, RSI (Relative Strength Index), MACD (Moving Average Convergence Divergence) หรือ Stochastic Oscillator เพื่อยืนยันว่าตลาดอยู่ในสภาวะ Sideways หรือ Consolidation
- **การวิเคราะห์ Volume:** สังเกตปริมาณการซื้อขาย (Trading Volume) หากปริมาณการซื้อขายลดลง แสดงว่าตลาดอาจอยู่ในสภาวะ Sideways
- **การใช้ Pattern Recognition:** มองหารูปแบบราคา (Price Patterns) เช่น Double Top, Double Bottom, Triangle หรือ Rectangle ที่บ่งบอกถึงสภาวะ Sideways
- **การปรับขนาดออปชั่น (Contract Sizing):** ปรับขนาดของออปชั่นให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่รับได้
- **การใช้ Stop Loss:** กำหนดจุด Stop Loss ที่เหมาะสม เพื่อจำกัดความเสี่ยงหากราคาของสินทรัพย์อ้างอิงทะลุช่วงราคาที่คาดการณ์ไว้
- **การใช้ Bracket Order:** ใช้ Bracket Order เพื่อเปิดออปชั่นพร้อมกับตั้งค่า Take Profit และ Stop Loss ล่วงหน้า
- **การใช้ Option Chain Analysis:** วิเคราะห์ Option Chain เพื่อดู Open Interest และ Volume ที่ระดับราคา Strike ต่างๆ เพื่อประเมินความน่าจะเป็นที่ราคาจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางใด
- **การใช้ Volatility Analysis:** วิเคราะห์ Implied Volatility เพื่อประเมินความผันผวนของตลาด และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม
- **การใช้ News Trading:** หลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงที่มีข่าวสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิง
- **การใช้ Time of Day Analysis:** สังเกตช่วงเวลาที่ตลาดมีแนวโน้มที่จะอยู่ในสภาวะ Sideways หรือ Consolidation
- **การใช้ Correlation Analysis:** วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างสินทรัพย์อ้างอิงกับสินทรัพย์อื่นๆ เพื่อหาโอกาสในการเทรด
- **การใช้ Sentiment Analysis:** วิเคราะห์ความเชื่อมั่นของตลาด (Market Sentiment) เพื่อประเมินทิศทางของราคา
- **การ Backtesting:** ทดสอบกลยุทธ์การบล็อกกับข้อมูลในอดีต (Historical Data) เพื่อประเมินประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือ
- **การ Paper Trading:** ฝึกฝนกลยุทธ์การบล็อกด้วยบัญชีทดลอง (Demo Account) ก่อนที่จะเริ่มเทรดด้วยเงินจริง
- **การเรียนรู้และปรับปรุง:** เรียนรู้จากประสบการณ์และปรับปรุงกลยุทธ์การบล็อกอย่างต่อเนื่อง
การจัดการความเสี่ยงในการบล็อก
การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเทรดไบนารี่ออปชั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้กลยุทธ์การบล็อก การกำหนดจุด Stop Loss ที่เหมาะสมเป็นวิธีหนึ่งในการจำกัดความเสี่ยง หากราคาของสินทรัพย์อ้างอิงทะลุช่วงราคาที่คาดการณ์ไว้ Stop Loss จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสียเงินทุนจำนวนมาก
นอกจากนี้ การปรับขนาดของออปชั่น (Contract Sizing) ให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่รับได้ก็เป็นสิ่งสำคัญ หากนักเทรดมีความเสี่ยงต่ำ ควรเปิดออปชั่นด้วยขนาดที่เล็กกว่า ในขณะที่นักเทรดที่มีความเสี่ยงสูงอาจเปิดออปชั่นด้วยขนาดที่ใหญ่กว่า
สรุป
กลยุทธ์การบล็อกเป็นกลยุทธ์การเทรดไบนารี่ออปชั่นที่สามารถทำกำไรได้ในตลาด Sideways หรือ Consolidation อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้ต้องอาศัยการวิเคราะห์ทางเทคนิค การจัดการความเสี่ยง และความอดทน เพื่อให้ประสบความสำเร็จ นักเทรดควรใช้เครื่องมือทางเทคนิคต่างๆ เพื่อระบุช่วงราคาที่เหมาะสม และกำหนดจุด Stop Loss ที่เหมาะสม เพื่อจำกัดความเสี่ยง นอกจากนี้ การฝึกฝนและเรียนรู้จากประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาทักษะการเทรดและการปรับปรุงกลยุทธ์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
Binary Options Trading Technical Analysis Risk Management Trading Strategies Market Analysis Volatility Trading Option Chain Support and Resistance Bollinger Bands Fibonacci Retracement Average True Range (ATR) Moving Averages RSI (Relative Strength Index) MACD (Moving Average Convergence Divergence) Stochastic Oscillator Double Top Double Bottom Triangle Rectangle Trading Volume Analysis Implied Volatility Bracket Order News Trading Time of Day Analysis Correlation Analysis Sentiment Analysis Backtesting Paper Trading
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น
