การทำ Swing Trading
- การทำ Swing Trading
การทำ Swing Trading เป็นกลยุทธ์การซื้อขายที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดการเงิน รวมถึงตลาด ไบนารี่ออปชั่น ด้วย โดยเป็นวิธีการที่เน้นการทำกำไรจากความผันผวนของราคาในระยะเวลาที่สั้นกว่าการลงทุนระยะยาว แต่ก็ยาวนานกว่าการ Day Trading บทความนี้จะนำเสนอข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการทำ Swing Trading สำหรับผู้เริ่มต้น รวมถึงแนวคิด กลยุทธ์ การบริหารความเสี่ยง และเครื่องมือที่จำเป็นในการเริ่มต้น
Swing Trading คืออะไร?
Swing Trading คือ กลยุทธ์การซื้อขายที่มุ่งเน้นการจับการเคลื่อนไหวของราคาในระยะเวลาหลายวันถึงหลายสัปดาห์ ผู้ที่ทำ Swing Trading หรือที่เรียกว่า “Swing Trader” จะพยายามจับ “Swing” หรือช่วงการเคลื่อนไหวของราคาขึ้นลง โดยถือครองสินทรัพย์ (Assets) ไว้เป็นระยะเวลาหนึ่งเพื่อทำกำไรจาก Swing เหล่านั้น ต่างจากการลงทุนระยะยาวที่เน้นการถือครองสินทรัพย์ในระยะเวลาหลายปี และแตกต่างจาก Day Trading ที่เน้นการเปิดและปิดสถานะภายในวันเดียว
Swing Trading เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำกำไรจากตลาดการเงิน แต่ไม่มีเวลาติดตามตลาดตลอดทั้งวัน และไม่ต้องการรับความเสี่ยงสูงเหมือนกับการ Day Trading อย่างไรก็ตาม การทำ Swing Trading ก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ และจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ การวิเคราะห์ทางเทคนิค และ การบริหารความเสี่ยง
ความแตกต่างระหว่าง Swing Trading, Day Trading และ Position Trading
เพื่อให้เข้าใจ Swing Trading ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น จำเป็นต้องเปรียบเทียบกับกลยุทธ์การซื้อขายอื่นๆ ดังนี้
| กลยุทธ์ | ระยะเวลาการถือครอง | ระดับความเสี่ยง | ความถี่ในการซื้อขาย | |
|---|---|---|---|---|
| หลายวันถึงหลายสัปดาห์ | ปานกลาง | ปานกลาง | | ภายในวันเดียว | สูง | สูง | | หลายเดือนถึงหลายปี | ต่ำ | ต่ำ | |
จากตารางจะเห็นได้ว่า Swing Trading อยู่ในระดับกลางๆ ทั้งในด้านระยะเวลาการถือครอง ระดับความเสี่ยง และความถี่ในการซื้อขาย
แนวคิดพื้นฐานของการทำ Swing Trading
การทำ Swing Trading มีแนวคิดพื้นฐานที่สำคัญดังนี้:
- **การระบุ Swing:** การระบุช่วงการเคลื่อนไหวของราคาขึ้นลง (Swing) เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการทำ Swing Trading โดย Swing จะเกิดขึ้นเมื่อราคามีการปรับตัวขึ้นหรือลงอย่างชัดเจน และมีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไป
- **การหาจุดเข้าซื้อและขาย:** Swing Trader จะพยายามหาจุดเข้าซื้อเมื่อราคาอยู่ในช่วงขาขึ้นของ Swing และหาจุดขายเมื่อราคาอยู่ในช่วงขาลงของ Swing
- **การใช้ Stop Loss:** การตั้งค่า Stop Loss เป็นสิ่งสำคัญในการจำกัดความเสี่ยง หากราคาเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่คาดการณ์ไว้
- **การใช้ Take Profit:** การตั้งค่า Take Profit จะช่วยให้คุณสามารถล็อกกำไรได้เมื่อราคาถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้
กลยุทธ์ Swing Trading ที่นิยม
มีกลยุทธ์ Swing Trading ที่นิยมหลายรูปแบบ แต่ที่สำคัญคือต้องเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับสไตล์การซื้อขายและความเสี่ยงที่รับได้ ตัวอย่างกลยุทธ์ที่นิยม ได้แก่:
- **การ Breakout Trading:** กลยุทธ์นี้จะอาศัยการทะลุแนวต้านหรือแนวรับของราคาเพื่อเข้าซื้อหรือขาย แนวรับแนวต้าน
- **การ Pullback Trading:** กลยุทธ์นี้จะอาศัยการปรับตัวลงของราคาในแนวโน้มขาขึ้น หรือการปรับตัวขึ้นของราคาในแนวโน้มขาลงเพื่อเข้าซื้อหรือขาย
- **การใช้ Moving Averages:** กลยุทธ์นี้จะใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) เพื่อระบุแนวโน้มของราคา และใช้เป็นจุดเข้าซื้อหรือขาย Moving Averages
- **การใช้ Fibonacci Retracement:** กลยุทธ์นี้จะใช้ระดับ Fibonacci เพื่อคาดการณ์จุดกลับตัวของราคา Fibonacci Retracement
- **การใช้ MACD:** กลยุทธ์นี้จะใช้ MACD (Moving Average Convergence Divergence) เพื่อระบุสัญญาณซื้อหรือขาย MACD
- **การใช้ RSI:** กลยุทธ์นี้จะใช้ RSI (Relative Strength Index) เพื่อวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม และระบุสัญญาณซื้อหรือขายที่มากเกินไป หรือน้อยเกินไป RSI
- **การใช้ Bollinger Bands:** กลยุทธ์นี้จะใช้ Bollinger Bands เพื่อวัดความผันผวนของราคา และระบุสัญญาณซื้อหรือขายเมื่อราคาแตะขอบบนหรือขอบล่างของ Bands Bollinger Bands
- **Price Action Trading:** การอ่านรูปแบบแท่งเทียนและการเคลื่อนไหวของราคาโดยตรงเพื่อคาดการณ์ทิศทางในอนาคต Price Action
- **Three White Soldiers:** รูปแบบแท่งเทียนที่บ่งบอกถึงแนวโน้มขาขึ้น Three White Soldiers
- **Dark Cloud Cover:** รูปแบบแท่งเทียนที่บ่งบอกถึงแนวโน้มขาลง Dark Cloud Cover
- **Morning Star:** รูปแบบแท่งเทียนที่บ่งบอกถึงการกลับตัวจากขาลงเป็นขาขึ้น Morning Star
- **Evening Star:** รูปแบบแท่งเทียนที่บ่งบอกถึงการกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง Evening Star
- **Inside Bar:** รูปแบบแท่งเทียนที่บ่งบอกถึงการพักตัวของราคา Inside Bar
- **Pin Bar:** รูปแบบแท่งเทียนที่บ่งบอกถึงการปฏิเสธราคา Pin Bar
- **Engulfing Pattern:** รูปแบบแท่งเทียนที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแนวโน้ม Engulfing Pattern
การบริหารความเสี่ยงในการทำ Swing Trading
การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการทำ Swing Trading เนื่องจากตลาดการเงินมีความผันผวนอยู่เสมอ ข้อควรคำนึงในการบริหารความเสี่ยง ได้แก่:
- **การกำหนดขนาด Position:** กำหนดขนาด Position ให้เหมาะสมกับเงินทุนและความเสี่ยงที่รับได้ โดยทั่วไปไม่ควรลงทุนเกิน 2% ของเงินทุนทั้งหมดในแต่ละ Trade
- **การตั้ง Stop Loss:** ตั้ง Stop Loss ในจุดที่เหมาะสมเพื่อจำกัดความเสี่ยง หากราคาเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่คาดการณ์ไว้
- **การทำ Diversification:** กระจายความเสี่ยงโดยการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย
- **การใช้ Risk/Reward Ratio:** คำนวณ Risk/Reward Ratio ก่อนเข้า Trade เพื่อให้แน่ใจว่าโอกาสในการทำกำไรมีมากกว่าความเสี่ยง
เครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการทำ Swing Trading
ในการทำ Swing Trading คุณจะต้องมีเครื่องมือที่จำเป็นดังนี้:
- **แพลตฟอร์มการซื้อขาย:** เลือกแพลตฟอร์มการซื้อขายที่เชื่อถือได้และมีเครื่องมือที่จำเป็น เช่น กราฟราคา ตัวชี้วัดทางเทคนิค และคำสั่งซื้อขายที่หลากหลาย
- **เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค:** ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อระบุแนวโน้มของราคา จุดเข้าซื้อและขาย และสัญญาณเตือนต่างๆ
- **แหล่งข้อมูลข่าวสาร:** ติดตามข่าวสารและเหตุการณ์ที่อาจมีผลกระทบต่อตลาดการเงิน
- **โปรแกรม Spreadsheet หรือสมุดบันทึก:** ใช้เพื่อบันทึกผลการซื้อขาย วิเคราะห์ประสิทธิภาพ และปรับปรุงกลยุทธ์
การวิเคราะห์ทางเทคนิคสำหรับการทำ Swing Trading
การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นหัวใจสำคัญของการทำ Swing Trading โดย Swing Trader จะใช้เครื่องมือและเทคนิคต่างๆ ในการวิเคราะห์กราฟราคาเพื่อคาดการณ์แนวโน้มของราคา ตัวอย่างเทคนิคที่นิยม ได้แก่:
- **การวิเคราะห์แนวโน้ม (Trend Analysis):** การระบุแนวโน้มของราคาว่าเป็นแนวโน้มขาขึ้น ขาลง หรือ Sideways
- **การวิเคราะห์รูปแบบกราฟ (Chart Patterns):** การระบุรูปแบบกราฟที่บ่งบอกถึงการกลับตัวของราคา หรือการดำเนินแนวโน้มต่อไป
- **การวิเคราะห์ Volume (Volume Analysis):** การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายเพื่อยืนยันแนวโน้มของราคา และระบุสัญญาณซื้อหรือขาย Volume Analysis
- **การวิเคราะห์ Indicators:** การใช้ Indicators ทางเทคนิคต่างๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจ
การวิเคราะห์พื้นฐานสำหรับการทำ Swing Trading
แม้ว่า Swing Trading จะเน้นการวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นหลัก แต่การวิเคราะห์พื้นฐานก็สามารถช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในการตัดสินใจได้ โดย Swing Trader จะพิจารณาปัจจัยพื้นฐานต่างๆ ที่อาจมีผลกระทบต่อราคาของสินทรัพย์ เช่น:
- **ข่าวเศรษฐกิจ:** ข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น อัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ และ GDP
- **ผลประกอบการของบริษัท:** ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
- **เหตุการณ์ทางการเมือง:** เหตุการณ์ทางการเมืองที่อาจมีผลกระทบต่อตลาดการเงิน
ข้อควรระวังในการทำ Swing Trading
- **ความผันผวนของตลาด:** ตลาดการเงินมีความผันผวนอยู่เสมอ ดังนั้นคุณควรเตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
- **ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย:** ค่าธรรมเนียมการซื้อขายอาจส่งผลกระทบต่อผลกำไรของคุณ ดังนั้นคุณควรเลือกแพลตฟอร์มการซื้อขายที่มีค่าธรรมเนียมที่เหมาะสม
- **อารมณ์:** ควบคุมอารมณ์ของคุณให้ได้ อย่าตัดสินใจซื้อขายโดยใช้อารมณ์
สรุป
การทำ Swing Trading เป็นกลยุทธ์การซื้อขายที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการทำกำไรจากตลาดการเงินในระยะเวลาที่สั้นกว่าการลงทุนระยะยาว แต่ก็ยาวนานกว่าการ Day Trading อย่างไรก็ตาม การทำ Swing Trading ก็มีความเสี่ยงอยู่ และจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ การวิเคราะห์ทางเทคนิค การบริหารความเสี่ยง และเครื่องมือที่จำเป็น หากคุณศึกษาและฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ คุณก็สามารถประสบความสำเร็จในการทำ Swing Trading ได้
การซื้อขายไบนารี่ออปชั่น การวิเคราะห์ทางเทคนิคขั้นสูง การบริหารเงินทุน การจัดการความเสี่ยง การอ่านกราฟราคา การใช้ Indicators การวิเคราะห์ Volume แนวโน้มของตลาด รูปแบบแท่งเทียน การวิเคราะห์ตลาด กลยุทธ์การซื้อขาย การลงทุนระยะสั้น การลงทุนระยะยาว Day Trading Forex หุ้น
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น
