การทำความเข้าใจ Volatility Skew (Volatility Skew)
- การทำความเข้าใจ Volatility Skew (Volatility Skew)
Volatility Skew หรือความเบ้ของค่าความผันผวน เป็นแนวคิดที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ทำการซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น หรือตราสารอนุพันธ์อื่นๆ การทำความเข้าใจ Volatility Skew จะช่วยให้นักลงทุนสามารถประเมินราคาของออปชั่นได้อย่างแม่นยำขึ้น และสามารถวางกลยุทธ์การซื้อขายที่เหมาะสมกับสภาวะตลาดได้ดีกว่า บทความนี้จะอธิบายถึงความหมายของ Volatility Skew สาเหตุการเกิด ผลกระทบต่อการซื้อขาย และวิธีการนำไปประยุกต์ใช้ในการซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น
- ความหมายของ Volatility Skew
Volatility Skew หมายถึง รูปแบบของความผันผวนโดยปริยาย (Implied Volatility) ที่แตกต่างกันไปตามราคาใช้สิทธิ (Strike Price) ของออปชั่น โดยทั่วไปแล้ว Volatility Skew จะแสดงให้เห็นว่าออปชั่นที่มีราคาใช้สิทธิที่ต่ำกว่า (Out-of-the-Money Put Options) จะมีค่าความผันผวนโดยปริยายสูงกว่าออปชั่นที่มีราคาใช้สิทธิที่สูงกว่า (Out-of-the-Money Call Options) ในสถานการณ์ปกติ
กราฟแสดง Volatility Skew มักจะมีลักษณะเป็นรูปตัว "L" หรือตัว "J" โดยแกน X แทนราคาใช้สิทธิ และแกน Y แทนค่าความผันผวนโดยปริยาย การเบ้ของกราฟนี้บ่งบอกถึงความคาดหวังของตลาดเกี่ยวกับทิศทางราคาของสินทรัพย์อ้างอิงในอนาคต
- สาเหตุการเกิด Volatility Skew
Volatility Skew เกิดขึ้นจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่:
- **ความกลัวของการลดลงของราคา (Fear of Downside Risk):** นักลงทุนมักจะกังวลเกี่ยวกับการลดลงของราคามากกว่าการเพิ่มขึ้นของราคา เนื่องจากผลกระทบของการลดลงของราคามักจะรุนแรงกว่า ดังนั้น ความต้องการซื้อ Put Options (เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลดลงของราคา) จึงสูงกว่าความต้องการซื้อ Call Options ส่งผลให้ราคาของ Put Options สูงขึ้น และค่าความผันผวนโดยปริยายสูงขึ้นตามไปด้วย
- **Leverage Effect:** บริษัทที่มีหนี้สินสูงมักจะมี Volatility Skew ที่ชัดเจนกว่า เนื่องจากราคาหุ้นของบริษัทเหล่านี้มีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยและสภาวะเศรษฐกิจมากกว่า
- **Supply and Demand:** อุปสงค์และอุปทานของออปชั่นแต่ละราคาใช้สิทธิก็มีผลต่อ Volatility Skew เช่นกัน หากมีผู้ซื้อ Put Options จำนวนมาก จะทำให้ราคาของ Put Options สูงขึ้น และค่าความผันผวนโดยปริยายสูงขึ้น
- **ข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญ:** ข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญต่างๆ เช่น การประกาศผลประกอบการ การประชุมธนาคารกลาง หรือเหตุการณ์ทางการเมือง สามารถส่งผลกระทบต่อ Volatility Skew ได้เช่นกัน
- ผลกระทบต่อการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น
Volatility Skew มีผลกระทบอย่างมากต่อการซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น ดังนี้:
- **การประเมินราคาออปชั่น:** Volatility Skew ช่วยให้นักลงทุนสามารถประเมินราคาของออปชั่นได้อย่างแม่นยำขึ้น โดยการปรับค่าความผันผวนโดยปริยายให้เหมาะสมกับราคาใช้สิทธิ
- **การเลือกออปชั่นที่เหมาะสม:** การทำความเข้าใจ Volatility Skew ช่วยให้นักลงทุนสามารถเลือกออปชั่นที่เหมาะสมกับความคาดหวังของตนเองได้ เช่น หากนักลงทุนคาดว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะลดลง อาจเลือกซื้อ Put Options ที่มีราคาใช้สิทธิที่ต่ำกว่า
- **การวางกลยุทธ์การซื้อขาย:** Volatility Skew สามารถนำไปใช้ในการวางกลยุทธ์การซื้อขายที่หลากหลาย เช่น Straddle, Strangle, Butterfly Spread และ Iron Condor
- การวิเคราะห์ Volatility Skew
การวิเคราะห์ Volatility Skew สามารถทำได้โดยการดูที่กราฟ Volatility Skew หรือโดยการคำนวณค่าต่างๆ เช่น:
- **Skewness:** เป็นค่าที่บ่งบอกถึงความเบ้ของกราฟ Volatility Skew
- **Kurtosis:** เป็นค่าที่บ่งบอกถึงความป้านของกราฟ Volatility Skew
- **Volatility Surface:** เป็นกราฟสามมิติที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างราคาใช้สิทธิ วันหมดอายุ และค่าความผันผวนโดยปริยาย
นอกจากนี้ นักลงทุนยังสามารถใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคต่างๆ เช่น Moving Averages, Relative Strength Index (RSI), และ MACD เพื่อช่วยในการวิเคราะห์ Volatility Skew
- การประยุกต์ใช้ Volatility Skew ในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการประยุกต์ใช้ Volatility Skew ในการซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น:
- **Long Put Option:** หากนักลงทุนคาดว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะลดลง และ Volatility Skew แสดงให้เห็นว่า Put Options ที่มีราคาใช้สิทธิที่ต่ำกว่ามีความผันผวนสูง นักลงทุนอาจเลือกซื้อ Put Options ที่มีราคาใช้สิทธิที่ต่ำกว่า เพื่อทำกำไรจากการลดลงของราคา
- **Short Call Option:** หากนักลงทุนคาดว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะไม่เพิ่มขึ้น และ Volatility Skew แสดงให้เห็นว่า Call Options ที่มีราคาใช้สิทธิที่สูงกว่ามีความผันผวนต่ำ นักลงทุนอาจเลือกขาย Call Options ที่มีราคาใช้สิทธิที่สูงกว่า เพื่อทำกำไรจากการไม่เพิ่มขึ้นของราคา
- **Straddle Strategy:** หากนักลงทุนคาดว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก แต่ไม่แน่ใจว่าจะขึ้นหรือลง นักลงทุนอาจใช้กลยุทธ์ Straddle โดยการซื้อทั้ง Call Options และ Put Options ที่มีราคาใช้สิทธิและวันหมดอายุเดียวกัน กลยุทธ์นี้จะทำกำไรหากราคาของสินทรัพย์อ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ว่าจะขึ้นหรือลง
- **Strangle Strategy:** คล้ายกับ Straddle แต่ Strangle ใช้ Call Options และ Put Options ที่มีราคาใช้สิทธิที่แตกต่างกัน กลยุทธ์นี้มีต้นทุนต่ำกว่า Straddle แต่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงของราคาที่มากกว่าเพื่อให้ทำกำไรได้
- **Iron Condor Strategy:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการขาย Call Options และ Put Options ที่มีราคาใช้สิทธิที่แตกต่างกัน และซื้อ Call Options และ Put Options ที่มีราคาใช้สิทธิที่สูงกว่าและต่ำกว่าอีกทีหนึ่ง กลยุทธ์นี้จะทำกำไรหากราคาของสินทรัพย์อ้างอิงอยู่ในช่วงที่กำหนด
- การจัดการความเสี่ยง
แม้ว่า Volatility Skew จะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น แต่ก็มีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องเช่นกัน นักลงทุนควรตระหนักถึงความเสี่ยงเหล่านี้ และจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม โดยการ:
- **Diversification:** กระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์และกลยุทธ์ที่หลากหลาย
- **Position Sizing:** กำหนดขนาดของตำแหน่งการซื้อขายให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่รับได้
- **Stop-Loss Orders:** ตั้ง Stop-Loss Orders เพื่อจำกัดการขาดทุน
- **Risk Management Plan:** พัฒนาแผนการจัดการความเสี่ยงที่ครอบคลุม
- แนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงของ Volatility Skew
Volatility Skew ไม่ได้คงที่ แต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาวะตลาดและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น นักลงทุนควรติดตามแนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงของ Volatility Skew อย่างสม่ำเสมอ เพื่อปรับกลยุทธ์การซื้อขายให้เหมาะสม
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของ Volatility Skew ได้แก่:
- **สภาวะเศรษฐกิจ:** สภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งมักจะส่งผลให้ Volatility Skew ลดลง ในขณะที่สภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแออาจทำให้ Volatility Skew เพิ่มขึ้น
- **อัตราดอกเบี้ย:** การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยสามารถส่งผลกระทบต่อ Volatility Skew ได้เช่นกัน
- **เหตุการณ์ทางการเมือง:** เหตุการณ์ทางการเมืองที่สำคัญสามารถทำให้ Volatility Skew ผันผวนได้
- **ผลประกอบการของบริษัท:** การประกาศผลประกอบการของบริษัทสามารถส่งผลกระทบต่อ Volatility Skew ของหุ้นของบริษัทนั้นๆ
- เครื่องมือและแหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
มีเครื่องมือและแหล่งข้อมูลมากมายที่สามารถช่วยนักลงทุนในการวิเคราะห์ Volatility Skew ได้แก่:
- **Option Chain:** แสดงราคาและค่าความผันผวนโดยปริยายของออปชั่นต่างๆ
- **Volatility Skew Chart:** แสดงกราฟ Volatility Skew
- **Financial News Websites:** ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสภาวะตลาดและเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อ Volatility Skew
- **Trading Platforms:** บาง Trading Platforms มีเครื่องมือวิเคราะห์ Volatility Skew ในตัว
- สรุป
Volatility Skew เป็นแนวคิดที่สำคัญสำหรับผู้ที่ทำการซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น หรือตราสารอนุพันธ์อื่นๆ การทำความเข้าใจ Volatility Skew จะช่วยให้นักลงทุนสามารถประเมินราคาของออปชั่นได้อย่างแม่นยำขึ้น และสามารถวางกลยุทธ์การซื้อขายที่เหมาะสมกับสภาวะตลาดได้ดีกว่า นักลงทุนควรติดตามแนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงของ Volatility Skew อย่างสม่ำเสมอ และจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
การวิเคราะห์ทางเทคนิค การวิเคราะห์พื้นฐาน การบริหารความเสี่ยง กลยุทธ์การซื้อขายไบนารี่ออปชั่น Hedging Implied Volatility Option Pricing Black-Scholes Model Greeks (Option) Monte Carlo Simulation ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การกระจายความเสี่ยง การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย Technical Indicators Candlestick Patterns Fibonacci Retracements Elliott Wave Theory Bollinger Bands Moving Average Convergence Divergence (MACD) Relative Strength Index (RSI) Stochastic Oscillator การซื้อขายตามแนวโน้ม การซื้อขายแบบ Range Trading
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น
