การซื้อขาย Futures

1. 1. การซื้อขาย Futures

การซื้อขาย Futures หรือตลาดซื้อขายล่วงหน้า เป็นส่วนสำคัญของตลาดการเงินโลก และเป็นเครื่องมือที่นักลงทุนและผู้ค้าใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging) และเก็งกำไร (Speculation) ในราคาสินทรัพย์ต่างๆ บทความนี้จะนำเสนอภาพรวมของการซื้อขาย Futures สำหรับผู้เริ่มต้น โดยครอบคลุมตั้งแต่ความหมายพื้นฐาน กลไกการทำงาน ประเภทของสัญญา Futures ความเสี่ยง และกลยุทธ์การซื้อขายที่สำคัญ

1. 1. 1. ความหมายของ Futures

Futures contract หรือ สัญญาซื้อขายล่วงหน้า คือ ข้อตกลงในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิง (Underlying Asset) ในวันที่กำหนดในอนาคต ในราคาที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า สินทรัพย์อ้างอิงนั้นอาจเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) เช่น น้ำมันดิบ ทองคำ ข้าวสาลี หรืออาจเป็นตราสารทางการเงิน เช่น ดัชนีหุ้น อัตราแลกเปลี่ยน และพันธบัตรรัฐบาล

Futures แตกต่างจาก Spot market หรือตลาดซื้อขายทันที ซึ่งเป็นการซื้อขายสินทรัพย์เพื่อส่งมอบทันที ในตลาด Futures ผู้ซื้อและผู้ขายไม่ได้แลกเปลี่ยนสินทรัพย์จริงในทันที แต่แลกเปลี่ยนสัญญาที่มีภาระผูกพันในการส่งมอบสินทรัพย์ในอนาคต

1. 1. 1. กลไกการทำงานของตลาด Futures

ตลาด Futures ทำงานผ่านตลาดแลกเปลี่ยน (Exchange) เช่น Chicago Mercantile Exchange (CME) และ Intercontinental Exchange (ICE) ตลาดแลกเปลี่ยนทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการจับคู่ผู้ซื้อและผู้ขาย และรับประกันการปฏิบัติตามสัญญา

กระบวนการซื้อขาย Futures มีขั้นตอนดังนี้:

1. **การเปิดบัญชี:** นักลงทุนต้องเปิดบัญชีซื้อขาย Futures กับโบรกเกอร์ (Broker) ที่ได้รับการอนุมัติจากตลาดแลกเปลี่ยน 2. **เงินประกัน (Margin):** แทนที่จะต้องจ่ายเต็มจำนวนของสัญญา Futures นักลงทุนจะต้องวางเงินประกัน ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของมูลค่าสัญญา เงินประกันนี้ทำหน้าที่เป็นหลักประกันความเสี่ยงให้กับตลาดแลกเปลี่ยน 3. **การออกคำสั่งซื้อขาย:** นักลงทุนสามารถออกคำสั่งซื้อขาย Futures ผ่านแพลตฟอร์มการซื้อขายของโบรกเกอร์ 4. **การจับคู่คำสั่ง:** ตลาดแลกเปลี่ยนจะจับคู่คำสั่งซื้อและคำสั่งขายที่ตรงกัน 5. **การชำระราคา:** เมื่อสัญญาหมดอายุ (Expiration) ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องชำระราคาตามที่ตกลงกันไว้ หรืออาจทำการ Roll Over สัญญาไปยังสัญญาใหม่ที่มีวันหมดอายุที่ไกลออกไป

1. 1. 1. ประเภทของสัญญา Futures

สัญญา Futures มีหลากหลายประเภท ขึ้นอยู่กับสินทรัพย์อ้างอิงที่ใช้ในการซื้อขาย ตัวอย่างสัญญา Futures ที่สำคัญ ได้แก่:

• **สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities):**

   * **พลังงาน:** น้ำมันดิบ (Crude Oil), ก๊าซธรรมชาติ (Natural Gas), น้ำมันเบนซิน (Gasoline)
   * **โลหะ:** ทองคำ (Gold), เงิน (Silver), ทองแดง (Copper)
   * **เกษตร:** ข้าวสาลี (Wheat), ข้าวโพด (Corn), ถั่วเหลือง (Soybean)

• **ตราสารทางการเงิน (Financial Instruments):**

   * **ดัชนีหุ้น (Stock Indices):** S&P 500, Dow Jones Industrial Average, NASDAQ 100
   * **อัตราแลกเปลี่ยน (Currency):** EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY
   * **พันธบัตรรัฐบาล (Government Bonds):** US Treasury Bonds, German Bunds

1. 1. 1. ข้อดีและข้อเสียของการซื้อขาย Futures

• • ข้อดี:**

• **เลเวอเรจ (Leverage):** Futures ช่วยให้นักลงทุนสามารถควบคุมสัญญาที่มีมูลค่าสูงด้วยเงินทุนเพียงเล็กน้อย ทำให้มีโอกาสทำกำไรได้สูงขึ้น
• **การป้องกันความเสี่ยง (Hedging):** ผู้ผลิตและผู้บริโภคสินค้าโภคภัณฑ์สามารถใช้ Futures เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา
• **สภาพคล่องสูง (High Liquidity):** ตลาด Futures มีปริมาณการซื้อขายสูง ทำให้ง่ายต่อการเข้าและออกจากการซื้อขาย
• **ความโปร่งใส (Transparency):** ราคา Futures ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน ทำให้มีความโปร่งใสในการซื้อขาย

• • ข้อเสีย:**

• **ความเสี่ยงสูง (High Risk):** เลเวอเรจสามารถขยายผลกำไรได้ แต่ก็สามารถขยายผลขาดทุนได้เช่นกัน
• **ความผันผวน (Volatility):** ราคา Futures อาจมีความผันผวนสูง ทำให้มีความเสี่ยงในการซื้อขาย
• **การ Roll Over:** การ Roll Over สัญญาอาจมีค่าใช้จ่ายและส่งผลกระทบต่อผลกำไร
• **ความซับซ้อน (Complexity):** การซื้อขาย Futures อาจมีความซับซ้อนสำหรับผู้เริ่มต้น

1. 1. 1. การวิเคราะห์ตลาด Futures

การวิเคราะห์ตลาด Futures เป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจซื้อขาย การวิเคราะห์สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก:

• **การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis):** การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเกี่ยวข้องกับการศึกษาปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมือง และอุปสงค์อุปทานของสินทรัพย์อ้างอิง เพื่อประเมินแนวโน้มราคาในระยะยาว ตัวอย่างเช่น การวิเคราะห์อุปทานและอุปสงค์ของน้ำมันดิบ หรือการวิเคราะห์นโยบายการเงินของธนาคารกลาง
• **การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis):** การวิเคราะห์ทางเทคนิคเกี่ยวข้องกับการศึกษาประวัติราคาและปริมาณการซื้อขายของ Futures เพื่อระบุรูปแบบ (Patterns) และแนวโน้ม (Trends) ที่อาจเกิดขึ้น ตัวอย่างเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค ได้แก่ Moving Averages, Relative Strength Index (RSI), MACD, และ Fibonacci Retracements.
• **การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis):** การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายเกี่ยวข้องกับการศึกษาปริมาณการซื้อขายเพื่อยืนยันแนวโน้มและระบุสัญญาณการกลับตัวของราคา ตัวอย่างเช่น การเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขายพร้อมกับการเพิ่มขึ้นของราคา อาจบ่งบอกถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง

1. 1. 1. กลยุทธ์การซื้อขาย Futures

มีกลยุทธ์การซื้อขาย Futures มากมายที่นักลงทุนสามารถใช้ได้ ตัวอย่างกลยุทธ์ที่สำคัญ ได้แก่:

• **Trend Following:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการซื้อ Futures เมื่อราคาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น และขาย Futures เมื่อราคาอยู่ในแนวโน้มขาลง การใช้ Moving Average Crossover เป็นตัวอย่างกลยุทธ์นี้
• **Range Trading:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการซื้อ Futures เมื่อราคาเข้าใกล้ระดับต่ำสุดของช่วงราคา และขาย Futures เมื่อราคาเข้าใกล้ระดับสูงสุดของช่วงราคา
• **Breakout Trading:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการซื้อ Futures เมื่อราคาทะลุระดับแนวต้าน (Resistance) หรือขาย Futures เมื่อราคาทะลุระดับแนวรับ (Support)
• **Spread Trading:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการซื้อและขาย Futures สองสัญญาที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำกำไรจากความแตกต่างของราคา
• **Day Trading:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการเปิดและปิดสถานะ Futures ภายในวันเดียว
• **Swing Trading:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการถือครองสถานะ Futures เป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์
• **Scalping:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการทำกำไรจากความผันผวนของราคาขนาดเล็ก โดยการเปิดและปิดสถานะ Futures อย่างรวดเร็ว
• **Arbitrage:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของราคา Futures ในตลาดต่างๆ เพื่อทำกำไรโดยปราศจากความเสี่ยง
• **Hedging Strategies:** กลยุทธ์เหล่านี้ใช้เพื่อลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคา เช่น การใช้ Futures เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมัน
• **Options Strategies on Futures:** การใช้ Options ร่วมกับ Futures เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและลดความเสี่ยง
• **Statistical Arbitrage:** การใช้แบบจำลองทางสถิติเพื่อระบุโอกาสในการทำกำไรจากการผิดราคา
• **Momentum Trading:** การซื้อ Futures ที่มีแนวโน้มแข็งแกร่งและขาย Futures ที่มีแนวโน้มอ่อนแอ
• **Mean Reversion Trading:** การคาดการณ์ว่าราคาจะกลับสู่ค่าเฉลี่ยในระยะยาว
• **Pairs Trading:** การซื้อ Futures สัญญาหนึ่งและขาย Futures อีกสัญญาหนึ่งที่สัมพันธ์กัน
• **Seasonality Trading:** การใช้ประโยชน์จากรูปแบบราคาตามฤดูกาล

1. 1. 1. การจัดการความเสี่ยงในการซื้อขาย Futures

การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญในการซื้อขาย Futures นักลงทุนควรพิจารณา:

• **ขนาดของสถานะ (Position Sizing):** ไม่ควรลงทุนเกินกว่าที่คุณสามารถรับความเสี่ยงได้
• **Stop-Loss Orders:** ใช้ Stop-Loss Orders เพื่อจำกัดผลขาดทุน
• **Diversification:** กระจายการลงทุนใน Futures หลายประเภท
• **Risk-Reward Ratio:** ประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทนที่คาดหวังก่อนทำการซื้อขาย
• **ติดตามข่าวสาร:** ติดตามข่าวสารและเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อราคา Futures

1. 1. 1. แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

• **Chicago Mercantile Exchange (CME):** [1](https://www.cmegroup.com/)
• **Intercontinental Exchange (ICE):** [2](https://www.ice.com/)
• **Investopedia - Futures:** [3](https://www.investopedia.com/terms/f/futurescontract.asp)
• **BabyPips - Futures Trading:** [4](https://www.babypips.com/learn/forex/futures)

การซื้อขาย Futures เป็นตลาดที่มีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูง นักลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจอย่างละเอียดก่อนทำการซื้อขาย และควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินหากจำเป็น การมีความรู้ความเข้าใจในเรื่อง Money Management, Risk Management, และ Trading Psychology จะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการซื้อขาย Futures ได้อย่างยั่งยืน

Binary Options เป็นเครื่องมือทางการเงินอีกประเภทหนึ่งที่มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุนใน Binary Options

สรุปความแตกต่างระหว่าง Futures และ Binary Options

Feature	Futures	Binary Options
Underlying Asset	สินค้าโภคภัณฑ์, ดัชนีหุ้น, อัตราแลกเปลี่ยน	สินค้าโภคภัณฑ์, ดัชนีหุ้น, อัตราแลกเปลี่ยน
Payoff	กำไรหรือขาดทุนขึ้นอยู่กับความแตกต่างของราคา	กำไรคงที่หรือขาดทุนทั้งหมด
Time Horizon	วันหมดอายุที่กำหนด	หมดอายุในเวลาที่กำหนด (เช่น 60 วินาที)
Risk/Reward	ไม่จำกัด/ไม่จำกัด	จำกัด/จำกัด
Leverage	สูง	ปานกลาง

การวิเคราะห์ทางเทคนิคขั้นสูง และ การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายขั้นสูง สามารถช่วยเพิ่มความแม่นยำในการคาดการณ์ราคา Futures ได้

การใช้เครื่องมือ Fibonacci และ การวิเคราะห์ Elliott Wave เป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมในการวิเคราะห์แนวโน้มราคา

การสร้างระบบการซื้อขายอัตโนมัติ (Expert Advisors) สามารถช่วยลดอคติทางอารมณ์และเพิ่มประสิทธิภาพในการซื้อขาย

การใช้ Indicator MACD และ การใช้ Indicator RSI เป็นเครื่องมือที่ช่วยยืนยันสัญญาณการซื้อขาย

การวิเคราะห์ Volume Spread Analysis (VSA) สามารถช่วยระบุแรงซื้อขายที่แท้จริงในตลาด

การใช้ Ichimoku Cloud ช่วยในการระบุแนวรับ แนวต้าน และแนวโน้มของราคา

การใช้ Bollinger Bands ช่วยในการวัดความผันผวนของราคา

การใช้ Parabolic SAR ช่วยในการระบุจุดกลับตัวของราคา

การใช้ Gann Angles ช่วยในการระบุแนวโน้มของราคา

Position Trading เป็นกลยุทธ์ที่เน้นการถือครองสถานะเป็นเวลานาน

Day Trading Psychology มีความสำคัญอย่างยิ่งในการควบคุมอารมณ์และตัดสินใจอย่างมีเหตุผล

Risk Management in Futures Trading เป็นหัวใจสำคัญของการอยู่รอดในตลาด

การทำความเข้าใจ Market Microstructure ช่วยในการเข้าใจกลไกการทำงานของตลาด

การใช้ Order Flow Analysis ช่วยในการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ซื้อขายรายใหญ่

การวิเคราะห์ Intermarket Analysis ช่วยในการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างตลาดต่างๆ

การใช้ Sentiment Analysis ช่วยในการวัดความเชื่อมั่นของนักลงทุน

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น