การกำหนดราคาตามความเสี่ยงที่เป็นกลาง
- การกำหนดราคาตามความเสี่ยงที่เป็นกลาง
การกำหนดราคาตามความเสี่ยงที่เป็นกลาง (Risk-Neutral Pricing) เป็นแนวคิดพื้นฐานสำคัญใน การเงินเชิงปริมาณ และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำความเข้าใจการประเมินมูลค่าของ อนุพันธ์ทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไบนารี่ออปชั่น บทความนี้จะอธิบายแนวคิดนี้ให้กับผู้เริ่มต้น รวมถึงการนำไปประยุกต์ใช้ในโลกของการเทรดไบนารี่ออปชั่นอย่างละเอียด
- บทนำ: ทำไมต้องใช้การกำหนดราคาตามความเสี่ยงที่เป็นกลาง?
ในโลกแห่งความเป็นจริง นักลงทุนมีความชอบในการรับความเสี่ยงที่แตกต่างกัน บางคนกล้าเสี่ยงสูงเพื่อโอกาสในการทำกำไรที่มากขึ้น (Risk-Seeking) ในขณะที่บางคนหลีกเลี่ยงความเสี่ยง (Risk-Averse) อย่างเคร่งครัด การกำหนดราคาตามความเสี่ยงที่เป็นกลางช่วยให้เราสามารถประเมินมูลค่าของอนุพันธ์โดยสมมติว่านักลงทุนทุกคนมีความเป็นกลางต่อความเสี่ยง กล่าวคือ พวกเขาไม่ได้รับประโยชน์หรือประสบความเสียหายจากการรับความเสี่ยงเพิ่มเติม
การสมมติฐานนี้ดูเหมือนจะไม่สมจริง แต่มีเหตุผลสำคัญที่ทำให้มันมีประโยชน์:
- **การกำจัดอคติส่วนตัว:** การกำหนดราคาตามความเสี่ยงที่เป็นกลางช่วยกำจัดอคติส่วนตัวของนักลงทุนออกจากกระบวนการประเมินมูลค่า ทำให้ได้ราคาที่เป็นกลางและเป็นสากลมากขึ้น
- **การสร้างแบบจำลองที่ง่ายขึ้น:** การสมมติว่าทุกคนมีความเป็นกลางต่อความเสี่ยงทำให้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ง่ายขึ้นและสามารถจัดการได้ง่ายขึ้น
- **การสร้างพอร์ตการลงทุนที่เลียนแบบ:** เราสามารถสร้างพอร์ตการลงทุนที่เลียนแบบผลตอบแทนของอนุพันธ์ได้โดยใช้สินทรัพย์ที่ไม่มีความเสี่ยงและสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง ซึ่งการสร้างพอร์ตการลงทุนนี้จำเป็นต้องใช้ราคาตามความเสี่ยงที่เป็นกลาง
- หลักการพื้นฐานของการกำหนดราคาตามความเสี่ยงที่เป็นกลาง
หัวใจสำคัญของการกำหนดราคาตามความเสี่ยงที่เป็นกลางคือแนวคิดของ **ความน่าจะเป็นเสมือน (Risk-Neutral Probability)** ซึ่งไม่ใช่ความน่าจะเป็นที่แท้จริงของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น แต่เป็นความน่าจะเป็นที่ทำให้ราคาสินทรัพย์สอดคล้องกับผลตอบแทนที่คาดหวังโดยไม่มีความเสี่ยง
- สูตรพื้นฐาน:**
ราคาของอนุพันธ์ = ผลตอบแทนที่คาดหวังภายใต้ความน่าจะเป็นเสมือน * ปัจจัยลดค่า (Discount Factor)
| สัญลักษณ์ | ความหมาย | |-----------|----------------------------------------| | V | ราคาปัจจุบันของอนุพันธ์ | | E[X] | ค่าคาดหวังของผลตอบแทนในอนาคต | | p | ความน่าจะเป็นเสมือน | | r | อัตราดอกเบี้ยที่ปราศจากความเสี่ยง | | T | ระยะเวลาจนถึงวันหมดอายุของอนุพันธ์ |
- อธิบาย:**
- **ผลตอบแทนที่คาดหวัง (E[X]):** คือผลตอบแทนเฉลี่ยที่นักลงทุนคาดว่าจะได้รับจากอนุพันธ์ในอนาคต
- **ความน่าจะเป็นเสมือน (p):** คือความน่าจะเป็นที่ถูกปรับให้เข้ากับความเป็นกลางต่อความเสี่ยง ซึ่งคำนวณโดยใช้ราคาของสินทรัพย์อ้างอิงและอัตราดอกเบี้ยที่ปราศจากความเสี่ยง
- **ปัจจัยลดค่า (Discount Factor):** คือปัจจัยที่ใช้ในการแปลงผลตอบแทนในอนาคตให้เป็นมูลค่าปัจจุบัน โดยคำนึงถึงมูลค่าของเงินตามเวลา (Time Value of Money)
- การนำไปประยุกต์ใช้กับไบนารี่ออปชั่น
ไบนารี่ออปชั่นเป็นอนุพันธ์ที่ง่ายต่อการทำความเข้าใจและนำแนวคิดการกำหนดราคาตามความเสี่ยงที่เป็นกลางไปใช้
- **Call Option:** ให้ผลตอบแทนคงที่หากราคาสินทรัพย์อ้างอิงสูงกว่าราคาใช้สิทธิ (Strike Price) ณ วันหมดอายุ
- **Put Option:** ให้ผลตอบแทนคงที่หากราคาสินทรัพย์อ้างอิงต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ (Strike Price) ณ วันหมดอายุ
- การคำนวณราคาตามความเสี่ยงที่เป็นกลางสำหรับไบนารี่ออปชั่น:**
ราคาของไบนารี่ออปชั่น (C หรือ P) สามารถคำนวณได้ดังนี้:
C = e^(-rT) * p(S_T > K) P = e^(-rT) * p(S_T < K)
โดยที่:
- C คือราคาของ Call Option
- P คือราคาของ Put Option
- r คืออัตราดอกเบี้ยที่ปราศจากความเสี่ยง
- T คือระยะเวลาจนถึงวันหมดอายุ
- p(S_T > K) คือความน่าจะเป็นเสมือนที่ราคาสินทรัพย์อ้างอิง (S_T) จะสูงกว่าราคาใช้สิทธิ (K) ณ วันหมดอายุ
- p(S_T < K) คือความน่าจะเป็นเสมือนที่ราคาสินทรัพย์อ้างอิง (S_T) จะต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ (K) ณ วันหมดอายุ
- ตัวอย่าง:**
สมมติว่า:
- ราคาปัจจุบันของสินทรัพย์อ้างอิง (S_0) = 100
- ราคาใช้สิทธิ (K) = 105
- ระยะเวลาจนถึงวันหมดอายุ (T) = 1 ปี
- อัตราดอกเบี้ยที่ปราศจากความเสี่ยง (r) = 5%
- ความผันผวน (Volatility) = 20%
เราสามารถใช้แบบจำลอง Black-Scholes หรือแบบจำลองอื่นๆ เพื่อคำนวณความน่าจะเป็นเสมือน p(S_T > K) และ p(S_T < K) จากนั้นจึงคำนวณราคาของไบนารี่ออปชั่นตามสูตรข้างต้น
- ความสำคัญของความผันผวน (Volatility)
ความผันผวนเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดราคาตามความเสี่ยงที่เป็นกลาง เนื่องจากมันส่งผลต่อความน่าจะเป็นเสมือน
- **ความผันผวนสูง:** ทำให้ความน่าจะเป็นเสมือนของการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์อ้างอิงสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาของไบนารี่ออปชั่นสูงขึ้น
- **ความผันผวนต่ำ:** ทำให้ความน่าจะเป็นเสมือนของการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์อ้างอิงต่ำลง ส่งผลให้ราคาของไบนารี่ออปชั่นต่ำลง
ดังนั้น การประเมินความผันผวนอย่างแม่นยำจึงเป็นสิ่งสำคัญในการกำหนดราคาไบนารี่ออปชั่นอย่างถูกต้อง
- การใช้การกำหนดราคาตามความเสี่ยงที่เป็นกลางในการเทรดไบนารี่ออปชั่น
การเข้าใจการกำหนดราคาตามความเสี่ยงที่เป็นกลางสามารถช่วยให้เทรดเดอร์ไบนารี่ออปชั่น:
- **ระบุราคาที่ผิดปกติ:** เปรียบเทียบราคาตลาดของไบนารี่ออปชั่นกับราคาที่คำนวณได้จากการกำหนดราคาตามความเสี่ยงที่เป็นกลาง หากมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ อาจเป็นโอกาสในการทำกำไร
- **เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยต่างๆ:** การกำหนดราคาตามความเสี่ยงที่เป็นกลางช่วยให้เข้าใจว่าปัจจัยต่างๆ เช่น ราคาใช้สิทธิ ระยะเวลาจนถึงวันหมดอายุ อัตราดอกเบี้ย และความผันผวน ส่งผลต่อราคาของไบนารี่ออปชั่นอย่างไร
- **พัฒนากลยุทธ์การเทรด:** สามารถใช้แนวคิดนี้เพื่อพัฒนากลยุทธ์การเทรดที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น Straddle หรือ Strangle ซึ่งอาศัยการคาดการณ์ความผันผวน
- ข้อจำกัดของการกำหนดราคาตามความเสี่ยงที่เป็นกลาง
แม้ว่าการกำหนดราคาตามความเสี่ยงที่เป็นกลางจะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการ:
- **สมมติฐานที่ไม่สมจริง:** การสมมติว่านักลงทุนทุกคนมีความเป็นกลางต่อความเสี่ยงอาจไม่เป็นจริงในตลาดจริง
- **ความยากในการประมาณค่าความผันผวน:** การประมาณค่าความผันผวนที่แม่นยำเป็นเรื่องยาก และอาจนำไปสู่การประเมินมูลค่าที่ไม่ถูกต้อง
- **การละเลยต้นทุนการทำธุรกรรม:** แบบจำลองการกำหนดราคาตามความเสี่ยงที่เป็นกลางมักจะละเลยต้นทุนการทำธุรกรรม เช่น ค่าคอมมิชชั่น และภาษี
- กลยุทธ์การเทรดไบนารี่ออปชั่นที่เกี่ยวข้อง
- Martingale Strategy: กลยุทธ์การเพิ่มขนาดการเดิมพันหลังจากการขาดทุน
- Anti-Martingale Strategy: กลยุทธ์การเพิ่มขนาดการเดิมพันหลังจากการชนะ
- Fibonacci Strategy: กลยุทธ์การใช้ลำดับ Fibonacci เพื่อกำหนดขนาดการเดิมพัน
- Trend Following: กลยุทธ์การเทรดตามแนวโน้มของราคา
- Range Trading: กลยุทธ์การเทรดในกรอบราคาที่กำหนด
- Breakout Trading: กลยุทธ์การเทรดเมื่อราคา breakout จากกรอบราคา
- News Trading: กลยุทธ์การเทรดตามข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญ
- Scalping: กลยุทธ์การทำกำไรจากความผันผวนเล็กน้อยของราคา
- Day Trading: กลยุทธ์การเทรดภายในวันเดียว
- Swing Trading: กลยุทธ์การเทรดระยะกลาง
- Pair Trading: กลยุทธ์การเทรดโดยเปรียบเทียบสินทรัพย์สองชนิดที่สัมพันธ์กัน
- Arbitrage: กลยุทธ์การทำกำไรจากความแตกต่างของราคาในตลาดต่างๆ
- High-Frequency Trading: กลยุทธ์การเทรดด้วยความเร็วสูงโดยใช้คอมพิวเตอร์
- Algorithmic Trading: กลยุทธ์การเทรดโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์
- Momentum Trading: กลยุทธ์การเทรดตามแรงส่งของราคา
- การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายที่เกี่ยวข้อง
- Moving Averages: การใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เพื่อระบุแนวโน้มของราคา
- Relative Strength Index (RSI): การวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มของราคา
- MACD: การใช้ Moving Average Convergence Divergence เพื่อระบุสัญญาณซื้อขาย
- Bollinger Bands: การใช้ Bollinger Bands เพื่อวัดความผันผวนของราคา
- Volume Analysis: การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายเพื่อยืนยันแนวโน้มของราคา
- Candlestick Patterns: การอ่านรูปแบบแท่งเทียนเพื่อระบุสัญญาณซื้อขาย
- Support and Resistance Levels: การระบุแนวรับและแนวต้านเพื่อกำหนดจุดเข้าและออก
- Chart Patterns: การวิเคราะห์รูปแบบกราฟเพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคา
- Elliott Wave Theory: ทฤษฎีคลื่น Elliott เพื่อวิเคราะห์รูปแบบของราคา
- Fibonacci Retracements: การใช้ Fibonacci Retracements เพื่อระบุแนวรับและแนวต้าน
- Ichimoku Cloud: การใช้ Ichimoku Cloud เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มและโมเมนตัม
- On Balance Volume (OBV): การวัดแรงกดดันในการซื้อขาย
- Average True Range (ATR): การวัดความผันผวนของราคา
- Money Flow Index (MFI): การวัดการไหลเวียนของเงินทุน
- Accumulation/Distribution Line: การวัดแรงกดดันในการซื้อขาย
- สรุป
การกำหนดราคาตามความเสี่ยงที่เป็นกลางเป็นแนวคิดที่สำคัญสำหรับการทำความเข้าใจการประเมินมูลค่าของไบนารี่ออปชั่น แม้ว่าจะมีข้อจำกัดบางประการ แต่ก็เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับเทรดเดอร์ในการระบุราคาที่ผิดปกติ พัฒนากลยุทธ์การเทรด และทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อราคาของไบนารี่ออปชั่น การเรียนรู้และทำความเข้าใจแนวคิดนี้จะช่วยให้คุณกลายเป็นเทรดเดอร์ไบนารี่ออปชั่นที่ประสบความสำเร็จมากขึ้น
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น

