กลยุทธ์ Call/Put Option
- กลยุทธ์ Call/Put Option สำหรับผู้เริ่มต้นในไบนารี่ออปชั่น
ไบนารี่ออปชั่นเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยความเรียบง่ายและศักยภาพในการทำกำไรที่สูง อย่างไรก็ตาม การทำความเข้าใจกลไกและกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งก่อนที่จะเริ่มทำการซื้อขาย หนึ่งในกลยุทธ์พื้นฐานที่สุดและสำคัญที่สุดคือกลยุทธ์ Call/Put Option บทความนี้จะอธิบายกลยุทธ์นี้อย่างละเอียดสำหรับผู้เริ่มต้น รวมถึงปัจจัยที่ควรพิจารณา การวิเคราะห์ทางเทคนิคที่เกี่ยวข้อง และการจัดการความเสี่ยง
- ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับ Call/Put Option
- Call Option** คือสิทธิ (แต่ไม่ใช่ข้อผูกมัด) ในการ *ซื้อ* สินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า (Strike Price) ภายในระยะเวลาที่กำหนด หากราคาของสินทรัพย์อ้างอิงสูงกว่า Strike Price เมื่อหมดอายุ ผู้ถือ Call Option จะทำกำไรจากการใช้สิทธินั้น
- Put Option** คือสิทธิ (แต่ไม่ใช่ข้อผูกมัด) ในการ *ขาย* สินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า (Strike Price) ภายในระยะเวลาที่กำหนด หากราคาของสินทรัพย์อ้างอิงต่ำกว่า Strike Price เมื่อหมดอายุ ผู้ถือ Put Option จะทำกำไรจากการใช้สิทธินั้น
ในบริบทของไบนารี่ออปชั่น เราไม่ได้ซื้อหรือขายออปชั่นจริงๆ แต่เรากำลัง *คาดการณ์* ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะสูงขึ้น (Call) หรือต่ำลง (Put) ภายในระยะเวลาที่กำหนด หากการคาดการณ์ของเราถูกต้อง เราจะได้รับผลตอบแทนที่กำหนดไว้ล่วงหน้า หากไม่ถูกต้อง เราจะเสียเงินลงทุนทั้งหมด
- การตัดสินใจเลือกระหว่าง Call และ Put
การตัดสินใจเลือกระหว่าง Call และ Put ขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ตลาดและการคาดการณ์แนวโน้มราคาของสินทรัพย์อ้างอิง มีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา:
- **แนวโน้มของตลาด:** หากคุณเชื่อว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะสูงขึ้น ให้เลือก Call Option หากคุณเชื่อว่าราคาจะลดลง ให้เลือก Put Option การระบุ แนวโน้มของตลาด เป็นสิ่งสำคัญ
- **การวิเคราะห์ทางเทคนิค:** ใช้เครื่องมือและตัวชี้วัดทางเทคนิค เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages), ดัชนี RSI (Relative Strength Index), และ MACD (Moving Average Convergence Divergence) เพื่อประเมินแนวโน้มราคาและหาจุดเข้าซื้อขาย
- **การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน:** พิจารณาปัจจัยพื้นฐานที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิง เช่น ข่าวเศรษฐกิจ, รายงานผลประกอบการของบริษัท, และเหตุการณ์ทางการเมือง
- **ระดับความเสี่ยง:** Call และ Put Option มีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน การเลือก Option ที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้เป็นสิ่งสำคัญ
- กลยุทธ์ Call/Put Option ที่พบบ่อย
1. **High/Low:** กลยุทธ์นี้เป็นกลยุทธ์ที่ง่ายที่สุด โดยคุณคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะสูงกว่า (Call) หรือต่ำกว่า (Put) ราคาปัจจุบันเมื่อหมดอายุ 2. **One Touch:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะ "สัมผัส" หรือถึงระดับราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้าภายในระยะเวลาที่กำหนด ไม่ว่าราคาจะขึ้นหรือลงก็ตาม 3. **No Touch:** กลยุทธ์นี้ตรงกันข้ามกับ One Touch โดยคุณคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะไม่ "สัมผัส" หรือถึงระดับราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้าภายในระยะเวลาที่กำหนด 4. **Boundary:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะอยู่ในช่วงราคาที่กำหนดไว้ (In) หรืออยู่นอกช่วงราคาที่กำหนดไว้ (Out) เมื่อหมดอายุ
- การวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ
การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นเครื่องมือสำคัญในการประเมินแนวโน้มราคาและหาจุดเข้าซื้อขายสำหรับ Call/Put Option ตัวอย่างเครื่องมือและตัวชี้วัดที่สามารถใช้ได้:
- **แนวรับและแนวต้าน:** ระบุระดับราคาที่แนวโน้มราคาอาจหยุดหรือกลับตัว แนวรับและแนวต้าน เป็นจุดสำคัญในการตัดสินใจ
- **รูปแบบแท่งเทียน:** วิเคราะห์รูปแบบแท่งเทียนเพื่อหารูปแบบที่บ่งบอกถึงแนวโน้มราคาในอนาคต เช่น รูปแบบ Doji, รูปแบบ Engulfing และ รูปแบบ Hammer
- **Fibonacci Retracement:** ใช้ Fibonacci Retracement เพื่อระบุระดับราคาที่แนวโน้มราคาอาจกลับตัว
- **Bollinger Bands:** ใช้ Bollinger Bands เพื่อวัดความผันผวนของราคาและระบุสภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold)
- การจัดการความเสี่ยงใน Call/Put Option
การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น แม้ว่ากลยุทธ์ Call/Put Option จะดูเรียบง่าย แต่ก็มีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง:
- **ขนาดการลงทุน:** อย่าลงทุนเกินกว่าที่คุณสามารถเสียได้ กำหนดขนาดการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับแต่ละการซื้อขาย (เช่น 1-5% ของเงินทุนทั้งหมด)
- **การกระจายความเสี่ยง:** อย่าลงทุนในสินทรัพย์อ้างอิงเพียงอย่างเดียว กระจายความเสี่ยงของคุณโดยการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย
- **การกำหนด Stop Loss:** แม้ว่าไบนารี่ออปชั่นจะไม่มี Stop Loss แบบดั้งเดิม แต่คุณสามารถจำกัดความเสี่ยงได้โดยการเลือกระยะเวลาหมดอายุที่สั้นลง
- **การใช้บัญชี Demo:** ฝึกฝนกลยุทธ์ของคุณด้วยบัญชี Demo ก่อนที่จะลงทุนด้วยเงินจริง
- **การติดตามผล:** ติดตามผลการซื้อขายของคุณอย่างสม่ำเสมอเพื่อประเมินประสิทธิภาพของกลยุทธ์ของคุณและปรับปรุงตามความจำเป็น
- กลยุทธ์ขั้นสูงที่เกี่ยวข้อง
เมื่อคุณมีความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับกลยุทธ์ Call/Put Option แล้ว คุณสามารถสำรวจกลยุทธ์ขั้นสูงที่เกี่ยวข้องได้:
- **Straddle:** ซื้อทั้ง Call และ Put Option ที่มี Strike Price และระยะเวลาหมดอายุเดียวกัน กลยุทธ์นี้ใช้เมื่อคุณคาดการณ์ว่าราคาจะมีความผันผวนสูง แต่ไม่แน่ใจว่าจะขึ้นหรือลง
- **Strangle:** ซื้อ Call และ Put Option ที่มี Strike Price ที่แตกต่างกัน กลยุทธ์นี้ใช้เมื่อคุณคาดการณ์ว่าราคาจะมีความผันผวนสูง แต่ต้องการลดต้นทุน
- **Butterfly Spread:** รวม Call และ Put Option หลายชุดเพื่อสร้างกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงและผลตอบแทนที่จำกัด
- **Iron Condor:** รวม Call และ Put Option หลายชุดเพื่อสร้างกลยุทธ์ที่ได้รับประโยชน์จากความผันผวนที่ต่ำ
- การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis)
การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายสามารถช่วยยืนยันแนวโน้มราคาและระบุจุดกลับตัวที่อาจเกิดขึ้นได้:
- **ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น:** หากราคาเพิ่มขึ้นพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น แสดงว่าแนวโน้มขาขึ้นมีกำลัง
- **ปริมาณการซื้อขายที่ลดลง:** หากราคาเพิ่มขึ้นแต่ปริมาณการซื้อขายลดลง แสดงว่าแนวโน้มขาขึ้นอาจอ่อนแอลง
- **ปริมาณการซื้อขายที่สูงผิดปกติ:** ปริมาณการซื้อขายที่สูงผิดปกติอาจบ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้มราคา
- การใช้ตัวชี้วัดเพิ่มเติม
นอกเหนือจากตัวชี้วัดทางเทคนิคที่กล่าวมาแล้ว คุณยังสามารถใช้ตัวชี้วัดเพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงการตัดสินใจของคุณ:
- **Ichimoku Cloud:** ตัวชี้วัดที่ใช้ในการระบุแนวโน้ม, แนวรับ, แนวต้าน และจุดเข้าซื้อขาย
- **Parabolic SAR:** ตัวชี้วัดที่ใช้ในการระบุจุดกลับตัวของแนวโน้มราคา
- **Pivot Points:** ระดับราคาที่ใช้ในการระบุแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ
- ตารางสรุปกลยุทธ์ Call/Put Option
| กลยุทธ์ | การคาดการณ์ | เงื่อนไขในการทำกำไร | ความเสี่ยง |
|---|---|---|---|
| High/Low | ราคาจะสูงขึ้น (Call) หรือต่ำลง (Put) | ราคาปิดสูงกว่าราคาปัจจุบัน (Call) หรือต่ำกว่าราคาปัจจุบัน (Put) เมื่อหมดอายุ | สูง |
| One Touch | ราคาจะสัมผัสระดับราคาที่กำหนดไว้ | ราคาถึงระดับราคาที่กำหนดไว้ภายในระยะเวลาที่กำหนด | สูง |
| No Touch | ราคาจะไม่สัมผัสระดับราคาที่กำหนดไว้ | ราคาไม่ถึงระดับราคาที่กำหนดไว้ภายในระยะเวลาที่กำหนด | สูง |
| Boundary | ราคาจะอยู่ในช่วงราคาที่กำหนดไว้ (In) หรืออยู่นอกช่วงราคาที่กำหนดไว้ (Out) | ราคาอยู่ในช่วงราคาที่กำหนดไว้ (In) หรืออยู่นอกช่วงราคาที่กำหนดไว้ (Out) เมื่อหมดอายุ | ปานกลาง |
- สรุป
กลยุทธ์ Call/Put Option เป็นพื้นฐานสำคัญในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น การทำความเข้าใจแนวคิดพื้นฐาน การวิเคราะห์ตลาด การใช้เครื่องมือทางเทคนิค และการจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญในการประสบความสำเร็จในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น อย่าลืมว่าการซื้อขายไบนารี่ออปชั่นมีความเสี่ยง และคุณควรลงทุนด้วยความระมัดระวัง
การวิเคราะห์ตลาด การวิเคราะห์ทางเทคนิค การจัดการความเสี่ยง แนวโน้มของตลาด เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ดัชนี RSI MACD แนวรับและแนวต้าน รูปแบบ Doji รูปแบบ Engulfing รูปแบบ Hammer Fibonacci Retracement Bollinger Bands Straddle Strangle Butterfly Spread Iron Condor Ichimoku Cloud Parabolic SAR Pivot Points การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น
