กลยุทธ์ Binary Options Trading with Support and Resistance

From binary option
Jump to navigation Jump to search
Баннер1
    1. กลยุทธ์ Binary Options Trading with Support and Resistance

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้เริ่มต้นเกี่ยวกับการใช้แนวรับ (Support) และแนวต้าน (Resistance) ในการเทรด ไบนารี่ออปชั่น (Binary Options) อย่างมีประสิทธิภาพ การทำความเข้าใจแนวคิดเหล่านี้เป็นรากฐานสำคัญของการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) และสามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้อย่างมาก

      1. ความหมายของแนวรับและแนวต้าน
    • แนวรับ (Support)** คือ ระดับราคาที่คาดว่าแรงขายจะอ่อนตัวลงและแรงซื้อจะเข้ามา ทำให้ราคามีแนวโน้มที่จะหยุดการลดลงและอาจปรับตัวสูงขึ้น แนวรับเกิดขึ้นจากการรวมตัวของคำสั่งซื้อจำนวนมาก หรือจากความต้องการซื้อที่แข็งแกร่งในบริเวณนั้น
    • แนวต้าน (Resistance)** คือ ระดับราคาที่คาดว่าแรงซื้อจะอ่อนตัวลงและแรงขายจะเข้ามา ทำให้ราคามีแนวโน้มที่จะหยุดการเพิ่มขึ้นและอาจปรับตัวลดลง แนวต้านเกิดขึ้นจากการรวมตัวของคำสั่งขายจำนวนมาก หรือจากความต้องการขายที่แข็งแกร่งในบริเวณนั้น

แนวรับและแนวต้านไม่ใช่เส้นตายที่ราคาจะต้องหยุด แต่เป็นบริเวณที่คาดการณ์ว่าแรงซื้อขายจะเปลี่ยนแปลงทิศทาง การทำความเข้าใจลักษณะนี้จะช่วยให้เราวางแผนการเทรดได้อย่างมีเหตุผลมากขึ้น

      1. การระบุแนวรับและแนวต้าน

มีหลายวิธีในการระบุแนวรับและแนวต้าน:

  • **การสังเกตจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดก่อนหน้า (Swing Highs and Swing Lows):** มองหาจุดสูงสุด (Swing High) และจุดต่ำสุด (Swing Low) ที่ชัดเจนบนกราฟราคา จุดต่ำสุดก่อนหน้ามักจะเป็นแนวรับ และจุดสูงสุดก่อนหน้ามักจะเป็นแนวต้าน การยืนยันแนวรับและแนวต้านที่แข็งแกร่งมักมาจากหลายๆ จุดที่มาบรรจบกันใกล้เคียงกัน
  • **เส้นแนวโน้ม (Trend Lines):** ลากเส้นเชื่อมต่อจุดต่ำสุด (สำหรับแนวรับ) หรือจุดสูงสุด (สำหรับแนวต้าน) อย่างน้อยสองจุด เส้นแนวโน้มที่แข็งแกร่งจะมีการแตะหลายครั้งก่อนที่ราคาจะทะลุผ่านไปได้
  • **ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages):** ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สามารถทำหน้าที่เป็นแนวรับและแนวต้านแบบไดนามิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาว เช่น 50 วัน หรือ 200 วัน Moving Average
  • **Fibonacci Retracements:** ใช้เครื่องมือ Fibonacci เพื่อระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่อาจเกิดขึ้นตามสัดส่วน Fibonacci Fibonacci Retracements
  • **Pivot Points:** คำนวณ Pivot Points เพื่อหาแนวรับและแนวต้านที่สำคัญในแต่ละวัน Pivot Points
  • **Psychological Levels:** ระดับราคาที่เป็นเลขกลมๆ เช่น 1.0000, 1.1000, 100.00 มักจะทำหน้าที่เป็นแนวรับและแนวต้านทางจิตวิทยา
      1. กลยุทธ์การเทรดไบนารี่ออปชั่นโดยใช้แนวรับและแนวต้าน

มีกลยุทธ์มากมายที่สามารถใช้ร่วมกับแนวรับและแนวต้านในการเทรดไบนารี่ออปชั่น นี่คือตัวอย่างบางส่วน:

1. **Buy at Support:** เมื่อราคาเข้าใกล้แนวรับที่แข็งแกร่ง ให้เปิด Position แบบ Call (ซื้อ) โดยคาดหวังว่าราคาจะเด้งกลับขึ้นไป 2. **Sell at Resistance:** เมื่อราคาเข้าใกล้แนวต้านที่แข็งแกร่ง ให้เปิด Position แบบ Put (ขาย) โดยคาดหวังว่าราคาจะลดลง 3. **Breakout Strategy:** เมื่อราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้านอย่างชัดเจน (Breakout) ให้เปิด Position ตามทิศทางการทะลุ หากทะลุแนวต้านให้เปิด Call และหากทะลุแนวรับให้เปิด Put Breakout Trading 4. **Bounce Strategy:** เมื่อราคาเข้าใกล้แนวรับหรือแนวต้านแล้วเกิดการเด้งกลับ (Bounce) ให้เปิด Position ตามทิศทางการเด้งกลับ 5. **Double Top/Bottom:** รูปแบบ Double Top เป็นสัญญาณขาย (Sell) เมื่อราคาทะลุแนวรับของรูปแบบ ส่วน Double Bottom เป็นสัญญาณซื้อ (Buy) เมื่อราคาทะลุแนวต้านของรูปแบบ 6. **Head and Shoulders:** รูปแบบ Head and Shoulders เป็นสัญญาณขาย (Sell) เมื่อราคาทะลุแนวคอ (Neckline) ของรูปแบบ Head and Shoulders Pattern 7. **Triangles:** รูปแบบ Triangle (Ascending, Descending, Symmetrical) สามารถบ่งบอกถึง Breakout ที่กำลังจะเกิดขึ้น 8. **Flag and Pennant:** รูปแบบ Flag และ Pennant เป็นรูปแบบ Continuation ที่บ่งบอกว่าแนวโน้มเดิมจะดำเนินต่อไป 9. **Reversal Patterns:** มองหารูปแบบการกลับตัว เช่น Doji, Hammer, Hanging Man เพื่อยืนยันสัญญาณจากแนวรับและแนวต้าน Candlestick Patterns 10. **Confirmation with Indicators:** ใช้ Indicators เช่น RSI (Relative Strength Index), MACD (Moving Average Convergence Divergence), หรือ Stochastic Oscillator เพื่อยืนยันสัญญาณจากแนวรับและแนวต้าน

      1. การจัดการความเสี่ยง (Risk Management)

การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเทรดไบนารี่ออปชั่น แม้ว่าคุณจะใช้กลยุทธ์ที่ดูดีเพียงใดก็ตาม:

  • **Stop-Loss:** ในไบนารี่ออปชั่น Stop-Loss ไม่ได้ทำงานเหมือนกับใน Forex หรือหุ้น แต่คุณสามารถใช้ Stop-Loss ทางจิตวิทยาได้ โดยการกำหนดจำนวนเงินที่คุณพร้อมจะเสียต่อการเทรดหนึ่งครั้ง
  • **Position Sizing:** กำหนดขนาด Position ของคุณให้เหมาะสมกับเงินทุนและความเสี่ยงที่คุณรับได้ ไม่ควรเสี่ยงเกิน 1-2% ของเงินทุนทั้งหมดต่อการเทรดหนึ่งครั้ง
  • **Diversification:** กระจายความเสี่ยงโดยการเทรดสินทรัพย์ที่หลากหลาย
  • **Time Management:** เลือกเวลาหมดอายุ (Expiration Time) ที่เหมาะสมกับกลยุทธ์ของคุณ โดยทั่วไปแล้ว การเทรดระยะสั้น (Short-term) จะมีความเสี่ยงสูงกว่าการเทรดระยะยาว (Long-term)
  • **Emotional Control:** ควบคุมอารมณ์ของคุณ อย่าเทรดด้วยความโลภหรือความกลัว
      1. ตัวอย่างการเทรด

สมมติว่าคุณสังเกตเห็นว่าราคาของ EUR/USD กำลังเข้าใกล้แนวรับที่ 1.0800 คุณสังเกตว่าแนวรับนี้ได้รับการยืนยันจากการแตะหลายครั้งก่อนหน้านี้ และ RSI ก็บ่งชี้ว่าสินทรัพย์อยู่ในสภาวะ Oversold (ขายมากเกินไป)

คุณตัดสินใจเปิด Position แบบ Call (ซื้อ) โดยมีเวลาหมดอายุ 15 นาที และลงทุน 5% ของเงินทุนทั้งหมดของคุณ

หากราคาเด้งกลับขึ้นจากแนวรับและสูงกว่าระดับราคาที่คุณเปิด Position คุณจะได้รับผลตอบแทนตามที่กำหนดไว้

หากราคาทะลุแนวรับลงไป คุณจะเสียเงินลงทุน 5% ที่คุณได้ลงทุนไป

      1. การรวมแนวรับและแนวต้านเข้ากับกลยุทธ์อื่น ๆ

การใช้แนวรับและแนวต้านร่วมกับกลยุทธ์อื่นๆ สามารถเพิ่มความแม่นยำในการเทรดได้:

  • **Trend Following:** ใช้แนวรับและแนวต้านเพื่อหาจุดเข้าซื้อ (Buy) ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) และจุดขาย (Sell) ในแนวโน้มขาลง (Downtrend)
  • **Channel Trading:** ใช้แนวรับและแนวต้านเพื่อกำหนดขอบเขตของ Channel และเทรดตามการเด้งตัวจากขอบเขต Channel
  • **Elliott Wave Theory:** ใช้แนวรับและแนวต้านเพื่อยืนยันคลื่น (Waves) ใน Elliott Wave Theory Elliott Wave Theory
  • **Harmonic Patterns:** ใช้แนวรับและแนวต้านเพื่อระบุ Harmonic Patterns เช่น Gartley, Butterfly, และ Crab Harmonic Patterns
  • **Volume Analysis:** สังเกตปริมาณการซื้อขาย (Volume) เมื่อราคาเข้าใกล้แนวรับและแนวต้าน ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นอาจบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของแนวรับหรือแนวต้าน Volume Analysis
      1. ข้อควรระวัง
  • แนวรับและแนวต้านไม่ใช่เครื่องมือที่สมบูรณ์แบบ บางครั้งราคาอาจทะลุผ่านแนวรับและแนวต้านได้โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า
  • แนวรับและแนวต้านอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาวะตลาด
  • การใช้แนวรับและแนวต้านเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอสำหรับการตัดสินใจเทรด ควรใช้ร่วมกับเครื่องมือและกลยุทธ์อื่นๆ
      1. สรุป

การใช้แนวรับและแนวต้านเป็นพื้นฐานสำคัญในการเทรดไบนารี่ออปชั่น การทำความเข้าใจวิธีการระบุแนวรับและแนวต้าน และการนำไปใช้ร่วมกับกลยุทธ์อื่นๆ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรของคุณได้ อย่างไรก็ตาม อย่าลืมให้ความสำคัญกับการจัดการความเสี่ยงและการควบคุมอารมณ์เสมอ

ตัวอย่างแนวรับและแนวต้าน
แนวรับ แนวต้าน 1.0800 1.1000 1.1200 1.1500 1.1600 1.1800
    • คำเตือน:** การเทรดไบนารี่ออปชั่นมีความเสี่ยงสูง โปรดลงทุนเฉพาะเงินที่คุณสามารถสูญเสียได้ และศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนทำการเทรด

Binary Options Trading Technical Analysis Candlestick Patterns Moving Averages RSI MACD Stochastic Oscillator Fibonacci Retracements Pivot Points Breakout Trading Head and Shoulders Pattern Elliott Wave Theory Harmonic Patterns Volume Analysis Trend Following Channel Trading Risk Management

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น

Баннер
Retrieved from "https://binaryoption.wiki/th/index.php?title=กลยุทธ์_Binary_Options_Trading_with_Support_and_Resistance&oldid=4395"