กลยุทธ์การ Retracement

1. กลยุทธ์การ Retracement ในไบนารี่ออปชั่น: คู่มือสำหรับผู้เริ่มต้น

กลยุทธ์การ Retracement เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพในการซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น โดยอาศัยหลักการที่ว่า ราคาของสินทรัพย์มักจะเคลื่อนไหวเป็นคลื่น ไม่ได้เป็นเส้นตรงเสมอไป และหลังจากที่ราคามีการเคลื่อนไหวในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างชัดเจน มักจะมีการปรับฐาน (Retrace) หรือย่อตัวกลับก่อนที่จะไปต่อในทิศทางเดิม กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นเนื่องจากมีความเข้าใจง่ายและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย

1. 1. ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับ Retracement

Retracement หมายถึง การที่ราคาของสินทรัพย์เคลื่อนไหวสวนทางกับแนวโน้มหลักชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่จะกลับไปเคลื่อนที่ตามแนวโน้มเดิมอีกครั้ง การ Retracement นี้เกิดขึ้นเนื่องจากปัจจัยหลายประการ เช่น การพักตัวของตลาด การปรับสมดุลของอุปสงค์และอุปทาน หรือการเกิดข่าวสารที่ไม่สอดคล้องกับแนวโน้มหลัก การทำความเข้าใจลักษณะของ Retracement เป็นสิ่งสำคัญในการใช้กลยุทธ์นี้ให้ประสบความสำเร็จ

- ระดับ Fibonacci Retracement:**

เครื่องมือที่สำคัญที่สุดในการระบุระดับ Retracement คือ Fibonacci Retracement ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการหาจุดที่ราคาอาจจะกลับตัว โดยอิงจากอัตราส่วน Fibonacci ที่สำคัญ ได้แก่ 23.6%, 38.2%, 50%, 61.8% และ 78.6% นักเทรดมักจะใช้ระดับเหล่านี้เป็นจุดเข้าซื้อขาย โดยคาดหวังว่าราคาจะปรับฐานมาที่ระดับเหล่านี้แล้วกลับตัวไปในทิศทางเดิม

1. 1. การระบุแนวโน้มหลัก

ก่อนที่จะใช้กลยุทธ์ Retracement สิ่งแรกที่ต้องทำคือการระบุแนวโน้มหลักของสินทรัพย์นั้นๆ แนวโน้มหลักสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่

**แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend):** ราคาของสินทรัพย์มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีจุดต่ำสุด (Low) และจุดสูงสุด (High) ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
**แนวโน้มขาลง (Downtrend):** ราคาของสินทรัพย์มีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีจุดสูงสุด (High) และจุดต่ำสุด (Low) ที่ต่ำลงเรื่อยๆ
**แนวโน้ม Sideways:** ราคาของสินทรัพย์เคลื่อนที่ในกรอบแคบๆ ไม่มีการปรับตัวขึ้นลงที่ชัดเจน

การระบุแนวโน้มหลักสามารถทำได้โดยใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average), แนวรับแนวต้าน (Support and Resistance), หรือ แนวโน้ม (Trend Line)

1. 1. ขั้นตอนการใช้กลยุทธ์ Retracement ในไบนารี่ออปชั่น

1. **ระบุแนวโน้มหลัก:** กำหนดว่าสินทรัพย์นั้นอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น, ขาลง หรือ Sideways 2. **วาด Fibonacci Retracement:** เลือกจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของแนวโน้มหลัก แล้ววาด Fibonacci Retracement 3. **รอการปรับฐาน:** รอให้ราคาปรับฐานมาที่ระดับ Fibonacci ที่สำคัญ (เช่น 38.2%, 50%, 61.8%) 4. **ยืนยันสัญญาณ:** ก่อนที่จะเข้าซื้อขาย ให้มองหา สัญญาณยืนยัน (Confirmation Signal) เช่น รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Pattern) หรือสัญญาณจาก ตัวชี้วัดทางเทคนิค (Technical Indicator) 5. **เข้าซื้อขาย:**

   *   **แนวโน้มขาขึ้น:** หากราคาปรับฐานมาที่ระดับ Fibonacci และมีสัญญาณยืนยัน ให้เข้าซื้อ (Call Option)
   *   **แนวโน้มขาลง:** หากราคาปรับฐานมาที่ระดับ Fibonacci และมีสัญญาณยืนยัน ให้เข้าขาย (Put Option)

6. **กำหนดจุดทำกำไรและจุดตัดขาดทุน:** กำหนดจุดทำกำไร (Take Profit) และจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) เพื่อบริหารความเสี่ยง

1. 1. รูปแบบแท่งเทียนที่ใช้ยืนยันสัญญาณ Retracement

**Engulfing Pattern:** แท่งเทียนที่มีขนาดใหญ่กลืนแท่งเทียนก่อนหน้า ซึ่งบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแนวโน้ม
**Hammer/Hanging Man:** แท่งเทียนที่มีลักษณะคล้ายค้อน ซึ่งบ่งบอกถึงการกลับตัวของราคา
**Morning Star/Evening Star:** รูปแบบแท่งเทียนสามแท่งที่บ่งบอกถึงการกลับตัวของราคา

1. 1. ตัวชี้วัดทางเทคนิคที่ใช้ร่วมกับกลยุทธ์ Retracement

**Relative Strength Index (RSI):** ใช้เพื่อวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม และบ่งบอกถึงภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold)
**Moving Average Convergence Divergence (MACD):** ใช้เพื่อระบุการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม และบ่งบอกถึงสัญญาณซื้อขาย
**Stochastic Oscillator:** ใช้เพื่อวัดความเร็วและโมเมนตัมของราคา และบ่งบอกถึงภาวะซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไป

1. 1. ตัวอย่างการใช้กลยุทธ์ Retracement

สมมติว่าราคาทองคำอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น และคุณวาด Fibonacci Retracement จากจุดต่ำสุดไปยังจุดสูงสุดล่าสุด ราคาปรับฐานลงมาที่ระดับ 61.8% Fibonacci และเกิดรูปแบบแท่งเทียน Bullish Engulfing ที่ระดับนี้ นี่เป็นสัญญาณยืนยันว่าราคาอาจจะกลับตัวขึ้นไปต่อ คุณสามารถเข้าซื้อ (Call Option) โดยกำหนดจุดทำกำไรที่จุดสูงสุดก่อนหน้า และจุดตัดขาดทุนที่ต่ำกว่าระดับ 61.8% Fibonacci เล็กน้อย

1. 1. ข้อควรระวังในการใช้กลยุทธ์ Retracement

**ความผิดพลาดของสัญญาณ:** ไม่ใช่ทุกครั้งที่ราคาปรับฐานมาที่ระดับ Fibonacci แล้วจะกลับตัวเสมอไป อาจเกิด False Signal หรือสัญญาณหลอกได้
**ความผันผวนของตลาด:** ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง การ Retracement อาจไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้
**การบริหารความเสี่ยง:** การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น ไม่ว่าคุณจะใช้กลยุทธ์ใดก็ตาม ควรกำหนดจุดตัดขาดทุนเสมอเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

1. 1. กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง

1. 1. การวิเคราะห์ทางเทคนิคเพิ่มเติม

1. 1. การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย

การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายสามารถช่วยยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้ม และบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มได้ หากปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นเมื่อราคาปรับฐาน อาจเป็นสัญญาณว่าการกลับตัวของราคามีความน่าเชื่อถือมากขึ้น

1. 1. สรุป

กลยุทธ์ Retracement เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น โดยอาศัยหลักการที่ว่าราคามักจะปรับฐานก่อนที่จะไปต่อในทิศทางเดิม การทำความเข้าใจแนวคิดพื้นฐานของ Retracement การระบุแนวโน้มหลัก และการใช้เครื่องมือยืนยันสัญญาณ จะช่วยให้คุณสามารถใช้กลยุทธ์นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จในการซื้อขาย

ตัวอย่างระดับ Fibonacci Retracement
ระดับ Fibonacci ! คำอธิบาย
ระดับ Retracement ที่อ่อนแอที่สุด มักใช้เป็นจุดเริ่มต้นในการพิจารณา
ระดับ Retracement ที่สำคัญ มักใช้เป็นจุดเข้าซื้อขายสำหรับผู้เริ่มต้น
ระดับ Retracement ที่สำคัญมาก มักใช้เป็นจุดเข้าซื้อขายสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์
ระดับ Retracement ที่สำคัญที่สุด มักใช้เป็นจุดเข้าซื้อขายสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง
ระดับ Retracement ที่หายาก แต่มีความน่าเชื่อถือสูง

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น

กลยุทธ์การ Retracement

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

เข้าร่วมชุมชนของเรา

Navigation menu