กลยุทธ์การเทรดโดยใช้ RSI และ Pivot Points

1. 1. กลยุทธ์การเทรดโดยใช้ RSI และ Pivot Points

บทความนี้จะอธิบายกลยุทธ์การเทรดไบนารี่ออปชั่นโดยใช้เครื่องมือทางเทคนิคสองชนิดที่สำคัญคือ **Relative Strength Index (RSI)** และ **Pivot Points** โดยมุ่งเน้นไปที่ผู้เริ่มต้นที่ต้องการทำความเข้าใจและนำไปประยุกต์ใช้ในการเทรดจริง กลยุทธ์นี้จะช่วยให้คุณสามารถระบุโอกาสในการเทรดที่มีศักยภาพ และบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

1. 1. 1. บทนำเกี่ยวกับไบนารี่ออปชั่น

ไบนารี่ออปชั่น เป็นเครื่องมือทางการเงินที่อนุญาตให้เทรดเดอร์คาดการณ์ทิศทางราคาของสินทรัพย์ (เช่น หุ้น, ค่าเงิน, สินค้าโภคภัณฑ์) ภายในระยะเวลาที่กำหนด หากการคาดการณ์ถูกต้อง เทรดเดอร์จะได้รับผลตอบแทนตามที่ตกลงไว้ แต่หากผิดพลาดก็จะสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด ดังนั้น การวิเคราะห์ทางเทคนิค และการบริหารความเสี่ยงจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเทรดไบนารี่ออปชั่น

1. 1. 1. ความเข้าใจเกี่ยวกับ RSI (Relative Strength Index)

RSI เป็น ตัวชี้วัดโมเมนตัม ที่วัดความรวดเร็วและขนาดของการเปลี่ยนแปลงราคาในช่วงเวลาที่กำหนด โดยมีค่าตั้งแต่ 0 ถึง 100 โดยทั่วไปแล้ว:

• RSI > 70 บ่งบอกถึงสภาวะ **Overbought** (ซื้อมากเกินไป) ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงโอกาสในการขาย
• RSI < 30 บ่งบอกถึงสภาวะ **Oversold** (ขายมากเกินไป) ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงโอกาสในการซื้อ
• RSI ที่ 50 เป็นเส้นแบ่งตรงกลาง ซึ่งบ่งบอกถึงแนวโน้มที่เป็นกลาง

RSI มักใช้ร่วมกับเครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ เพื่อยืนยันสัญญาณการซื้อขาย และลดโอกาสในการเทรดผิดพลาด การเข้าใจ การกระจายตัวของ RSI ก็สำคัญเช่นกัน

1. 1. 1. ความเข้าใจเกี่ยวกับ Pivot Points

Pivot Points เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่สำคัญบนกราฟราคา โดยคำนวณจากราคา High, Low และ Close ของช่วงเวลาก่อนหน้า (เช่น วันก่อนหน้า) โดยทั่วไปแล้ว จะมี Pivot Point หลัก และระดับสนับสนุนและต้านทานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้แก่:

• **Pivot Point (PP):** (High + Low + Close) / 3
• **Resistance 1 (R1):** (2 x PP) - Low
• **Resistance 2 (R2):** PP + (High - Low)
• **Support 1 (S1):** (2 x PP) - High
• **Support 2 (S2):** PP - (High - Low)

ระดับเหล่านี้ถูกใช้เป็นจุดอ้างอิงในการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคา และใช้ในการตั้งจุดทำกำไรและจุดตัดขาดทุน การใช้ Pivot Points ในกรอบเวลาที่แตกต่างกัน สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมได้

1. 1. 1. กลยุทธ์การเทรดโดยใช้ RSI และ Pivot Points

กลยุทธ์นี้มุ่งเน้นไปที่การหาจุดเข้าเทรดเมื่อ RSI บ่งชี้ถึงสภาวะ Overbought หรือ Oversold ในบริเวณใกล้เคียงกับระดับ Pivot Points

• • ขั้นตอนการเทรด:**

1. **ระบุสินทรัพย์และกรอบเวลา:** เลือกสินทรัพย์ที่คุณต้องการเทรด และกำหนดกรอบเวลาที่เหมาะสม (เช่น 5 นาที, 15 นาที, 1 ชั่วโมง) 2. **คำนวณ Pivot Points:** คำนวณระดับ Pivot Points สำหรับช่วงเวลาก่อนหน้า 3. **วิเคราะห์ RSI:** ตรวจสอบค่า RSI ในช่วงเวลาปัจจุบัน 4. **ยืนยันสัญญาณ:** มองหาการผสมผสานระหว่างสัญญาณ RSI และ Pivot Points:

   *   **สัญญาณซื้อ:** หาก RSI < 30 และราคาเข้าใกล้หรือแตะระดับ Support 1 (S1) หรือ Support 2 (S2) ให้พิจารณาเปิด Position Call (ซื้อ)
   *   **สัญญาณขาย:** หาก RSI > 70 และราคาเข้าใกล้หรือแตะระดับ Resistance 1 (R1) หรือ Resistance 2 (R2) ให้พิจารณาเปิด Position Put (ขาย)

5. **บริหารความเสี่ยง:** ตั้งจุดทำกำไรและจุดตัดขาดทุนตามระดับ Pivot Points ที่เกี่ยวข้อง

• • ตัวอย่าง:**

สมมติว่าคุณกำลังเทรดคู่เงิน EUR/USD ในกรอบเวลา 15 นาที และคุณสังเกตเห็นว่า:

• Pivot Point (PP) = 1.1000
• Support 1 (S1) = 1.0980
• RSI = 28 (Oversold)
• ราคาปัจจุบัน = 1.0985

ในกรณีนี้ คุณอาจพิจารณาเปิด Position Call (ซื้อ) โดยตั้งจุดทำกำไรที่ระดับ Pivot Point (PP) หรือ Resistance 1 (R1) และตั้งจุดตัดขาดทุนที่ต่ำกว่าระดับ Support 1 (S1)

1. 1. 1. การปรับปรุงกลยุทธ์ด้วยเครื่องมือเพิ่มเติม

เพื่อเพิ่มความแม่นยำของกลยุทธ์ คุณสามารถใช้เครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ ร่วมด้วย:

• **Moving Averages:** ใช้ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ เพื่อยืนยันแนวโน้มราคา
• **Trend Lines:** วาด เส้นแนวโน้ม เพื่อระบุทิศทางของราคา
• **Candlestick Patterns:** มองหารูปแบบแท่งเทียนที่บ่งบอกถึงการกลับตัวของราคา เช่น Doji หรือ Engulfing Pattern
• **Volume Analysis:** วิเคราะห์ ปริมาณการซื้อขาย เพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้ม

1. 1. 1. การบริหารความเสี่ยง

การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเทรดไบนารี่ออปชั่น:

• **กำหนดขนาด Position:** อย่าลงทุนเกิน 2-5% ของเงินทุนทั้งหมดของคุณในแต่ละ Position
• **ตั้งจุดทำกำไรและจุดตัดขาดทุน:** กำหนดระดับราคาที่คุณจะทำกำไรและยอมรับการขาดทุน
• **ใช้ Stop-Loss Orders:** ใช้คำสั่ง Stop-Loss เพื่อจำกัดการขาดทุนของคุณ
• **Diversify:** กระจายการลงทุนของคุณไปยังสินทรัพย์ที่หลากหลาย
• **อย่าเทรดด้วยอารมณ์:** ยึดมั่นในแผนการเทรดของคุณ และหลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่ impulsively

1. 1. 1. ข้อควรระวัง

• ไม่มีกลยุทธ์ใดที่สามารถรับประกันผลกำไรได้เสมอไป
• ตลาดการเงินมีความผันผวน และราคาอาจเคลื่อนไหวอย่างไม่คาดคิด
• การเทรดไบนารี่ออปชั่นมีความเสี่ยงสูง และคุณอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดของคุณ

1. 1. 1. ตารางสรุปกลยุทธ์

สรุปกลยุทธ์การเทรดโดยใช้ RSI และ Pivot Points

!-|!-|

**RSI** | **Pivot Points** |

< 30 (Oversold) | ราคาเข้าใกล้หรือแตะ Support 1 (S1) หรือ Support 2 (S2) |

> 70 (Overbought) | ราคาเข้าใกล้หรือแตะ Resistance 1 (R1) หรือ Resistance 2 (R2) |

| |

2-5% ของเงินทุนทั้งหมด | |

Pivot Point (PP) หรือ Resistance 1 (R1) (สำหรับการซื้อ) | Pivot Point (PP) หรือ Support 1 (S1) (สำหรับการขาย) |

ต่ำกว่า Support 1 (S1) (สำหรับการซื้อ) | สูงกว่า Resistance 1 (R1) (สำหรับการขาย) |

1. 1. 1. กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง

• Bollinger Bands
• MACD
• Stochastic Oscillator
• Fibonacci Retracement
• Ichimoku Cloud
• Three Line Break
• Donchian Channels
• Parabolic SAR
• Average True Range (ATR)
• Elliott Wave Theory
• Harmonic Patterns
• Price Action
• Supply and Demand Zones
• Breakout Strategies
• Reversal Strategies

1. 1. 1. การวิเคราะห์ทางเทคนิคเพิ่มเติม

• Chart Patterns
• Support and Resistance
• Trend Following
• Mean Reversion
• Gap Analysis

1. 1. 1. การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย

• On Balance Volume (OBV)
• Accumulation/Distribution Line
• Volume Price Trend (VPT)

การเทรดไบนารี่ออปชั่น ต้องการความรู้ ความเข้าใจ และการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง กลยุทธ์ที่นำเสนอในบทความนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น และคุณควรปรับปรุงและพัฒนาให้เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของคุณเอง การเรียนรู้ การจัดการเงินทุน ก็สำคัญไม่แพ้กัน

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น