กลยุทธ์การลงทุนแบบ Currency Trading

1. 1. กลยุทธ์การลงทุนแบบ Currency Trading สำหรับผู้เริ่มต้น

• • Currency Trading** หรือ **Forex (Foreign Exchange)** คือการซื้อขายเงินตราต่างประเทศเพื่อทำกำไรจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ ทำให้เป็นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนทุกระดับ ตั้งแต่ผู้เชี่ยวชาญไปจนถึงผู้เริ่มต้น บทความนี้จะนำเสนอภาพรวมของ Currency Trading และกลยุทธ์การลงทุนต่างๆ ที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น รวมถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง และแนวทางการบริหารความเสี่ยง

1. 1. 1. ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับ Forex

ก่อนที่จะเจาะลึกในเรื่องกลยุทธ์การลงทุน เรามาทำความเข้าใจพื้นฐานของตลาด Forex กันก่อน

• **คู่สกุลเงิน:** สกุลเงินจะถูกซื้อขายเป็นคู่ เช่น EUR/USD (ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ) GBP/USD (ปอนด์สเตอร์ลิง/ดอลลาร์สหรัฐ) หรือ USD/JPY (ดอลลาร์สหรัฐ/เยนญี่ปุ่น)
• **อัตราแลกเปลี่ยน:** คือราคาของสกุลเงินหนึ่งเทียบกับอีกสกุลเงินหนึ่ง
• **Bid และ Ask:** Bid คือราคาที่โบรกเกอร์พร้อมที่จะซื้อสกุลเงินจากคุณ และ Ask คือราคาที่โบรกเกอร์พร้อมที่จะขายสกุลเงินให้คุณ ความแตกต่างระหว่าง Bid และ Ask คือ **Spread** ซึ่งเป็นค่าธรรมเนียมที่โบรกเกอร์เรียกเก็บ
• **Pip (Percentage in Point):** หน่วยวัดการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน โดยทั่วไปแล้ว Pip คือ 0.0001 สำหรับคู่สกุลเงินส่วนใหญ่
• **Leverage (อัตราทด):** เครื่องมือที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถควบคุมตำแหน่งที่ใหญ่กว่าเงินทุนที่มีอยู่ได้ ตัวอย่างเช่น Leverage 1:100 หมายความว่าคุณสามารถควบคุมตำแหน่งที่มีมูลค่า 100 ดอลลาร์สหรัฐด้วยเงินทุนเพียง 1 ดอลลาร์สหรัฐ แม้ว่า Leverage จะช่วยเพิ่มผลกำไรที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนด้วยเช่นกัน
• **Margin (เงินประกัน):** จำนวนเงินที่จำเป็นในการเปิดตำแหน่ง Leverage

การวิเคราะห์ทางเทคนิค และ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน เป็นสองวิธีหลักที่นักลงทุนใช้ในการวิเคราะห์ตลาด Forex

1. 1. 1. กลยุทธ์การลงทุนแบบ Currency Trading สำหรับผู้เริ่มต้น

มีกลยุทธ์การลงทุนมากมายที่สามารถใช้ในตลาด Forex กลยุทธ์เหล่านี้สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการลงทุน ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และสไตล์การซื้อขายของนักลงทุน

1. 1. 1. 1. 1. Scalping (การเก็งกำไรระยะสั้นมาก)

เป็นกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการทำกำไรจากความผันผวนเล็กน้อยของอัตราแลกเปลี่ยน โดยการเปิดและปิดตำแหน่งอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วินาทีหรือนาที กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีประสบการณ์และสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างรวดเร็ว

• **ข้อดี:** สามารถทำกำไรได้อย่างรวดเร็ว
• **ข้อเสีย:** มีความเสี่ยงสูง ต้องใช้สมาธิและวินัยอย่างมาก

กลยุทธ์ Scalping

1. 1. 1. 1. 2. Day Trading (การเก็งกำไรรายวัน)

เป็นกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการเปิดและปิดตำแหน่งภายในวันเดียวกัน เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจาก Overnight Risk (ความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงเวลากลางคืน) กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีเวลาในการติดตามตลาดอย่างใกล้ชิดในระหว่างวัน

• **ข้อดี:** ไม่มีความเสี่ยงจาก Overnight Risk, สามารถทำกำไรได้ในระยะเวลาอันสั้น
• **ข้อเสีย:** ต้องใช้เวลาในการติดตามตลาด, อาจมีความเครียดสูง

กลยุทธ์ Day Trading

1. 1. 1. 1. 3. Swing Trading (การเก็งกำไรระยะสั้นถึงปานกลาง)

เป็นกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการถือครองตำแหน่งเป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ เพื่อทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาที่ใหญ่ขึ้น กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ไม่สามารถติดตามตลาดได้ตลอดเวลา

• **ข้อดี:** ไม่ต้องใช้เวลาในการติดตามตลาดมากนัก, สามารถทำกำไรได้จากการเคลื่อนไหวของราคาที่ใหญ่ขึ้น
• **ข้อเสีย:** มีความเสี่ยงจาก Overnight Risk, อาจต้องใช้ความอดทนในการรอคอยการเคลื่อนไหวของราคา

กลยุทธ์ Swing Trading

1. 1. 1. 1. 4. Position Trading (การลงทุนระยะยาว)

เป็นกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการถือครองตำแหน่งเป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปี เพื่อทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มระยะยาว กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีความอดทนและเชื่อมั่นในแนวโน้มระยะยาวของตลาด

• **ข้อดี:** ไม่ต้องใช้เวลาในการติดตามตลาดมากนัก, สามารถทำกำไรได้จากการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มระยะยาว
• **ข้อเสีย:** มีความเสี่ยงสูงจากความผันผวนของตลาดในระยะยาว, อาจต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก

กลยุทธ์ Position Trading

1. 1. 1. 1. 5. Breakout Trading (การซื้อขายเมื่อราคาทะลุแนวต้านหรือแนวรับ)

กลยุทธ์นี้อาศัยการระบุแนวต้าน (Resistance) และแนวรับ (Support) และเข้าซื้อเมื่อราคาทะลุแนวต้าน หรือขายเมื่อราคาทะลุแนวรับ

• **ข้อดี:** สามารถทำกำไรได้รวดเร็วหากการทะลุเป็นไปตามที่คาดการณ์
• **ข้อเสีย:** อาจเกิด False Breakout (การทะลุปลอม) ทำให้เกิดการขาดทุน

กลยุทธ์ Breakout Trading

1. 1. 1. 1. 6. Trend Following (การตามแนวโน้ม)

กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการระบุแนวโน้มของตลาดและเข้าซื้อเมื่อราคาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น หรือขายเมื่อราคาอยู่ในแนวโน้มขาลง การวิเคราะห์แนวโน้ม เป็นสิ่งสำคัญสำหรับกลยุทธ์นี้

• **ข้อดี:** สามารถทำกำไรได้ในตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน
• **ข้อเสีย:** อาจขาดทุนในตลาดที่ไม่มีแนวโน้ม หรือมีการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มอย่างรวดเร็ว

1. 1. 1. 1. 7. Range Trading (การซื้อขายในกรอบราคา)

กลยุทธ์นี้ใช้เมื่อราคาเคลื่อนที่อยู่ในกรอบราคาที่ชัดเจน โดยจะซื้อเมื่อราคาเข้าใกล้แนวรับ และขายเมื่อราคาเข้าใกล้แนวต้าน

• **ข้อดี:** สามารถทำกำไรได้ในตลาดที่ไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจน
• **ข้อเสีย:** อาจขาดทุนหากราคา Breakout ออกจากกรอบราคา

1. 1. 1. เครื่องมือและตัวชี้วัดที่ใช้ในการวิเคราะห์

นอกเหนือจากกลยุทธ์การลงทุนแล้ว นักลงทุนยังสามารถใช้เครื่องมือและตัวชี้วัดต่างๆ เพื่อช่วยในการวิเคราะห์ตลาด Forex

• **Moving Averages (เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่):** ใช้เพื่อระบุแนวโน้มของตลาดและระดับแนวรับ/แนวต้าน Moving Averages
• **Relative Strength Index (RSI):** ใช้เพื่อวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มและระบุภาวะ Overbought/Oversold Relative Strength Index
• **MACD (Moving Average Convergence Divergence):** ใช้เพื่อระบุการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มและสัญญาณการซื้อ/ขาย MACD
• **Fibonacci Retracement:** ใช้เพื่อระบุระดับแนวรับ/แนวต้านที่อาจเกิดขึ้น Fibonacci Retracement
• **Bollinger Bands:** ใช้เพื่อวัดความผันผวนของตลาดและระบุสัญญาณการซื้อ/ขาย Bollinger Bands
• **Volume Analysis (การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย):** การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายสามารถช่วยยืนยันแนวโน้มและสัญญาณการกลับตัวของราคา Volume Analysis

1. 1. 1. การบริหารความเสี่ยง (Risk Management)

การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการลงทุน Forex เนื่องจากตลาด Forex มีความผันผวนสูง

• **Stop-Loss Order:** คำสั่ง Stop-Loss คือคำสั่งที่ใช้เพื่อจำกัดการขาดทุนสูงสุดที่ยอมรับได้ในแต่ละตำแหน่ง
• **Take-Profit Order:** คำสั่ง Take-Profit คือคำสั่งที่ใช้เพื่อล็อกผลกำไรเมื่อราคาถึงระดับที่ต้องการ
• **Position Sizing:** การกำหนดขนาดของตำแหน่งที่เหมาะสมกับเงินทุนและความเสี่ยงที่ยอมรับได้
• **Diversification (การกระจายความเสี่ยง):** การลงทุนในคู่สกุลเงินที่หลากหลายเพื่อลดความเสี่ยงโดยรวม

1. 1. 1. ไบนารี่ออปชั่น (Binary Options) และ Forex

ไบนารี่ออปชั่น เป็นเครื่องมือทางการเงินที่อนุญาตให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์จะขึ้นหรือลงภายในระยะเวลาที่กำหนด แม้ว่าไบนารี่ออปชั่นจะมีความคล้ายคลึงกับ Forex ในแง่ของการคาดการณ์ทิศทางราคา แต่ก็มีความแตกต่างที่สำคัญ เช่น โครงสร้างการจ่ายผลตอบแทน และระดับความเสี่ยง

1. 1. 1. ตารางสรุปกลยุทธ์การลงทุน

กลยุทธ์การลงทุนแบบ Currency Trading

กลยุทธ์	ระยะเวลาการลงทุน	ระดับความเสี่ยง	เหมาะสำหรับ
Scalping	วินาที - นาที	สูงมาก	นักลงทุนที่มีประสบการณ์และรวดเร็ว
Day Trading	ภายในวัน	สูง	นักลงทุนที่มีเวลาติดตามตลาด
Swing Trading	วัน - สัปดาห์	ปานกลาง	นักลงทุนที่ไม่สามารถติดตามตลาดตลอดเวลา
Position Trading	เดือน - ปี	สูง	นักลงทุนระยะยาว
Breakout Trading	ระยะสั้น	ปานกลาง-สูง	นักลงทุนที่สามารถวิเคราะห์แนวต้าน/รับได้
Trend Following	ระยะกลาง-ยาว	ปานกลาง	นักลงทุนที่เชื่อมั่นในแนวโน้ม
Range Trading	ระยะสั้น-กลาง	ปานกลาง	นักลงทุนที่ตลาด Sideways

1. 1. 1. สรุป

Currency Trading เป็นตลาดการเงินที่น่าสนใจและมีโอกาสในการทำกำไรมากมาย แต่ก็มีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องเช่นกัน การทำความเข้าใจพื้นฐานของตลาด Forex การเลือกกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสม และการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการประสบความสำเร็จในการลงทุน Forex

การซื้อขายเงินตราต่างประเทศ การวิเคราะห์ทางเทคนิค การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน Moving Averages Relative Strength Index MACD Fibonacci Retracement Bollinger Bands Volume Analysis กลยุทธ์ Scalping กลยุทธ์ Day Trading กลยุทธ์ Swing Trading กลยุทธ์ Position Trading กลยุทธ์ Breakout Trading การวิเคราะห์แนวโน้ม ไบนารี่ออปชั่น

การบริหารความเสี่ยง Stop-Loss Order Take-Profit Order Position Sizing Diversification Overnight Risk Spread Pip Leverage Margin

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น